นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 562 ตรวจเลือด อาจไม่ใช่พ่อลูกกันแท้ๆ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 562 ตรวจเลือด อาจไม่ใช่พ่อลูกกันแท้ๆ
เฟิ่งชิงเฉินหยิบขวดน้ำเกลือออกมาจากกล่องยา จากนั้นฉีดยาที่จำเป็นเข้าไป แขวนขวดน้ำเกลือไว้ที่บนเตียงเพื่อให้ของเหลวไหลเข้าไปในร่างกาย เป็นการเพิ่มสารอาหารและยาที่จำเป็น
หลังจากที่ปรับความไวในการหยดของน้ำเกลือเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็หยิบเข็มออกมาจากธาตุแล้วเจาะไปในรางของเย่เย่เพื่อดูดเลือดออกมาสองหยด ทำการทดสอบกรุ๊ปเลือด
น้ำยานี้สามารถทดสอบได้ว่าเป็นแอนตี้เอ แอนตี้บี ใช้เพื่อเป็นการทดสอบกรุ๊ปเลือดเอบีโอของมนุษย์
นางไม่เชื่อว่าเย่เย่จะเป็นผู้ที่มีกรุ๊ปเลือดหายาก แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จงคิดว่าตนโชคร้าย
เมื่อนางเขย่าขวดนั้น ผลก็ปรากฏให้เห็นในอีกหนึ่งนาที เย่เย่มีกรุ๊ปเลือดเอ เฟิ่งชิงเฉินจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นางโชคดีเหลือเกินที่ไม่เจอพวกกรุ๊ปหายาก
นางนำขวดน้ำยาใส่เข้าไปในถาดดังเดิมและกำลังจะหันไปหาเจ้าเมืองเย่เฉิงเพื่อให้เขาแบ่งเลือดมาสักสองหยด ดูว่าจะใช้ได้หรือไม่ แต่เมื่อเงยหน้านางกลับพบว่ากำลังถูกคนรายล้อม
“องค์รัชทายาท ลั่วอ๋อง ชิงอ๋อง พวกท่านเดินทางกันมาตั้งแต่เมื่อใด ชิงเฉินไม่รู้ว่าทุกท่านเดินทาง ขอโปรดให้อภัยด้วย” เฟิ่งชิงเฉินไม่พอใจ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
การปรากฏตัวขององค์ชายทั้งหลายไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นเหตุใดจึงไม่มาช้าหรือเร็วกว่านี้กลับมาในตอนที่นางเริ่มรักษาเย่เย่เล่า
“ข้าเพิ่งมาถึง ชิงเฉินไม่ต้องสนใจข้า การช่วยคนสำคัญกว่า” องค์รัชทายาทและคนอื่นๆ นับว่าค่อนข้างจะสงบนิ่ง แม้พวกเขาจะเห็นภาพการรักษาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็ยังสามารถสงบนิ่งได้ดังเห็นเรื่องราวปกติทั่วไป
สายตาของเฟิ่งชิงเฉินกะพริบเล็กน้อยแล้วมองไปทางพวกเขา พบว่าใบหน้าของพวกเขาดูเป็นปกติ จึงรู้ดีว่าผู้คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนฉลาดเฉลียว สิ่งใดที่ไม่ควรถามพวกเขาจะไม่เอ่ยถามอย่างแน่นอน
เป็นเช่นนี้ก็ดี นางจะได้ไม่ต้องมาคอยอธิบาย
ในโลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ บรรดาราชโอรสและขุนนางตระกูลมั่งคั่งทั้งหลายได้เห็นเรื่องราวต่างๆ มากมายบนโลกใบนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย แม้พวกเขาจะตกใจเล็กน้อยแต่เนื่องจากได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีพวกเขาจะไม่ทำตัวตื่นตระหนกเสียจนเกินไป ต่อให้สงสัยก็เพียงแค่ไปตรวจสอบเป็นการส่วนตัว
แท้จริงแล้วองค์รัชทายาทและคนอื่นๆ เมื่อครั้นที่เดินทางเข้ามา พวกเขาได้แต่จับจ้องในร่างของเฟิ่งชิงเฉิน จึงทำให้ละเลยกระป๋องและขวดเหล่านั้นของเฟิ่งชิงเฉินที่นำออกมาวาง เมื่อเฟิ่งชิงเฉินหันกลับมาสนทนากับพวกเขา พวกเขาจึงได้ตระหนักว่าเรื่องราวที่เฟิ่งชิงเฉินทำนั้นคือสิ่งใดบ้าง
ความตกตะลึงและความประหลาดใจต้องมีอย่างแน่นอน แต่พวกเขาจะไม่ปรากฏออกมาบนใบหน้าให้เห็น
ในเมื่อไม่มีผู้ใดเอ่ยถาม เฟิ่งชิงเฉินก็จะไม่คิดริเริ่มเอ่ยก่อน เสด็จอาเก้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว เรื่องบางเรื่องยิ่งเก็บไว้เป็นความลับยิ่งมีผู้คนสงสัย จงกล้าแสดงออกมา ปฏิบัติต่อทุกสิ่งอย่างเหมือนเป็นเพียงแค่สิ่งธรรมดา ก็ไม่ทำให้คนอื่นๆ สงสัย
ก่อนหน้านี้นางจะไม่เปิดเผยสิ่งเหล่านั้นเด็ดขาด นั่นเพราะว่านางไม่มีความสามารถในการปกป้องตนเองได้ แต่บัดนี้นางมีเสด็จอาเก้าคอยคุ้มกัน ประกอบกับความเชื่อมโยงสัมพันธ์ต่างๆ ของตัวนางเอง คนปกติแล้วไม่กล้าที่จะทำร้ายนาง
