นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 487 เบาหน่อย กลิ่นคาวที่คลุ้งในอากาศ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 487 เบาหน่อย กลิ่นคาวที่คลุ้งในอากาศ
นางโน้มตัวไปข้างหน้า เฟิ่งชิงเฉินเอนกายอยู่บนร่างของเสด็จอาเก้าโดยไม่มีช่องว่างระหว่างคนทั้งสอง สองขาเรียวของนางเกี่ยวกระหวัดรัดพันอยู่กับขายาวของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินกระซิบเบาๆ ข้างหูของเสด็จอาเก้า “เสด็จอาเก้า หากให้คนทั่วหล้ารู้ว่าผู้ที่ไม่ยอมให้สตรีเข้าใกล้เช่นท่านตกอยู่ภายในร่างของข้าแล้วล่ะก็ ท่านว่าพวกเขาจะคิดเช่นไรหนอ?”
ลิ้นสีชมพูของเฟิ่งชิงเฉินเลียเข้าที่ปลายหูของเสด็จอาเก้าอย่างแผ่วเบา เป็นไปอย่างที่คิด ร่างกายของเสด็จอาเก้าสั่นเทาเล็กน้อยและเริ่มหายใจติดขัด
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากำลังเล่นกับไฟ” เสด็จอาเก้าหายใจแรง เขาต้องการพลิกตัวคร่อมร่างของนาง แต่เฟิ่งชิงเฉินกำลังทับส่วนสำคัญของเขาอยู่…
เดิมทีไม่มีอะไร แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับยั่วเขาอย่างมาก ทำให้เสด็จอาเก้าขจัดความคิดอื่นออกทั้งหมดในทันที เสด็จอาเก้าโอดครวญราวกับกำลังเจ็บปวดและต้องการการปลอบโยน
นางช่างเรียนรู้รวดเร็วจนน่าสังหารนัก
เสด็จอาเก้าสบถเสียงต่ำ แต่เขากลับลังเลที่จะผลักนางผู้อยู่ด้านบนตัวเขา สองมือลูบไล้เอวบางของนางไปมา
เรียบเนียน เต่งตึง ทำให้คนหลงใหลมิรู้วาย
“หึหึ…” เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะเสียงใสราวกับระฆังแก้ว บริสุทธิ์สามส่วน เย้ายวนสามส่วนและซุกซนอีกสี่ส่วน
“เสด็จอาเก้า ดูสิ สิ่งที่ท่านทำได้ข้าก็ทำได้และข้ายังทำได้ดีกว่าด้วย” เฟิ่งชิงเฉิน ปลดเสื้อผ้าของเสด็จอาเก้าออกด้วยนิ้วเรียวของนางและกดฝ่ามือสีชมพูของนางลงบนหน้าอกของเสด็จอาเก้าพลางลูบไล้ไปมา ริมฝีปากของนางอยู่ใกล้ลูกกระเดือกของเขาและจุมพิตลงเบาๆ พร้อมทั้งถอดเสื้อของเสด็จอาเก้าออก
เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่กำลังหวั่นไหว แล้วทำไมนางจึงต้องสวมเสื้อผ้าทั้งหมดในขณะที่เสด็จอาเก้ายังคงแต่งตัวเรียบร้อย เตียงยวบลงด้วยการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสอง หากเสด็จอาเก้าต้องการนาง เขาก็ต้องแสดงความจริงใจของเขาออกมา
นางพร้อมที่จะทำตามหัวใจของนาง เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ตั้งใจที่จะฝืนตนเอง สิ่งเดียวที่ทำให้นางไม่พอใจก็คือร่างกายนี้อายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น มันยังเด็กเกินไป ไม่รู้ว่าจะรับมือกับเสด็จอาเก้าไหวหรือไม่ หากเป็นไปได้ นางก็หวังว่าเสด็จอาเก้าจะสามารถรอได้อีกสักสองปีเพื่อให้นางเติบโตขึ้นก่อน
แต่เมื่อดูจากท่าทางของเสด็จอาเก้าแล้ว เขาคงจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว คืนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดี แต่… เรื่องแบบนี้ไม่ใช่งานหลวง แล้วจะกำหนดได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่และอย่างไร? ในเมื่อมันได้เริ่มต้นขึ้นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องยอมแพ้ไปก่อนครึ่งทาง อดกลั้นไว้นานไปก็ไม่ดีต่อร่างกาย
ในยามนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ขี้อายและอ่อนต่อโลกเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แม้ว่านางจะยังงุ่มง่ามอยู่เล็กน้อย แต่การกระทำที่เงอะงะของนางกลับทำให้เสด็จอาเก้ามีความสุข
เพียงแต่เฟิ่งชิงเฉินเชื่องช้าเกินไป เสด็จอาเก้าจึงอดไม่ได้ที่จะเร่างนาง “ชิงเฉิน เร็วหน่อย…”
“เร็วหน่อยหรือ? จะให้เร็วอย่างไร?” เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะยั่วยวน สองมือของนางหยุดลงที่เอวของเสด็จอาเก้า นิ้วเรียวของนางกำลังเล่นกับเข็มขัด จะถอดก็ไม่ถอดเสียที
เฟิ่งชิงเฉินยอมรับว่านางอาย การคิดและทำเป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนว่านางจะไม่สามารถทำต่อได้แล้ว โชคดีที่มันมืด มิเช่นนั้นหากเสด็จอาเก้าเห็นนางที่ตัวงอเป็นกุ้งสีแดงแปร๊ดอยู่บนตัวเขาคงจะต้องหัวร่องอหงายไม่หยุดแน่
เฟิ่งชิงเฉินอยากจะด่าคนนัก อย่างไรนางก็เรียนแพทย์ เรื่องการเคลื่อนไหวเพื่อสืบพันธุ์นางรู้ดีกว่าคนทั่วไป ไม่ใช่เพียงแค่การสอดใส่องคชาตเข้าไปในช่องคลอด จากนั้นขยับขึ้นลงเองมิใช่หรือ นางอ่านเอกสารทางการแพทย์ได้โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ทำไมเมื่อมาถึงคราวของนางแล้วกลับพบว่าแท้จริงแล้วเรื่องไม่ได้เป็นเช่นนั้นหนอ?
นิ้วของนางอยู่บนเข็มขัดอยู่นานโดยไม่แกะออก เสด็จอาเก้าทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงพลิกตัวและกดเฟิ่งชิงเฉินไว้เบื้องล่าง ส่วนล่างของเขาอึดอัด แต่เสด็จอาเก้ากลับไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างวู่วาม เขาจับมือของเฟิ่งชิงเฉินและนำมือของนางไปกุมยังส่วนนั้น
“ขยับหน่อย…” เสด็จอาเก้าแทบจะอยากร้องไห้ แต่ก่อนเขาใช้มือของตัวเองเพื่อแก้ปัญหา แต่วันนี้มีหญิงงามอยู่ในอ้อมแขน เขาก็ยังต้องใช้มือของเฟิ่งชิงเฉินช่วย ความเศร้านี้ไม่ธรรมดาเลย
“ท่าน…” มือของเฟิ่งชิงเฉินแข็งทื่อ แต่นางไม่ได้ปล่อยแท่งความร้อนที่แผดเผาในมือออก นางเพียงไม่อยากเชื่อว่าเสด็จอาเก้าจะสามารถทนได้ในยามนี้ เขามีเหตุผลเกินไปแล้ว
ท่าทางชะงักงันของเฟิ่งชิงเฉินทำให้เสด็จอาเก้าพอใจ เขาจูบลงไปยังมุมปากของนาง “ถ้าเจ้าไม่ต้องการ ข้าจะไม่บังคับเจ้า” เขาเสียใจมากที่ไม่อาจให้ตำแหน่งที่นางสมควรได้รับได้แล้วจะยังฝืนใจนางได้อย่างไร
เสด็จอาเก้าไม่ได้เอ่ยคำเหล่านี้ออกไป เพียงแต่ใช้การกระทำพิสูจน์คำพูด
เสด็จอาเก้านอนคร่อมอยู่บนร่างเฟิ่งชิงเฉินพลางหอบหายใจอย่างหนัก ใบหน้าที่เคร่งขรึมเย็นชาของเขาเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ งดงามราวกับดอกโบตั๋นที่เบ่งบาน
ยามที่เกิดอารมณ์รัก ไม่ใช่เพียงแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่มีเสน่ห์ ผู้ชายก็มีเสน่ห์เย้ายวนใจเช่นกัน น่าเสียดายที่ในห้องมืดเกินไป เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่เห็นท่าทางเปี่ยมเสน่ห์ของเสด็จอาเก้ายามเขาอยู่ในห้วงรัก
“ข้า…” เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกแสบจมูก
ไม่ใช่ว่านางไม่ต้องการ แต่นางไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“ชิงเฉิน เจ้าขยับมือหน่อยเถิด ข้าอึดอัดยิ่งนัก” เสด็จอาเก้าตกเป็นทาสแห่งอารมณ์จึงไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินมีบางอย่างผิดปกติไป เขาเอาแต่ชักนำให้นางช่วยเขาปลดปล่อย
มือของเฟิ่งชิงเฉินจับแท่งร้อนของเสด็จอาเก้าผ่านกางเกงของเขาเสมอ แต่เห็นได้ชัดว่านี่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเสด็จอาเก้าได้เลย เมื่อความต้องการของเขาไม่ถูกปลดปล่อย เสด็จอาเก้าจึงเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและต้องการมากยิ่งขึ้นไปอีก…
เสด็จอาเก้าถอดกางเกงออกมา เมื่อมือของเขาแตะผ้าสีขาวที่พันรอบเอว เสด็จอาเก้าก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ดีใจที่คืนนี้มืดพอและผ้าขาวนั้นก็หนาพอโดยไม่หลุดออกมา แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินก็คงจะหาไม่พบเช่นกัน
ไม่นานเสื้อผ้าของทั้งสองก็ถูกถอดออก ทั้งสองเปลือยกายเกี่ยวกระหวัดรัดแน่น มือของเฟิ่งชิงเฉินได้สัมผัสส่วนนั้นของเสด็จอาเก้าโดยไม่มีอาภรณ์ขวางกั้นเป็นครั้งแรก
มันหนาและร้อนมาก มือข้างหนึ่งจับไม่รอบด้วยซ้ำ เฟิ่งชิงเฉินกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เสด็จอาเก้ามีของดีขนาดนี้เชียว ร่างกายของนางจะรับไหวหรือ ครั้งแรกต้องเจ็บปวดมากเป็นแน่…
เฟิ่งชิงเฉินเริ่มท้อถอยอีกครั้ง เสด็จอาเก้าบอกว่าเขาจะไม่บังคับนาง เช่นนั้นก็รอจนกว่านางจะโตขึ้นเถอะ
“เจ้าเหม่ออะไร ขยับหน่อย เจ้าคงไม่ได้อยากให้ข้าอึดอัดตายใช่หรือไม่” ในสถานการณ์เช่นนี้ หญิงสาวที่อยู่ภายใต้เขายังคงเหม่อลอยได้ เสด็จอาเก้าไม่พอใจอย่างมากและขบเม้มยอดอกของนางเบาๆ เป็นการลงโทษ
“โอ๊ย…” ร่างของเฟิ่งชิงเฉินสั่นเทาและแอ่นขึ้นราวกับว่านางกำลังโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
“ชิงเฉิน ร่างกายของเจ้าอ่อนไหวยิ่งนัก” เสด็จอาเก้าไม่ยอมปล่อย เขาขบเม้มยอดอกของเฟิ่งชิงเฉินอย่างนุ่มนวลและเชื่องช้า มืออีกข้างวางอยู่บนหน้าอกด้านซ้ายของนางและใช้ปลายนิ้วนวดเค้นเบาๆ
“อืม… อ๊า เบาๆ เบาๆ หน่อย” เฟิ่งชิงเฉินเจ็บปวด นางจับมือของเสด็จอาเก้าไว้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ส่วนนั้นของเสด็จอาเก้าขยายใหญ่ขึ้นอีก
“ของท่านใหญ่เกินไปแล้วหรือเปล่า” เฟิ่งชิงเฉินพูดไม่ออก มือข้างเดียวไม่ไหว นางจึงใช้สองมือร่วมกันและบังเอิญไปสัมผัสผ้าขาวรอบเอวของเสด็จอาเก้าเข้า เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คิดอะไรมาก ในยามนี้นางไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น
เสื้อผ้าของทั้งสองคนกระจัดกระจายไปรอบๆ ระหว่างร่างของพวกเขาก็มีเสื้อผ้าอยู่บ้าง
นิ้วของเฟิ่งชิงเฉินเย็นเฉียบและอ่อนนุ่ม เพราะนางถือมีดผ่าตัด เนื้อที่นิ้วของนางจึงแข็งเล็กน้อย เมื่อมือทั้งสองของเฟิ่งชิงเฉินจับแท่งร้อนนั้นและเลื่อนขึ้นเลื่อนลง ความรู้สึกถูกสาปนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ครอบครองเฟิ่งชิงเฉินก็ตาม เสด็จอาเก้าก็รู้สึกพอใจมากขึ้นเช่นกัน
เฟิ่งชิงเฉินเพียงแค่ใช้มือของนางก็ทำให้เขามีความสุขมากมายถึงเพียงนี้…
“ชิงเฉิน ข้ามีความสุขยิ่งนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกดีเช่นนี้” เสด็จอาเก้าครวญครางอย่างพึงพอใจ แต่เพียงไม่นาน เขาก็เริ่มไม่พอใจอีกครั้ง ความต้องการอันยากจะเติมเต็ม ยิ่งได้มากก็ยิ่งต้องการมาก…
“ชิงเฉิน เร็วหน่อย” เสด็จอาเก้าเร่งครั้งแล้วครั้งเล่า แรงในมือของเขาก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เฟิ่งชิงเฉินหอบหายใจด้วยร่างกายที่ไร้กำลัง…
“เมื่อยมือแล้ว ท่านทำเองเถอะ หากท่านจะทำก็รีบทำเสีย อีกเดี๋ยวข้าจะได้ไม่เสียใจทีหลัง…” เฟิ่งชิงเฉินเหนื่อยจนหอบหายใจแรงและนอนลงบนเตียงด้วยท่าทางยอมจำนน
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
เสด็จอาเก้ารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ตัวเขากระตุก ของเหลวอุ่นๆ พุ่งใส่ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินพร้อมกลิ่นคาวคลุ้งกระจายไปในอากาศ…