นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 555 สงครามปืน หมอฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 555 สงครามปืน หมอฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย
สาม……
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินนับถึงสามอยู่ในใจ ในที่สุดเจ้าเมืองเย่เฉิงก็อดทนไม่ไหวแล้ว เขาเอ่ยขึ้นว่า “หยุด”
แววสังหารในดวงตาของเจ้าเมืองเย่เฉิงนั้นยิ่งรุนแรงขึ้น หมอตัวเล็กๆ คนหนึ่งกล้าที่จะชักสีหน้าใส่เขา คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
“เฟิ่งชิงเฉิน อย่าคิดว่าข้าสุภาพต่อเจ้าแปลว่าข้ากลัวเจ้า เจ้าคิดดูให้ดี วันนี้หากเจ้าทำให้ข้าต้องอับอาย แม้ว่าข้าจะทำเช่นนั้นได้ ในอนาคตข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่”
“ตามสบาย หากท่านเจ้าเมืองคิดจะลงมือกับชิงเฉิน ชิงเฉินก็น้อมรับ แต่ชิงเฉินต้องขอเตือนนายน้อยเย่สักหน่อยว่าอย่าลืมว่าชิงเฉินเป็นหมอ หมอใช้ยาช่วยชีวิตคนได้ แน่นอนว่าก็ใช้ยาสังหารคนได้ด้วยเช่นกัน หมอฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย แม้ชิงเฉินจะดูแคลนผู้ที่ใช้ฝีมือแพทย์สังหารคน แต่กระต่ายเมื่อเข้าตาจนก็กัดคนได้เช่นกัน ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงคิดจะบีบจนให้ชิงเฉินจนตรอก ก็อย่าได้โทษว่าข้าใจคอเหี้ยมโหดวางยาพิษในเย่เฉิงก็แล้วกัน
เฟิ่งชิงเฉินพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่สีหน้าของเจ้าเมืองเย่เฉิงและซูหว่านกลับเปลี่ยนไปทันที…
หมอฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย มีคนพิสูจน์แล้วว่าประโยคนี้เป็นความจริง หมอที่มีฝีมือล้ำเลิศไม่เพียงช่วยชีวิตคนได้ แต่ก็ฆ่าคนได้ด้วยเช่นกัน
แววตาของเจ้าเมืองเย่เฉิงฉายแววดุร้าย พวกเขาเย่เฉิงได้ทำให้เฟิ่งชิงเฉินขุ่นเคืองมากแล้ว ในเมื่อนางปฏิเสธที่จะช่วยรักษาเย่เย่ เช่นนั้นลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ รอจนเย่เย่รักษาหายแล้วค่อยฆ่านางก็ได้
เจ้าเมืองเย่เฉิงขยิบตาให้ทหาร ทหารและก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ขณะที่เฟิ่งชิงเฉินยกเท้าขึ้นเพื่อก้าวข้ามธรณีประตู ดาบของทหารก็แทงลงมาที่หลังของเฟิ่งชิงเฉิน…
ราวกับนางมีตาหลัง เมื่อดาบกำลังจะมาถึงหลังของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินก็สะดุดธรณีประตูล้มไปข้างหน้า นางไม่เพียงล้มไปคนเดียวเท่านั้น แต่อย่างสามารถหลบดาบใหญ่ของทหารได้และนำซุนซือสิงที่อยู่ข้างกายหลบวงดาบไปพร้อมกัน
“ลงมือ เว้นนางไวคนหนึ่ง!” เจ้าเมืองเย่เฉิงก็สั่งออกมาอย่างไม่เกรงใจ เหล่าทหารเตรียมพร้อมอยู่แล้วจึงพากันบุกเข้ามา ในยามนี้เองเฟิ่งชิงเฉินที่ดูเหมือนจะล้มลงกลับพลิกตัวขึ้นมาผลักซุนซือสิงและหยิบสิ่งของสีดำเหนี่ยวไกไปยังทหารที่ฉวยโอกาสโจมตีจากด้านหลัง
อย่าโทษข้าเลย หากจะโทษก็โทษเจ้านายของเจ้าที่โง่เกินไปเถิด หากเป็นคนในราชวงศ์ตงหลิง นางคงทนได้หน่อย แต่เพียงคนนอกคนหนึ่งคิดจะข่มขู่นางในตงหลิงหรือ ฝันไปเถอะ!
