นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 418 ร่วมนอน ในที่สุดทั้งสองก็ได้นอนหลับด้วยกัน
บทที่ 418 ร่วมนอน, ในที่สุดทั้งสองก็ได้นอนหลับด้วยกัน
ทั้งสองอยู่ในท่าทางเช่นนั้นโดยไม่ขยับ ต่อให้เป็นผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ เมื่อเวลาผ่านไปนานก็รู้สึกเมื่อยมือได้เช่นกัน เสด็จอาเก้าแอบนวดแขนที่เมื่อยล้าของตนเองอย่างเงียบๆ
เฟิ่งชิงเฉินขดตัวเหมือนลูกแมวอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างน่ารัก เขาเองก็ไม่ได้ขัดอะไรและกอดนางเอาไว้อย่างนั้น แต่เขาอยากจะเปลี่ยนอิริยาบถ หรือทำให้แขนที่เมื่อยล้าของเขาบรรเทาลงสักหน่อย ถ้าหากวันพรุ่งนี้เขาพบเจอกับอันตรายเข้า สภาพเช่นนี้ของเขาคงไม่อาจป้องกันตัวได้
เขาแอบขยับแขนของเขาเบาๆ แต่ก็พบว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด เสด็จอาเก้าจึงค่อยๆ เคลื่อนไหวมากขึ้น แต่แล้วเขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติไปอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเงียบเกินไปแล้ว
เมื่อก้มหน้าลงมอง ใบหน้าที่สง่างามของเสด็จอาเก้าก็แสดงความอ่อนโยนออกมาโดยไม่รู้ตัว “เจ้านี่ช่าง…” จู่ๆนางก็หลับไปในอ้อมแขนของเขา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางเชื่อใจเขามากเกินไปหรือนางไม่ได้เห็นเขาเป็นผู้ชาย
นางไม่รู้หรือว่าการที่ชายหญิงอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสองแล้วยังอยู่ในท่าทางที่ล่อแหลมเช่นนี้จะสามารถทำเรื่องต่างๆ ได้มากมาย? แต่ไม่ว่าจะทำอะไร คนที่เสียหายล้วนเป็นนาง
เสด็จอาเก้าปรับท่าทางอย่างระมัดระวัง ยามที่เตรียมจะอุ้มเฟิ่งชิงเฉินไปที่เตียงก็มองเห็นใบหน้าของนางที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
นางร้องไห้!
นางร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเขาอยู่ตั้งนาน แต่เขากลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อย เสด็จอาเก้าพบว่าหัวใจของเขาถูกบีบรัดด้วยความเจ็บปวด เขาพบเห็นหญิงงามร้องไห้มามาก แต่ไม่เคยเห็นใครที่ร้องไห้โดยไม่มีเสียงอย่างเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้เขาปวดใจเป็นอย่างมาก
สามารถร้องไห้ต่อหน้าเขาโดยไม่ถูกเขารู้ นอกจากเฟิ่งชิงเฉินจะหลั่งน้ำตาอย่างเงียบๆ แล้วนางยังไม่ส่งเสียงเลยแม้แต่น้อย น้ำตาอันน่าอึดอัดเหล่านี้ ทำให้เสด็จอาเก้ารู้สึกทุกข์ใจ
มือทั้งสองของเสด็จอาเก้าที่กอดเฟิ่งชิงเฉินกระชับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว!
“เฟิ่งชิงเฉิน แท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมจึงทำให้เจ้าเจ็บปวดหัวใจได้ถึงเพียงนี้?”
“เฟิ่งชิงเฉิน แท้จริงแล้วเป็นใครที่ทำร้ายเจ้า?”
ความอ่อนโยนบนใบหน้าของเสด็จอาเก้าหายไปในทันทีและแทนที่ด้วยความหนาวเหน็บเย็นชา
คนที่จะรังแกเฟิ่งชิงเฉินได้มีเพียงเขาเท่านั้น
เขาวางเฟิ่งชิงเฉินลงบนเตียงอย่างระมัดระวังและดึงผ้าห่มมาห่มให้นางอย่างงุ่มง่าม แม้ว่าเสด็จอาเก้าจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ตัดสินใจที่จะจากไป
เขาต้องออกไปสืบดูให้ชัดเจนว่า แท้จริงแล้วเฟิ่งชิงเฉินไปพบเจอกับใครมาและเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาไม่เชื่อว่าถ้าไม่มีอะไรเฟิ่งชิงเฉินจะมากอดเขาร้องไห้
รัศมีอาฆาตของเสด็จอาเก้านั้นรุนแรงมาก แต่ทันทีที่เขาหันหลังไป เขาก็ชะงักลง!
