นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 554 คุกเข่า จะขอร้องใครก็ต้องทำท่าทางขอร้องด้วย
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 554 คุกเข่า จะขอร้องใครก็ต้องทำท่าทางขอร้องด้วย
บรรยากาศในจวนเฟิ่งตึงเครียด ไฟสงครามกำลังจะปะทุ เจ้าเมืองเย่เฉิงใช้การกระทำบอกเฟิ่งชิงเฉินว่าเขาไม่ได้แต่เพียงข่มขู่นางเท่านั้น เพียงแค่เฟิ่งชิงเฉินกล้าที่จะไม่เชื่อฟังเขา จวนเล็กซีชวีแห่งนี้ก็จะต้องเกิดการนองเลือดขึ้น…
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าฟังไม่เข้าใจหรือว่านางไม่กลัว นางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเผชิญหน้ากับเจ้าเมืองเย่เฉิง ใบหน้าของนางเชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างดื้อรั้น
ท่าทางแข็งกระด้างของเฟิ่งชิงเฉินทำให้เจ้าเมืองเย่เฉิงไม่พอใจอย่างยิ่ง เมื่อองครักษ์ได้รับสัญญาณ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อขู่อีกครั้ง “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไม่ได้ยินคำพูดของท่านเจ้าเมืองหรือ? ยังไม่รีบไปนำกล่องยามาอีก หากทำให้อาการบาดเจ็บของนายน้อยต้องรอช้า ต่อให้มีเจ้าสิบคนก็ชดใช้ไม่ไหว”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเสียสละชีวิตของข้าเพื่อนายน้อยของพวกเจ้า” เฟิ่งชิงเฉินเยาะเย้ย
“เฟิ่งชิงเฉิน อย่าได้ไม่กินเหล้าคารวะแต่จะกินเหล้าลงทัณฑ์” องครักษ์ทำท่าจะชักมีดออกมาสังหารคน แต่เมื่อมีดถูกชักออกมาได้ครึ่งหนึ่ง เจ้าเมืองเย่เฉิงก็กลับเล่นบทคนดี “หยุด อย่าได้ไร้มารยาทกับหมอเฟิ่ง”
ใช้ไม้แข็งก่อนค่อยใช้ไม้อ่อน เจ้าเมืองเย่เฉิงต้องการใช้ความน่าเกรงขามทำให้เฟิ่งชิงเฉินยำเกรง เมื่อทำให้ผู้คนยำเกรงแล้วค่อยพูดเอาใจสองสามคำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกขอบคุณ
“หมอเฟิ่ง พวกเราชาวเย่เฉิงไม่ใช่ผู้ไร้เหตุผล เพียงแค่เจ้ารักษาบุตรชายของข้าจนหายดี ค่ารักษาย่อมไม่น้อยแน่นอน ได้ยินมาว่าค่ารักษาของหมอเฟิ่งคือทองคำหนึ่งพันตำลึง เอาค่ารักษาเข้ามา”
ทองคำสิบกล่องถูกหามขึ้นมาวางไว้ข้างหน้าเฟิ่งชิงเฉินอย่างเรียบร้อย แสงสีทองประกายเย้ายวน หากเป็นคนสมัยโบราณตัวจริงจะต้องหวั่นไหวแน่ แต่น่าเสียดาย…
แม้ว่าสกุลเงินที่ใช้ในแผ่นดินใหญ่จะเป็นเงินและทอง แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ธนบัตรสามารถทำให้เฟิ่งชิงเฉินหวั่นไหวได้มากกว่า หากเจ้าเมืองเย่เฉิงนำธนบัตรจีนสิบกล่องออกมาวาง ไม่แน่ว่านางคงจะหวั่นไหวอยู่บ้าง
เงินและผ้าไหมชั้นดีทำให้คนหวั่นไหว เป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาที่จะหลุดพ้นจากการถูกเงินล่อลวง แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ขาดแคลนเงินในขณะนี้ ความเย้ายวนใจของทองคำของเจ้าเมืองเย่เฉิงจึงไม่มีผลนักสำหรับนาง บวกกับท่าทีของเจ้าเมืองเย่เฉิงไม่สามารถทำให้นางหวั่นเกรงได้ ดังนั้นเจ้าเมืองเย่เฉิงต้องผิดหวังกลับไปอย่างแน่นอน
เฟิ่งชิงเฉินกวาดตาดูกล่องทองคำสิบกล่องอย่างดูแคลนและไม่เห็นมันอยู่ในสายตา “ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิง ข้าเกลียดการถูกข่มขู่เป็นที่สุด อาการบาดเจ็บของนายน้อยเย่ ไม่ว่าข้าจะรักษาได้หรือไม่ก็ตาม ตอนนี้ข้าไม่ต้องการรักษาให้ หากจะให้คนในจวนของข้าตายให้แก่นายน้อยเย่ ท่านเจ้าเมืองก็โปรดลงมือเถิด
แต่ว่าท่านเจ้าเมืองควรจะคิดให้ดีก่อนจะลงมือว่าที่แห่งนี้คือที่ใด ท่านเจ้าเมือง อย่าหาว่าข้าข่มขู่ท่านเลย เพียงแค่คนในจวนข้าตายเพราะเหตุนี้แม้เพียงคนเดียว นายน้อยเย่ก็อย่าได้คิดว่าจะออกจากตงหลิงไปอย่างมีชีวิตอยู่เลย”
“เพี๊ยะ…” เจ้าเมืองเย่เฉิงตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้พูดกับข้าเช่นนี้!”
“ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิง ท่านจะลองดูก็ได้ว่าชิงเฉินกล้าหรือไม่ ทหารชั้นยอดแห่งเย่เฉิงนั้นทรงพลังจริงๆ แต่อย่าลืมว่าสองหมัดนั้นยากจะต้านทานสี่ฝ่ามือ หากท่านทำร้ายข้า ไม่ว่าทหารของเย่เฉิงจะแข็งแกร่งเพียงใดก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตรอดออกไปจากเมืองหลวงแห่งตงหลิง” การประหารก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลังเช่นนี้ แต่ก่อนนางไม่เคยกล้าทำ แต่ตอนนี้นางกลับไม่กลัวเลย
องค์จักรพรรดิทรงกังวลเรื่องบิดาและพี่ชายของฮองเฮามาก ไฉนเลยจะมีแก่ใจมายุ่งเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ เมื่อรอจนองค์จักรพรรดิทรงทราบ เรื่องนี้ก็มีบทสรุปไปแล้ว
เจ้าเมืองเย่เฉิงโกรธมากจนเส้นเลือดปูดโปน เขาสะกดความอยากฆ่าคนเอาไว้พลางกัดฟันกล่าวว่า “เฟิ่งชิงเฉิน จักรพรรดิตงหลิงอนุญาตให้ข้านำกองกำลังเข้ามาในเมืองเป็นการส่วนตัว เจ้าคิดว่าเขาจะอยู่ข้างเจ้างั้นหรือ หรือเจ้าคิดว่าเสด็จอาเก้าจะมาช่วยเจ้า?
“จะบอกความจริงให้เจ้าฟัง เสด็จอาเก้าของเจ้าถูกจับตัวเข้าวังไปแล้ว หากเจ้าต้องการรอให้เขามาช่วยเจ้าย่อมเป็นการเพ้อฝันอย่างมิต้องสงสัย เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าควรตามข้าไปรักษาเย่เย่อย่างเชื่อฟัง เพียงแค่รักษาเย่เย่ให้หาย ข้าจะเพิกเฉยต่อความหยาบคายของเจ้า” เจ้าเมืองเย่เฉิงอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้เฟิ่งชิงเฉินเพื่อให้นางรู้สถานการณ์เสียบ้าง
แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินได้ยินเช่นนั้นก็ยังคงพูดเพียงแค่สองคำเท่านั้น “ไม่ช่วย”
“เจ้ากล้าหรือ!” เจ้าเมืองเย่เฉิงโกรธแล้วจริงๆ เขาคร้านจะแสร้งทำเป็นคนดีแล้ว “ทหาร จับข้ารับใช้ทั้งหมดของจวนเฟิ่งและฆ่าหนึ่งคนยามเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปจนกว่าหมอเฟิ่งจะตกลง”
“ขอรับ!” พวกทหารลงมืออย่างพร้อมเพรียงกัน
“หยุดเดี๋ยวนี้” เฟิ่งชิงเฉินตบโต๊ะ
“ทำไม เจ้ากลัวแล้วหรือ?” เจ้าเมืองเย่เฉิงขยิบตาให้ทหารเป็นสัญญาณให้พวกเขารออีกหน่อย
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีอยู่ไกลถึงชายแดน หากรอเขามา นายน้อยเย่ก็คงจะตายเสียแล้ว ตอนนี้มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถช่วยนายน้อยเย่ได้ ท่านเจ้าเมือง ท่านควรสุภาพกับข้าเสียหน่อย ข้าเป็นสาวน้อยที่จำแค้นฝังใจ”
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีอยู่ไกลถึงชายแดน หากรอเขามา นายน้อยเย่ก็คงจะตายเสียแล้ว ตอนนี้มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถช่วยนายน้อยเย่ได้ ท่านเจ้าเมือง ท่านควรสุภาพกับข้าเสียหน่อย ข้าเป็นสาวน้อยที่จำแค้นฝังใจ”
กลัว? กลัวที่ไหนกัน ตอนนี้กำลังขอร้องนาง จะขอร้องใครก็ต้องมีท่าทางแบบคนที่มาขอร้องหน่อย
ขู่งั้นหรือ นางก็สามารถเช่นกัน เย่เฉิง นางกลัวเสียที่ไหน
“เจ้า… เฟิ่งชิงเฉิน ทำอย่างไรเจ้าจึงเต็มใจช่วยเย่เย่” หากไม่ใช่มีเพียงแค่เฟิ่งชิงเฉินที่สามารถช่วยเย่เย่ได้ มีหรือเขาจะมาต่อความยาวสาวความยืดกับนางเช่นนี้ หากนับสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินทำกับเย่เย่ เพียงแค่เดินเข้ามาเขาก็สั่งฆ่านางได้แล้ว
“จะให้ชิงเฉินช่วยนายน้อยเย่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” เฟิ่งชิงเฉินเล่นตัว นางมองไปยังซูหว่านที่อยู่ด้านหลังเจ้าเมืองเย่เฉิงและพูดอย่างชั่วร้าย “ตอนแรกชิงเฉินตั้งใจจะช่วยนายน้อยเย่แต่กลับถูกทุกคนเหยียดหยามและขับไล่ไสส่ง อีกทั้งยังบอกให้ชิงเฉินคุกเข่าขอโทษแม่นางซูหว่านต่อหน้าทุกคน ความต้องการของชิงเฉินนั้นไม่มากเลย จะให้ชิงเฉินช่วยรักษานายน้อยเย่ก็ได้ ให้แม่นางซูหว่านคุกเข่าขอโทษชิงเฉินต่อหน้าทุกคนก็พอแล้ว”
ส่วนเย่เย่นั้น เมื่อมีเจ้าเมืองเย่เฉิงอยู่คงต้องเอาไว้คราวหน้า
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเสียดายเล็กน้อย ช่างเป็นโอกาสที่ดีจริงๆ หากเจ้าเมืองเย่เฉิงไม่อยู่ นางต้องบังคับให้เย่เย่คุกเข่าลงให้นางได้แน่ ให้เขาต้องขายหน้า คราวหน้าเมื่อเขาพบนางก็ต้องเดินอ้อม
เมื่อเทียบศักดิ์ศรีกับชีวิตแล้ว แน่นอนว่าสิ่งหลังสำคัญกว่า
“ท่านลุง อย่าไปเชื่อคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน ท่านพี่ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสียหน่อย คำพูดของนางเต็มไปด้วยคำโกหก นางจงใจจะทำให้หลานต้องอับอาย” ซูหว่านพูดด้วยใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือดและกัดริมฝีปากของนาง
ซูหว่านรู้ดีว่าในใจของเจ้าเมืองเย่เฉิงนั้น ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับชีวิตของเย่เย่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคนที่กำลังจะคุกเข่าไม่ใช่เย่เย่หรือคนในตระกูลเย่
เฟิ่งชิงเฉินร้ายกาจเกินไปแล้ว ซู่หว่านถลึงตามองเฟิ่งชิงเฉิน แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับมองตอบกลับมาอย่างเฉยเมย
“เฟิ่งชิงเฉิน สิ่งที่ซู่หว่านพูดนั้นเป็นความจริงหรือ?” เจ้าเมืองเย่เฉิงหวั่นไหวแล้ว
นี่คือตงหลิง เขาสามารถนำกองทหารเข้ามาขู่เฟิ่งชิงเฉินได้ แต่ถ้าผู้คนถูกฆ่าตาย เขาจะไม่สามารถอธิบายให้จักรพรรดิฟังได้
“ไม่สำคัญว่าจริงหรือเท็จ ท่านเจ้าเมืองต้องหารให้ชิงเฉินn จะไปรักษานายน้อยเย่ก็ได้ เพียงแค่แม่นางซูหว่านคุกเข่าลงขอโทษข้า ข้าจะไปทันที” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มอย่างสดใสราวกับว่าผู้ที่เอ่ยข้อเสนออันไร้มารยาทนี้จะไม่ใช่นาง
“ไม่มีทาง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน กล้าให้ข้าคุกเข่าลงเพื่อเจ้าหรือ หากข้ายอมคุกเข่าให้เจ้า เจ้าจะให้เย่เฉิงและตระกูลซูเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” ซูหว่านปฏิเสธอย่างหนักแน่นโดยไม่รอให้เจ้าเมืองเย่เฉิงเอ่ยอะไร อีกทั้งยังเอาเรื่องศักดิ์ศรีของเย่เฉิงและตระกูลซูมาเกี่ยงเนื่องด้วยอย่างชาญฉลาด
“แม่นางซูหว่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนก็เอาไปไว้ที่นั่นเถิด เกี่ยวอะไรกับชิงเฉินด้วย ประตูอยู่ที่นั่น ท่านเจ้าเมือง แม่นางซูหว่าน ชิงเฉินจะไม่ส่งล่ะ แม่นางซูหว่านคิดได้เมื่อไหร่ก็ค่อยมาเชิญข้าก็แล้วกัน แน่นอนว่าพวกท่านครคิดออกให้เร็วหน่อย หากขืนยังรอช้าต่อไป ชิงเฉินเกรงว่านายน้อยเย่จะรอไม่ไหว” เฟิ่งชิงเฉินหันหลังไปดึงตัวซุนซือสิงขึ้นและเดินออกไปอย่างผ่าเผย…
นางกำลังรอ รอให้เจ้าเมืองเย่เฉิงเรียกนาง
ห้า……
สี่……