“ปัง…” ทหารผู้นั้นมีเลือดไหลออกมาจากหว่างคิ้วและล้มลงกับพื้นเสียงดังตุ้บ
ก่อนที่คนอื่นๆ จะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ได้ยินเสียง “ปัง ปัง ปัง…” ดังขึ้นหลายครั้ง ทหารที่อยู่ใกล้เฟิ่งชิงเฉินก็ล้มลงกับพื้นทีละคน
“หยุด! หากก้าวเข้ามาอีกก้าวก็อย่าหาว่าข้าหยาบคาย” เฟิ่งชิงเฉินยกปืนขึ้นเล็งไปที่เจ้าเมืองเย่เฉิง รอยยิ้มบนใบหน้าของนางไม่ลดลงเลย
“ท่านเจ้าเมือง ท่านอยากลองสักหน่อยไหม ดาบของพวกท่านเร็วหรืออาวุธลับของข้าเร็วกว่ากัน ข้ารับประกันได้ว่าระยะทางแค่นี้ท่านจะต้องตายอย่างแน่นอน”
“นี่เป็นอาวุธลับอะไร?” เจ้าเมืองเย่เฉิงไม่กล้าหุนหันพลันแล่น เขาเห็นพลังทำลายล้างของสิ่งของในมือของเฟิ่งชิงเฉิน
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินกว้างขึ้นเรื่อยๆ แต่นางกลับถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากก้นบึ้งของหัวใจ โชคดีที่หยุดยั้งลงได้ หากเจ้าเมืองเย่เฉิงขยับอีก นางคงต้านทานไม่ไหวจริงๆ
แม้เร็วแค่ไหนก็ไม่อาจเร็วกว่ามีดของคนจำนวนมากได้
“เป็นของเล่นที่เสด็จอาเก้ามอบให้ชิงเฉิน ทำไมหรือ? ท่านเจ้าเมืองสนใจหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มอย่างสง่างาม นางถูกทหารล้อมไว้แต่กลับไม่มีความตื่นตระหนกใดๆ
ดวงตาคู่งามกวาดออกไป ก่อนที่ทุกคนจะได้สติจากความน่าเกรงขามนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็เปิดให้เจ้าเมืองเย่เฉิงดู “ท่านเจ้าเมืองดูหน่อยหรือไม่ แล้วคิดพิจารณาเจรจากับข้า เรื่องรักษานายน้อยเย่นั้นลงมืออะไรกัน ช่างน่าเกลียดจริง”
เฟิ่งชิงเฉินโยนปลอกกระสุนเปล่าให้เจ้าเมืองเย่เฉิง เจ้าเมืองเย่เฉิงคิดไปว่าของนี้เป็นสิ่งมีค่า ในดวงตามีประกายประหลาดและยื่นมือไปรับมันมา ในขณะนี้เฟิ่งชิงเฉินอาศัยช่วงเวลานี้หยิบลูกกระสุนลูกใหม่ออกมาอย่างรวดเร็ว เสียงกริ๊ก ใส่กระสุน กดสลัก
“แย่แล้ว เฟิ่งชิงเฉินกำลังติดตั้งอาวุธลับ รีบลงมือเสีย”
เจ้าเมืองเย่เฉิงได้สติแต่ก็สายเกินไปแล้ว
ปัง…
เฟิ่งชิงเฉินยิงไปที่เท้าของเจ้าเมืองเย่เฉิงทำให้เจ้าเมืองเย่เฉิงถอยกลับไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะทำให้กำแพงของทะลุ
“หยุด หยุด ข้าบอกให้หยุด” เจ้าเมืองเย่เฉิงรีบพูดเพราะกลัวว่าเขาจะตายเพราะปืนของเฟิ่งชิงเฉิน
“ท่านเจ้าเมือง อย่าได้ตื่นตระหนกไปเลย ชิงเฉินไม่มีเจตนาจะฆ่าคน มันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น” ปืนลั่น นางไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินไร้เดียงสา บนใบหน้ามีรอยยิ้มสงบประดับอยู่
จะฆ่าทหารอีกสองสามคนก็ไม่เป็นไร แต่หากนางฆ่าเจ้าเมืองเย่เฉิงเข้า นางต้องมีปัญหาใหญ่แน่
“ยังจะยืนอึ้งอะไรอยู่ ลงมือเสีย อาวุธลับของนางหมดแล้ว” เจ้าเมืองเย่เฉิงคำราม ชีวิตของเขาถูกคุกคาม ทำให้เจ้าเมืองเย่เฉิงแทบจะเสียสติ
“ขอรับ” ทหารกรูกันเข้ามาอีก เฟิ่งชิงเฉินยิงอีกนัด กระสุนถูกยิงไปที่หว่างคิ้วของเจ้าเมืองเย่เฉิง
อ๊า… ซูหว่านกรีดร้องเสียงดัง เจ้าเมืองเย่เฉิงกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อกระสุนนัดแรกยิงเข้าที่กำแพง กระสุนนัดที่สองก็เฉี่ยวหูของเจ้าเมืองเย่เฉิงไป
“ท่านเจ้าเมือง ยังอยากเล่นอีกไหม? อีกครั้งคงไม่โชคดีเช่นนี้ ไม่แน่ว่ามือข้าเกิดลั่นขึ้นมา ศีรษะของท่านอาจจะเละก็ได้” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มราวกับเด็กที่ไม่มีพิษภัย แต่มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่าตนเองประหม่ามากจนเหงื่อออกที่ฝ่ามือ หากกระสุนสองนัดไม่สามารถยับยั้งเจ้าเมืองเย่เฉิงได้ หากเขายังจะใช้ไม้แข็งต่อ นางจะต้องลำบากแน่
มีอาการปวดแสบปวดร้อนจากหู ดวงตาของเจ้าเมืองเย่เฉิงแดงก่ำ คราวนี้เขาตกใจกับเฟิ่งชิงเฉินจริงๆ และรีบพูดว่า “หยุดมือ!”