“ไม่เอา อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว ข้าไม่อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากอยู่คนเดียว” เฟิ่งชิงเฉินคว้าชายเสื้อของเสด็จอาเก้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ เสียงของนางแหบแห้งหลังจากการร้องไห้ ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็ให้รู้สึกสงสาร นางในตอนนี้ตรงกันข้ามกับตอนที่มีความเชื่อมั่นและความแข็งแกร่งในทุกๆ วันอย่างสิ้นเชิง
อ่อนแอและขี้กลัวยิ่งนัก น่าสงสารเหลือเกิน ที่เสด็จอาเก้าเกลียดที่สุดก็คือผู้หญิงที่เป็นแบบนี้ แต่เฟิ่งชิงเฉินที่มีท่าทีหมดหนทางเช่นนี้ เสด็จอาเก้ากลับเกลียดไม่ลง
ยามที่หญิงสาวผู้แข็งแกร่งแสดงด้านที่อ่อนแอและหมดหนทางออกมายิ่งทำให้เขาเจ็บปวดใจและไม่สามารถปฏิเสธได้
“ตกลง ข้าไม่ไป” ปล่อยให้คนพวกนั้นเป็นอิสระต่อไปอีกหนึ่งวันก็แล้วกัน เฟิ่งชิงเฉินที่เป็นเช่นนี้ทำให้เสด็จอาเก้าไม่สามารถใจแข็งกับนางได้ลงคอ
ดึกมากแล้ว เฟิ่งชิงเฉินหลับไปแล้ว เสด็จอาเก้าไม่ได้คิดจะนั่งอยู่อย่างนั้นไปทั้งคืน ถึงแม้ว่าการอดหลับอดนอนจะไม่มีผลอะไรกับเขา แต่หากนอนได้เขาก็จะนอนและเตียงของเฟิ่งชิงเฉินนั้นใหญ่พอ…
หลังจากที่ดับไฟและถอดรองเท้าแล้ว เสด็จอาเก้าก็ขึ้นไปบนเตียง เอ่อ……เตียงของเฟิ่งชิงเฉินค่อนข้างที่จะคับแคบเมื่อนอนสองคน แต่ก็ไม่เป็นไร เพียงแค่ทั้งคู่นอนเหมือนคนเดียวกันก็ไม่แออัดแล้ว
เสด็จอาเก้ายื่นมือออกมาโอบนางเข้าสู่อ้อมกอด พลิกตัวเล็กน้อย ร่างกายครึ่งหนึ่งของเฟิ่งชิงเฉินก็ทับลงบนตัวของเขา เฟิ่งชิงเฉินเชื่อฟังมาก นางไม่เพียงแต่ไม่ขัดขืน แต่ยังลูบเอวของเสด็จอาเก้าอย่างเชื่อฟัง
ในความมืดมิดยังสามารถมองเห็นมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยของเสด็จอาเก้าได้อย่างเลือนราง พร้อมทั้งสายตายิ้มแย้มอย่างปิดไม่มิด
ทงเหยาและทงจือที่อยู่ห่างออกไปข้างนอก เมื่อเห็นว่าไฟในห้องของเฟิ่งชิงเฉินดับลงแล้วก็เดินหาวกลับไปที่ห้อง
“ดูแล้วยาคลายกังวลสองเท่าได้ผลไม่เลวเลย เห็นว่าคุณหนูมีท่าทางหนักอกหนักใจ ข้ากังวลว่าคืนนี้นางจะนอนไม่หลับเสียแล้ว”
เอ่อ… รอยยิ้มบนใบหน้าของเสด็จอาเก้าเจื่อนไปเล็กน้อย ที่แท้การที่เฟิ่งชิงเฉินหลับในอ้อมแขนของเขา ความดีความชอบส่วนใหญ่ตกเป็นของยาคลายกังวลนั่นเอง ไม่ได้เป็นเพราะเขา
เสด็จอาเก้าถอนหายใจและกอดนางแน่นขึ้น
หลับเถอะ หลับเสียเถอะ วันพรุ่งนี้ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก
ทั้งสองคนเป็นดังเหมือนคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานาน ไม่มีความรู้สึกอึดอัดใดๆ และนอนกอดกันสู่ห้วงนิทรารมณ์ไปอย่างปกติและเพื่อความสบายเฟิ่งชิงเฉินก็หนุนหัวลงบนแขนของเสด็จอาเก้า
ด้วยเหตุนี้… วันต่อมาเสด็จอาเก้าจึงต้องใช้มือซ้ายกินข้าวแล้ว มือขวาของเขายังไม่ฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติ ซีหลิงเทียนอวี่นึกว่าเสด็จอาเก้าถูกลอบสังหารเมื่อคืนที่ผ่านมาและได้เตือนเขาอย่างหม่นหมองว่าให้เชิญเฟิ่งชิงเฉินมาในนามของเขาเพื่อให้นางทำแผลให้
ผู้ที่สามารถทำให้เขากลับมาเดินได้อีกครั้งจะไม่สามารถรักษาบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ได้อย่างไร
