นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 507 รอยจูบ เมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยความรัก
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 507 รอยจูบ เมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยความรัก
ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยรอยจูบสีแดงม่วง เมื่ออยู่บนผิวที่ขาวใสเช่นนี้ รอยนั้นดูเด่นชัดอย่างมาก แม้ว่าจะแกล้งเหมือนว่าไม่เห็น แต่ก็ยากมาก
ดวงตาของซุนซือสิงและสาวใช้ทั้งสี่เบิกกว้างขึ้น พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะมองผิดไป แต่ร่องรอยนั้นชัดเจนมาก แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่เคยผ่านเรื่องเหล่านี้ แต่ไม่ต้องคิดพวกเขาก็รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินผ่านอะไรมาบ้าง
แน่นอน ร่องรอยเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ลอบสังหาร ร่องรอยบนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินจางลงบ้างแล้ว เห็นได้ว่ารอยนั้นถูกทิ้งไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน ยังมีรอยเล็บคล้ายพระจันทร์เสี้ยวอยู่เล็กน้อย ไม่ลึกเท่าไหร่ ตอนนี้มีเพียงรอยจางๆ
ไม่น่าแปลกใจ ไม่แปลกใจเลยที่สองสามวันนี้คุณหนูอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อด้วยตนเอง ที่แท้แล้ว…….
“คุณหนู…” ตงเหยารีบปิดปากของตนอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงสะอื้นของตัวเองดังขึ้น นางร้องไห้โดยไม่ส่งเสียง
หญิงโสดที่สูญเสียความบริสุทธิ์ไป เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกนางจะยอมเสียมันไปอย่างเต็มใจ เมื่อนึกถึงข่าวลือเมื่อสองสามวันนี้ ตงเหยามองจ้องไปที่ชิวฮว่า เซี่ยหว่านและชุนฮุ่ย
ที่แท้แล้วข่าวลือนั้นเป็นความจริง เสด็จอาเก้าได้ชิงเอาความบริสุทธิ์ของคุณหนูของพวกนางไป
เกลียด!
ตงเหยากัดฟัน ดวงตาของนางแดงก่ำ ราวกับว่านางต้องการจะฆ่า
เขาทำลายคุณหนูของพวกเขา!
หญิงสาวสามคนส่ายหัว เพื่อแสดงว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทงจือและตงชิงถือน้ำร้อนเข้ามา เมื่อเห็นทั้งห้าคนที่กำลังตะลึง พวกนางกำลังจะถามว่าเกิดกระไรขึ้น เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นรอยบนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน นางทั้งสองอ้าปากค้าง นานก็ยังไม่รู้สึกตัว กะละมังในมือของตงชิงร่วงลงดัง “ตุ้ม”
“อ๊าก…” นางถูกน้ำร้อนกระเด็นใส่ตัว ทงจือร้องเสียงดัง คนในห้องจึงรู้ตัว ซุนซือสิงเร่งก้าวเข้าไปหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาปิดร่างกาย เฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ จากนั้นก็ดุว่าสาวใช้ว่า “จำไว้ว่า พวกเจ้าไม่เห็นกระไรเลย หากว่าเรื่องวันนี้เผยแพร่ออกมา ข้าจะทำให้พวกเจ้าทรมานยิ่งกว่าตาย”
ซุนซือสิงเป็นคนที่อ่อนโยนและขี้กลัวอยู่เสมอ ทงจื่อและทงเหยาไม่เคยเห็นเขาที่ดุร้ายเช่นนี้ พวกนางตกใจกลัวจนเร่งพยักหน้า
ชุนเซี่ยชิวตงไม่คุ้นเคยกับซุนซือสิง แต่ภาพจำแรกที่พวกนางมีต่อเขาก็เป็นเช่นเดียวกัน เขาเป็นคนอ่อนโยน เก็บตัว และเป็นเด็กผู้ชายมีความขี้กลัวเล็กน้อย แต่ไม่คาดคิดว่าเด็กชายคนนี้กลับยอมที่จะร้าย และกล่าวคำร้ายแรงเช่นนี้ออกมาเพื่อปกป้องคนที่ตนต้องการปกป้อง
“คุณชายซุน วางใจเถอะ หม่อมฉันทราบว่าควรทำเช่นไร จะไม่ทำให้คุณหนูต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน” สาวใช้ทั้งหกหน้าขาวซีดด้วยความตกใจและรีบรับปาก
ซุนซือสิงตอบรับด้วยสีหน้าที่เฉยเมย และให้ชุนฮุ่ยหวีผมของเขาขึ้นทั้งหมด เพื่อไม่ให้ผมนั้นมีผลต่อการทำงานของเขา
ซุนซือสิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใจเต้นแรงอย่างมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งตนจะกล่าววาจาร้ายแรงเช่นนี้ออกมา แต่เขาไม่เสียใจที่พูดมันออกมา
พ่อแม่ของเขาจากไปแล้ว เขาต้องปกป้องอาจารย์ อาจารย์เป็นญาติคนเดียวที่เหลือของเขา แม้ว่าเขาจะกลายเป็นมารเพื่ออาจารย์ เขาก็ไม่เสียใจ
ต่อมา ไม่มีใครกล้าพูดถึงร่องรอยบนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินอีกเลย ซุนซือสิงถือเข็มเงินเอาไว้ และฝั่งสามเข็มลงที่หลังจากเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นก็ฝังลงที่หัวใจของนางสองเข็ม
เมื่อเข็มฝังเข้าที่หัวใจ เลือดที่คอของเฟิ่งชิงเฉินก็หยุดลงอย่างอัศจรรย์ ซุนซือสิงหยิบเข็มที่ฝังอยู่ด้านหลังออก ส่วนเข็มตรงที่หัวใจไม่ขยับ
ซุนซือสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแสดงรอยยิ้มที่เขินอายออกมา ซึ่งแตกต่างจากเขาที่ดุร้ายในเมื่อสักครู่ แต่สาวใช้ทั้งหกกลับไม่กล้าที่จะดูหมิ่นเขา
ชุนฮุ่ยก้าวไปข้างหน้าในช่วงที่เหมาะสมและเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของซุนซือสิง ซุนซือสิงไม่ได้ปฏิเสธเจา
เมื่อเลือดหยุดไหลแล้ว ก็สามารถทำความสะอาดแผลได้แล้ว ผู้ป่วยรายแรก ผู้ป่วยรายที่สอง และผู้ป่วยรายที่สามที่ซุนซือสิงรักษาล้วนเป็นเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่าประสบการณ์ของเขาจะไม่มากพอ แต่ฝีมือของเขานั้นดีอย่างมาก ไม่ด้อยไปกว่าเฟิ่งชิงเฉินเลย
เมื่อทำความสะอาดคราบเลือดแล้ว รอยแผลก็ปรากฏขึ้นมา บาดแผลนั้นลึกอย่างมาก และเนื้อที่ล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อก็ขาว ไม่รู้ว่าดาบนั้นกรีดที่นางอย่างไร แผลมันถึงเปิดออกมาด้านนอกเช่นนี้ ดูน่าเกลียดอย่างมาก
ซุนซือสิงขมวดคิ้ว และขณะทำความสะอาดบาดแผล เขาคิดกับตัวเองอย่างเงียบๆ ว่า บาดแผลลึกเช่นนี้จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้หรือไม่? ยาที่ซูเหวินชิงนำมาเมื่อคราวก่อนใช้หมดแล้ว ไม่รู้เรื่องจะขอได้อีกเมื่อไหร่
ไม่ว่าอย่างไรอาจารย์ก็เป็นผู้หญิงด้วย หากทิ้งรอยแผลเป็นที่เหมือนตะขาบแบบนี้ไว้ที่คอ ซึ่งจะส่งผลต่อชีวิตในอนาคตของนางอย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่พูดถึงทางเสด็จอาเก้าก็พอ
มีแผลเป็นนี้อยู่ หากว่าเสด็จอาเก้าเบื่อหน่ายแล้ว อาจารย์จะทำอย่างไร? ตอนนี้อาจารย์เป็นคนของเสด็จอาเก้า
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซุนซือสิงได้แอบขุ่นเคืองเสด็จอาเก้าที่ทำกระไรเย่อหยิ่ง ไม่สนใจว่าอาจารย์ของตนจะเป็นอย่างไร เสด็จอาเก้าไม่รู้หรือว่าความบริสุทธิ์นั้นสำคัญต่อผู้หญิงคนหนึ่งมากเพียงใด แม้ว่าเสด็จอาเก้ายอมที่จะแต่งงานกับอาจารย์ แต่อาจารย์เสียบริสุทธิ์ไปแล้ว ไม่มีทางที่จะเป็นภรรยาของเสด็จอาเก้าอย่างแน่นอน
อาจารย์ของเขาซึ่งเป็นสตรีที่เย่อหยิ่งและเข้มแข็งเช่นนั้น จะเต็มใจเป็นนางสนมได้อย่างไร
ซุนซือสิงกังวลมาก และขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้สาวใช้ทั้ง 6 คนหวาดกลัว ขณะที่ซุนซือสิงหยิบเข็ม ทงจื่อถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณชายซุน คุณหนูของเราจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
“ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านอาจารย์เป็นกระไรไป” ซุนซือสิงซิ่งโบกมือให้สาวใช้ทั้งสี่คนชุนเซี่ยชิวตงถือไฟเข้าใกล้เข้ามา เขาจะได้ฝังเข็มได้สะดวกมากขึ้น
เวลากลางคืน และลานเล็กๆ ในเขตตะวันตกก็สว่างไสว โดยเฉพาะห้องนอนของเฟิ่งชิงเฉินซึ่งสว่างกว่าตอนกลางวัน ทุกคนในห้องมีความกระตือรือร้น จนไม่กล้าแม้แต่จะอู้งาน เพราะกลัวว่าหากตนพลาด อาจทำให้เฟิ่งชิงเฉินเสียชีวิต
ซุนซือสิงคุกเข่าอยู่ข้างเฟิ่งชิงเฉิน ขาชาอย่างมาก แต่เขากลับไม่กล้าขยับ เข็มในมือของเขาเจาะเข้าในผิวหนังแล้ว จากนั้นก็เอาออก ทำวนซ้ำๆ
ซุนซือสิงรู้สึกโชคดีที่ดาบของนักฆ่าไม่ได้ตัดหลอดเลือดแดงด้านขวาของเฟิ่งชิงเฉินทิ้ง ไม่เช่นนั้นหลอดเลือดจะหดตัวเข้าด้านใน เขาจะต้องควักหลอดเลือดออกมา หากถึงเวลานั้นบาดแผลที่คอของเฟิ่งชิงเฉินอาจน่าเกลียดว่านี้
คุณชายซุนใช้เข็มและด้ายชนิดพิเศษในการเย็บหลอดเลือด หลังจากเย็บหลอดเลือดแล้ว เขาก็เปลี่ยนเป็นเข็มและด้ายอื่น หากสังเกตดีๆ จะพบว่าเข็มเย็บที่ซุนซือสิงใช้มีขนาดเล็กกว่าขนาดปกติ ฉะนั้นเมื่อตอนเย็นแผล จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเย็บดีแล้ว
เขากำลังเผื่อทางออก หากว่าแผลเป็นที่คอของเฟิ่งชิงเฉินอาจไม่จางหาย อย่างน้อยก็ดูดีกว่าสักหน่อย
ที่เป็นครั้งแรกที่ชุนเซี่ยชิวตงและทงจื่อทงเหยาเห็นการเย็บแผล ต้องยอรับว่ามันคาวและโหดร้ายอย่างมาก แต่หญิงสาวทั้งสามนั้นอย่างนั้นก็รู้ว่าควรทำอย่างไร แต่เมื่อเก็นซุนซือสิงถือเข็มและจิ่มไปมาบนร่างหายของคุณหนูของพวกนางแล้ว พวกนางก็อดไม่ได้ที่จะขุนลุก หากไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเฟิ่งชิงเฉินหรือตนเอง ตอนนี้สาวใช้ทั้งหกคงจะล้มลงกับพื้นแล้ว
สำหรับคนในลานบ้านนอก คืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นคืนที่ยากที่จะนอนหลับ ไม่ว่าคนของจวนเฟิ่งเอง หมายถึงเหล่าทหารที่มุ่งตามมือสังหารไป
ชายชุดดำสามารถแอบเข้าไปในห้องของเฟิ่งชิงเฉิน ภายใต้การปกป้องอย่างดีของสายลับ แสดงว่าต้องเก่งอย่างมาก อย่างน้อยก็เก่งยิ่งกว่าสายลับและเหล่าทหาร
มือสังหารที่สวมชุดดำถูกยิง 2 นัด แต่ไม่โดนจุดสำคัญ อีกทั้งชายเสื้อดำเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว แม้ว่าสายลับและทหารจะไล่ตามตลอดทาง แต่เขาก็สามารถหนีไปได้
หนึ่งชั่วโมงต่อมา สายลับและทหารกลับมาโดยไม่ได้ตังเขา เมื่อได้ข่าวว่าเฟิ่งชิงเฉินยังไม่ฟื้น แต่พ้นขีดอันตรายแล้ว หัวหน้าสายลับและทหารต่างก็ผู้โล่งอก
วันนี้พวกเขาทำหน้าที่ออกมาไม่ดี จับตัวมือสังหารไว้ไม่ได้ พวกเขาจะต้องถูกตำหนิอย่างแน่นอน แต่เฟิ่งชิงเฉินยังมีชีวิตอยู่ อย่างนั้นพวกเขาก็รอดตายเช่นกัน
สายลับของจวนอ๋องเก้าและทหารของตี๋ชินอ๋องต่างก็รู้ว่ามีคนของอีกฝ่ายอยู่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจอหน้ากัน พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าที่เศร้าหมอง ราวกับว่าเจอปัญหาเดียวกัน พวกเขาเดินเข้าหากัน และแลกรายละเอียดต่างๆ เพื่อที่จะเตรียมคำกล่าวให้พร้อม จากนั้นก่อนที่ฟ้าจะสว่างพวกเขาต่างก็จากไป และรายงานเรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินถูกลอบสังหารได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นให้กับนายของพวกเขา…….