“ท่านเจ้าเมืองเป็นคนฉลาด” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มด้วยความพึงพอใจ ในที่สุดหลังที่แข็งทื่อของนางก็ผ่อนคลายลง
เมื่อมองไปยังใต้เท้าของนาง เฟิ่งชิงเฉินก็กล่าวขอโทษอย่างเงียบๆ ถ้านางไม่ทำให้เจ้าเมืองเย่เฉิงเห็นถึงพลังของนางเสียบ้าง นางจึงชี้หน้าเจ้าเมืองเย่เฉิงแล้วพูดว่า “อย่าขยับ!” บางทีเจ้าเมืองเย่เฉิงคงจะเก็บนางได้โดยไม่ต้องรอให้นางเหนี่ยวไกด้วยซ้ำ
อย่างนอกจากหลานจิ่วชิงแล้ว ทุกคนที่รู้จักพลังนั้นล้วนตายไปหมดแล้ว
“ท่านเจ้าเมือง เรายังต้องการจะคุยกันอีกหรือไม่?” ปืนของเฟิ่งชิงเฉินชี้ไปที่เจ้าเมืองเย่เฉิงเสมอ เพียงแค่ทหารที่อยู่โดยรอบของนางกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า นางก็จะลากเจ้าเมืองเย่เฉิงลงนรกไปด้วย
แน่นอนว่าเจ้าเมืองเย่เฉิงเข้าใจความหมายของเฟิ่งชิงเฉินดี เขาโบกมือให้คนถอยออกไปโดยไม่พูดอะไร “ถอยไปก่อน”
เมื่อแน่ใจว่านางปลอดภัยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็เก็บปืนอย่างให้ความร่วมมือและพร้อมที่จะ “พูดคุย” กับเจ้าเมืองเย่เฉิงแล้ว นางเชื่อว่าครั้งนี้เขาจะพูดง่าย ยอมถอยคนละก้าวจึงจะชนะทั้งคู่
ยามที่เฟิ่งชิงเฉินนั่งลง นางจงใจเหลือบมองซูหว่าน ซูหว่านก็ถลึงตามองกลับมาอย่างดุเดือด
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มอย่างเฉยเมยและกำลังจะเปิดปากพูดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบา เฟิ่งชิงเฉินและเจ้าเมืองเย่เฉิงหันไปมองพร้อมกันก็เห็นว่าเป็นหยุนเซียวและชุยห้าวถิงเดินเข้ามาช้าๆ…
สองคนนี้มาทำอะไรที่นี่? เฟิ่งชิงเฉินเลิกคิ้ว ดวงตาของนางฉายแววสงสัย
หยุนเซียวและชุยห้าวถิงเป็นหนึ่งในบุรุษที่ดีที่สุดในแผ่นดิน ทั้งสองมีรูปโฉมอันน่าอัศจรรย์และทำให้ผู้คนไม่สามารถเพิกเฉยต่อความสง่างามหรูหราของพวกเขาได้ เมื่อทั้งสองก้าวเข้ามา ทั้งห้องโถงก็ราวกับจะสว่างไสวขึ้น ทั้งสองยืนอยู่กลางห้องและกลายเป็นจุดสนใจทันที…