เสด็จอาเก้าไม่ได้สนใจซีหลิงเทียนอวี่ เขาเดินไปที่ห้องหนังสือด้วยใบหน้าเย็นชา เมื่อไม่เป็นที่สนใจของคนอื่น เขาก็แอบกดจุดอย่างเงียบๆ และตรวจดูให้แน่ใจว่าแขนของเขาไม่ได้ชามากเกินไปแล้ว เสด็จอาเก้าจัดการงานราชการอย่างสงบเยือกเย็นพร้อมทั้งถือโอกาสส่งคนไปสืบทุกประโยคที่เฟิ่งชิงเฉินได้ยินมาจากในวังเมื่อวานนี้
“เสด็จอาเก้าสมกับเป็นเสด็จอาเก้าจริงๆ มีบาดแผลบนร่างกายก็ไม่ได้ต่างไปจากคนทั่วไป โชคดีที่ข้าและเขาเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู การมีศัตรูแบบนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง” เพราะเรื่องนี้ซีหลิงเทียนอวี่จึงล้มเลิกความคิดที่จะแยกย้ายกับเสด็จอาเก้าไปอย่างถาวร ในภายหลังต่อให้มีโอกาสมากแค่ไหนที่เขาจะสามารถเป็นจักรพรรดิได้ ซีหลิงเทียนอวี่ก็ยอมแพ้ด้วยเช่นกัน
การเป็นศัตรูกับผู้ที่ยืนหยัดได้อย่างทรหดเช่นเสด็จอาเก้าเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดนักและเขาเองก็ไม่อยากที่จะเป็นซีหลิงเทียนเหล่ยคนที่สอง
เฟิ่งชิงเฉินตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและพบว่าตนเองนอนใส่เสื้อผ้าอยู่บนเตียง นางคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจนอยากจะให้เวลาหมุนย้อนกลับไป
“พระเจ้า ทำไมข้าถึงได้น่าขายหน้าเช่นนี้ หรือว่าข้ากำลังมีความรัก ข้าเริ่มอ่อนไหวกับเรื่องความรักแล้วหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเมื่อวานนี้นางเศร้าเสียใจด้วยเรื่องอะไร ทั้งๆ ที่เรื่องเหล่านี้ผ่านไปนานแล้ว
คนเหล่านั้นทอดทิ้งนาง นางก็ทอดทิ้งพวกเขาได้เหมือนกันมิใช่หรือ ผ่านมานานหลายปีแล้ว ในตอนนี้นางมีชีวิตที่สุขสบายและแทบจะไม่เคยได้นึกถึงพ่อแม่ของนางเลย แต่เมื่อวานนี้… เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างเงียบๆ
เรื่องร้องไห้ก็ช่างมันเถอะ แต่นางกลับพบกับเสด็จอาเก้าและยังไปร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเขาอีก น่าอายจริงๆ!
“คุณหนู ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” ทงจือและทงเหยาเข้ามาพร้อมกับน้ำล้างหน้า มื่อเห็นเสื้อคลุมของเฟิ่งชิงเฉินที่มีรอยย่นก็พร้อมใจกันไม่ถามอะไร เพียงแต่สงสัยอยู่ในใจว่าเมื่อคืนนี้มีคนมาหรือ? แต่พวกนางเองก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร
“ไม่เป็นไร” เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจ นางลุกขึ้นยืนเพื่อให้สาวใช้ทั้งสองหวีผมล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เมื่อรับประทานอาหารเช้าแล้ว นางก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเรื่องเมื่อวานอีก
เกิดขึ้นอย่างไร้ร่องรอย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้มีเพียงแต่นางและเสด็จอาเก้าที่รู้ ด้วยนิสัยของเสด็จอาเก้า เขาไม่มีทางที่จะเอ่ยถึงมันขึ้นมา ดังนั้นนางเพียงแค่ทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็พอแล้ว
“วันนี้ข้ามีเรื่องอะไรที่ต้องทำหรือไม่?” ไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลังจากที่ได้ออกมาจากวังก็ราวกับนางสูญเสียจิตวิญญาณไป หัวใจของนางเจ็บปวดเป็นระยะและตกไปอยู่ในมุมของคนที่ถูกทิ้งโดยไม่สามารถเดินออกมาได้ ในที่สุดวันนี้ความรู้สึกเช่นนั้นก็หายไป เฟิ่งชิงเฉินตัดสินใจที่จะหาเรื่องให้ตัวเองได้ทำเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานอีก…
เรื่องเมื่อคืนเป็นเพียงความบังเอิญ นางจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน