นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 489 หากกล้ายั่วยวนหญิงอื่น ข้าจะถีบท่านลงจากเตียง
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 489 หากกล้ายั่วยวนหญิงอื่น ข้าจะถีบท่านลงจากเตียง
เมื่อมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าก็ตระหนักได้ว่าความปรารถนาของเขารุนแรงเกินไป เมื่อได้ลิ้มรสผลไม้ต้องห้ามครั้งแรก เขาก็ไม่สามารถควบคุมความต้องการของตนเอง บอกกับร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินเข้ากับเขาได้ดีมาก เขาให้เขาเพลิดเพลินมิรู้วาย เมื่อได้มาแล้วก็ยิ่งต้องการอีก เขาควบคุมตนเองไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เขาควบคุมตนเองไม่ได้เลย ได้เพียงแต่อาศัยสัญชาตญาณทรมานเฟิ่งชิงเฉินเพื่อตอบสนองความต้องการของร่างกายและหัวใจของเขา
โชคดีที่เฟิ่งชิงเฉินได้รับการคุ้มครองเพราะเป็นบุตรีของเฟิ่งหลี มิฉะนั้นหากถูกทรมานซ้ำๆ เช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินมีหรือที่จะยังประคองสติได้
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าก็ปวดใจ แต่ก็รู้สึกภูมิใจเล็กน้อยพลางรวบเฟิ่งชิงเฉินเข้าสู่อ้อมแขนแน่นและจูบลงที่หน้าผากของนางอย่างทะนุถนอม
“เจ้ารังเกียจที่ข้าหนัก เช่นนั้นเปลี่ยนเป็นเจ้านอนทับข้าแทนก็แล้วกัน ข้าไม่รังเกียจน้ำหนักเจ้า” เสด็จอาเก้ากอดเฟิ่งชิงเฉินแล้วพลิกตัวลงเปลี่ยนเป็นเสด็จอาเก้าอยู่ด้านล่างและเฟิ่งชิงเฉินอยู่ด้านบนทันที
ส่วนลับของทั้งสองยังคงเชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนา แท่งร้อนของเสด็จอาเก้าจึงขยับตามการเคลื่อนไหวนี้ไปด้วย มันสัมผัสผนังช่องคลอดของเฟิ่งชิงเฉินอย่างแผ่วเบา เฟิ่งชิงเฉินตัวสั่นสะท้าน ส่วนนั้นขมิบเล็กน้อย ของเหลวจึงไหลออกมาตามต้นขาด้านในเปรอะเปื้อนขาของทั้งสอง…
เฟิ่งชิงเฉินขยับอย่างอึดอัด เสียงผิวกายเสียดสีตามด้วยเสียงน้ำไหล มีกลิ่นเย้ายวนเล็กน้อยบวกกับกลิ่นคาวที่ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศทำให้อดเคลิบเคลิ้มไม่ได้
เฟิ่งชิงเฉินนอนอยู่บนร่างของเสด็จอาเก้าและรู้สึกถึงลมหายใจและอุณหภูมิร่างกายของเสด็จอาเก้าอย่างเงียบๆ
“ทำไมถึงมีเสื้อผ้าอยู่ตรงนี้ได้” ผ้าสีขาวบนเอวเปียกโชกแล้ว ก่อนหน้านี้เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้สังเกต แต่กลับพบมันในตอนนี้และกำลังเอื้อมมือไปฉีกมันออก แต่เสด็จอาเก้าคว้ามือของนางไว้
“ชุดฝึกวิทยายุทธ์ของข้า ห้ามถอด เจ้าอย่าขยับ มิเช่นนั้นวันพรุ่งนี้จะลงจากเตียงไม่ได้จริงๆ” เสด็จอาเก้าหาข้ออ้างอย่างว่องไว
โดยปกติแล้วเฟิ่งชิงเฉินจะต้องถามเพิ่มอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้… หลังจากได้เห็นความดุร้ายและแข็งแกร่งของเสด็จอาเก้าแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็คิดอะไรไม่ออก ที่จริงแล้วสมองของนางไม่ว่างให้คิดต่างหาก
เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ถามอะไรแล้ว เสด็จอาเก้าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาดึงผ้าห่มข้างตัวมาห่มร่างของเฟิ่งชิงเฉิน มือของเขาอยู่ไม่สุขลูบไล้ไปยังเอวบางและค่อยๆ ลูบต่ำลงไปด้านล่างยังจุดที่ทั้งสองเชื่อมกัน…
“ท่านอย่าคิดทำอีก ข้าไม่มีเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ” ความสนใจของเฟิ่งชิงเฉินถูกเบนไปแล้ว นางคิดจะตีมือของเสด็จอาเก้า แต่กลับไม่มีแรง ดังนั้นจึงทำได้เพียงปล่อยให้เสด็จอาเก้าเล่นกับร่างกายของนางราวกับเครื่องดนตรี
เมื่อมีผ้าห่มคลุม “ผ้า” บนร่างของเสด็จอาเก้าก็ไม่ชัดเจนอีกต่อไป
เสด็จอาเก้าหัวเราะเบาๆ มือของเขาวางอยู่บนบั้นท้ายของเฟิ่งชิงเฉิน เพียงออกแรงเล็กน้อยก็ทำให้เฟิ่งชิงเฉินเอนเข้าหาตนเอง ทำให้จุดที่เชื่อมกันของทั้งยิ่งแนบแน่นราวกับมีเจตนาที่จะทำอีกครั้ง
“อืม… อ๊า” เฟิ่งชิงเฉินครางออกมาด้วยความรู้สึกดี อุณหภูมิที่เพิ่งลดลงก็เร่าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เฟิ่งชิงเฉินบิดกายบางของนางอย่างไม่อาจควบคุม ขาทั้งสองของนางกอดรัดขาของเสด็จอาเก้าและซุกหัวลงในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้า
“ไม่ไหวแล้วจริงๆ ตรงนั้นของข้าเจ็บมาก พอรุ่งสาง ข้ายังต้องเข้าวังอีก” เฟิ่งชิงเฉินหน้าแดงก่ำซุกศีรษะของนางไว้ในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้าโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้น
“เดี๋ยวข้าจะทายาให้” เสด็จอาเก้าพูดอย่างใจเย็น เฟิ่งชิงเฉินตอบรับด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ฮือ… ช่างน่าอายยิ่งนัก นางถึงขนาดถูกทำจนไร้เรี่ยวแรงไปหมดจนขยับตัวไม่ได้ บุรุษผู้นี้น่ากลัวเกินไป ต่อไปนางจะไม่ให้เขาขึ้นเตียงง่ายๆ อีก
ในที่สุดเสด็จอาเก้าก็หยอกล้อเฟิ่งชิงเฉินและวางมือขวาบนหลังของนาง “อย่ากังวลไปเลย ข้าไม่ใช่สัตว์ร้าย ไฉนเลยจะไม่เห็นใจเจ้า ข้ารู้ว่าร่างกายของเจ้าไม่ไหวแล้ว ข้าจะไม่ทำอีก ข้าจะกอดเจ้าเช่นนี้ ปล่อยให้มันอยู่ในร่างกายของเจ้า ข้าสัญญาว่าจะไม่ขยับ”
“ท่านก็ไม่ได้ดีไปกว่าสัตว์ร้ายนักหรอก” เฟิ่งชิงเฉินพึมพำ
“เจ้าว่าอะไรนะ?” เสด็จอาเก้าได้ยินชัดเจน แต่เขาก็แสร้งถามกลับทำเป็นไม่รู้ ส่วนล่างขยับเป็นนัยข่มขู่
ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินซีดขาวด้วยความตกใจ นางกลัวว่าเสด็จอาเก้าจะทำอีกครั้งจริงๆ นางจึงรีบเอาใจเขาทันที “คนอื่นบอกว่าท่านร้ายกาจและแข็งแกร่งยิ่งนัก” ผู้ชายไม่ใช่ว่าจะชอบฟังคำเหล่านี้หรือ ยามที่เฟิ่งชิงเฉินพูดก็ไม่ลืมกอดเขาแน่นเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ
นางนี่จริงๆ เลย…
“รู้ว่าผู้ชายของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใดก็พอแล้ว ต่อไปก็ทำตัวให้สงบเสงี่ยมหน่อยเถอะ อย่าไปยั่วยวนผู้อื่นเลย” เสด็จอาเก้าฉวยโอกาสขอร้อง เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ตอบ เขาก็ขยับตัวเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินตกใจจึงรีบสัญญา “ชิงเฉินขอสัญญากับเสด็จอาเก้าว่าข้าจะไม่ยั่วชายอื่น”
“ดีมาก” เสด็จอาเก้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาคิดมาเสมอว่าไม่ว่าจะไม้อ่อนหรือไม้แข็งก็ใช้ไม่ได้ผลกับเฟิ่งชิงเฉิน แต่วันนี้เขาได้รู้แล้วว่าที่แท้เขาหาจุดอ่อนของเฟิ่งชิงเฉินไม่เจอนั่นเอง
ต่อไป… หากหารือกับเฟิ่งชิงเฉินแล้วนางไม่เห็นด้วยก็ลากนางขึ้นเตียงและบรรเลงเพลงรักอย่างหนักหน่วง ทำจนจนกว่านางจะตกลง เฟิ่งชิงเฉินที่อยู่บนเตียงคุยง่ายยิ่งนัก
เสด็จอาเก้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับอยากจะร้องไห้ออกมาอย่างเศร้าสร้อย นี่มันอะไรกัน คืนนี้นางควรคาดคั้นว่าการกระทำของเขาในวันนี้หมายความว่าอย่างไร นางไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำแต่กลับกลายเป็นว่าทั้งสองก็กลิ้งขึ้นเตียง
ขึ้นเตียงแล้วก็ขึ้นเตียงแล้ว นางควรจะร้องไห้โวยวายจะฆ่าตัวตายให้เสด็จอาเก้าต้องรับผิดชอบนางมิใช่หรือ แต่ดูตอนนี้สิ?
นางกลับกลายเป็นคนที่ถูกขู่ ห้ามไม่ให้ไปยั่วยวนชายอื่น แล้วเขาเล่า?
เฟิ่งชิงเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ ศีรษะน้อยๆ ที่ซบออกเสด็จอาเก้ากล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านไม่อนุญาตให้ข้ายั่วยวนชายอื่น แล้วท่านเล่า?”
นางถูกเขากินไปแล้ว เรื่องที่ว่าไม่มีสถานะนางก็ยอมแล้ว เห็นว่าเสด็จอาเก้าอายุปูนนี้และยังไม่มีผู้หญิงอยู่เคียงข้างก็รู้ได้ว่าเขาจะไม่แต่งงานอย่างง่ายๆ และคงจะยิ่งไม่แต่งกับนาง
ถ้าแต่งงานกับนางไม่ได้ อย่างน้อยยามที่เขารักและอยู่กับนาง เขาก็จะเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว หากแม้แต่ข้อแม้เล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ของนางเขายังทำให้ไม่ได้ นางก็จะผลักไสเขาออกไปถือว่านี่เป็นเพียงวันไนท์สแตนด์ก็แล้วกัน
แน่นอนว่าเมื่อหญิงสาวสูญเสียความบริสุทธิ์ไปก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีจิตใจเอนเอียงไปหาชายผู้นั้น เฟิ่งชิงเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัด ตอนนี้นางไม่มีขีดจำกัดความอดทนเลย เสด็จอาเก้าจะขออะไรนางก็ได้
เสด็จอาเก้ารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกังวลใจเรื่องอะไร เดิมทีเขาวางแผนจะสร้างภาพว่าพวกเขาคบกันเพื่อที่เขาและเฟิ่งชิงเฉินจะได้ไม่ถูกรบกวนจากคนภายนอก แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องหลอกลวงนั่นได้กลายเป็นจริงไปเสียแล้ว
มโนธรรมแห่งฟ้าดิน เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะมีอะไรกับนางเร็วเช่นนี้ แผนเดิมของเขาคือเมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง รอจนความสัมพันธ์ของเขาและนางมั่นคงมากขึ้น เฟิ่งชิงเฉินเชื่อใจเขามากขึ้น แต่เรื่องก็ได้เกิดไปแล้ว เขาเองก็ไม่เสียใจ
“ชิงเฉิน เพียงแค่เจ้าไม่ยั่วยวนชายอื่น ข้าก็จะไม่มีหญิงอื่นเช่นกัน ข้าจะไม่แม้แต่จะชายตามองพวกนางด้วยซ้ำ” ก่อนที่เขาจะได้พบกับเฟิ่งชิงเฉิน เขาก็ได้ทำเช่นนี้มาตลอดเป็นเรื่องธรรมดา หญิงสาวธรรมดาไม่อาจเข้ามาอยู่ในสายตาเขาได้ หากเขาเป็นพวกบ้ากามจริง ด้วยฐานะและบรรดาศักดิ์แล้ว มีผู้หญิงแบบไหนที่เขาจะหาไม่ได้อีก
หลายปีที่ผ่านมาเขามีเฟิ่งชิงเฉินเพียงคนเดียว
“ดี จำสิ่งที่ท่านพูดวันนี้ไว้ หากท่านกล้ายั่วยวนหญิงอื่นหรือมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นก็อย่าได้คิดขึ้นเตียงข้าอีกเลย” นางไม่ได้มีนิสัยรักสะอาด แต่นางรับไม่ได้จริงๆ หากจะต้องแบ่งปันผู้ชายของนางกับหญิงอื่น
แน่นอนว่านางไม่ได้ต้องการชายที่รักษาพรหมจรรย์เช่นกัน นางไม่สนใจว่าเขาผ่านอะไรมาบ้างก่อนที่จะพบนาง แต่หลังจากที่มีอะไรกับนางแล้วกลับไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอีกคนแล้วก็ยังกลับมากอดนางอีก เพียงแค่คิดนางก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว
เพียงแค่คิดว่าส่วนนั้นของเขาออกมาจากร่างของหญิงสาวอีกคนจากนั้นก็เข้ามาในร่างกายของนางทำให้นางรู้สึกรังเกียจและสกปรก นางยอมแพ้มากกว่าที่จะฝืนใจตนเอง
จะยอมทนก็ต้องมีขีดจำกัด หากเสด็จอาเก้าล้ำเส้นนาง เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดกันอีก พวกเขาจะจบกันและเป็นการจบกันโดยสิ้นเชิง…