ความตั้งใจและใจจดใจจ่อของเฟิ่งชิงเฉินยังคงมุ่งเน้นไปที่การช่วยชีวิตเย่เย่เป็นหลัก บัดนี้นางไม่มีเวลาที่จะไปคิดจัดการกับเรื่องเหล่านี้เลย นางหันไปโค้งกายคำนับองค์รัชทายาทแล้วหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าเมืองเย่เฉิง “ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิง บัดนี้คุณชายเย่เสียเลือดไปมาก จำเป็นจะต้องได้รับการถ่ายเลือด และวิธีที่เร็วที่สุดนั่นก็คือใช้เลือดของท่านถ่ายไปให้แก่เขา แต่วางใจเถิดข้าเพียงแค่ต้องการเลือดประมาณสองสามชาม ท่านไม่มีอันตรายถึงชีวิต”
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้อธิบายถึงความแตกต่างของกรุ๊ปเลือด เอาเป็นว่านางรองทดสอบดูก่อน หากว่าทดสอบดูแล้วกรุ๊ปเลือดไม่ตรงกันนางค่อยว่าอีกที
คนปกติหากว่าจะนำเลือดออกจากร่างกายสองร้อยCC ถึงสี่ร้อยCCคงไม่มีผลกระทบอะไรมากนัก หากว่าสามารถเข้ากันได้กับกรุ๊ปเลือดของเย่เย่ แน่นอนว่านางก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน นางจะเอาเลือดเขาออกมาสักแปดร้อยcc เพื่อให้เขาได้ใช้เวลาพักฟื้น ที่เมืองตงหลิงนี้
“ถ่ายเลือด? เฟิ่งชิงเฉินเจ้าจะเล่นกลอันใด?” เจ้าเมืองเย่เฉิงไม่เชื่อ แต่ในเมื่อองค์รัชทายาทและองค์ชายอื่นเดินทางมาเช่นนี้ จึงทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
ถูกต้องแล้ว รัชทายาทและคนอื่นๆ ถูกซูหว่านพาตัวมาที่นี่ ซูหว่านใช้โอกาสนี้เดินทางออกไปก่อน เพื่อเผชิญองค์รัชทายาทและคนอื่นๆ มา
ประการแรก คือให้ชื่อเสียงของเสด็จอาเก้าเข้ามาเกี่ยวโยง ประการที่สองหากเฟิ่งชิงเฉินไม่อาจรักษาเย่เย่ได้ เช่นนั้นองค์รัชทายาทและลั่วอ๋องพร้อมกับคนอื่นๆ ก็จะสามารถเป็นพยานได้ เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้ชุยห้าวถิงและหยุนเซียวก้าวออกมาข้างหน้า ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเย่เย่ตายอยู่ในน้ำมือของเฟิ่งชิงเฉินได้
สิ้นใจในน้ำมือของเฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเมืองเย่เฉิงก็สามารถให้เฟิ่งชิงเฉินชดใช้ชีวิตได้อย่างเปิดเผย ต่อให้เป็นเศษอาก้าวก็ไม่อาจที่จะหักห้ามใดๆ เนื่องจากว่าเหตุการณ์ที่นี่มีทั้งองค์รัชทายาทและองค์ชายอื่นๆ ของตงหลิงเป็นพยาน
“ผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ข้าจะเล่นกลสิ่งใดได้? ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงรีบเข้า บัดนี้คุณชายเย่เสียเลือดมากจริงๆ หากใช้ยาต่างๆ เพื่อพักฟื้นจำเป็นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยเดือนหรือสองเดือน แต่คุณชายเย่ไม่อาจรอได้นานเพียงนั้น อีกอย่าง ข้าไม่ได้จะเอาไปมาก ตามปกติแล้วเวลาที่ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงได้รับบาดเจ็บ ก็คงจะมีเลือดไหลออกมาสักชามสองชามอยู่ดี” เฟิ่งชิงเฉินแอบเปรียบเปรยด้วยความชั่วร้าย
นางไม่ได้อยากจะทำร้ายเจ้าเมืองเย่เฉิง เพียงแค่ต้องการให้เขาสงบเสงี่ยมเจียมตัวเมื่อตอนอยู่ในราชวงศ์ตงหลิงก็เท่านั้น เพื่อที่จะได้ไม่ไปหาเรื่องนาง
เจ้าเมืองเย่เฉิงมองไปยังเย่เย่ที่สีหน้าซีดเผือดท่าทางเจ็บปวด ความรู้สึกเห็นใจบุตรชายอันเป็นที่รักก็เข้ามาแทนที่ความสงสัยในใจ “เจ้าจะถ่ายเลือดไปอย่างไร?”
“ข้าขอพิสูจน์ดูก่อนสักหยดหนึ่ง” แม้ว่านางจะมีเจตนาอันเห็นแก่ตัวเองเล็กน้อยแต่นางก็จะไม่ใช้โอกาสนี้ในการทำร้ายผู้ใด ไม่ว่าอย่างไรหมอก็ควรจะอยู่ในจรรยาบรรณของตน แล้วกล่าวทุกอย่างด้วยข้อเท็จจริง ไม่คาดเดาไปเรื่อย
“แม้จะเป็นกรุ๊ปเลือดของพ่อลูกก็อาจไม่เหมือนกันได้”
“อืม ตกลง” เจ้าเมืองเย่เฉิงพบว่าเมื่อครู่เฟิ่งชิงเฉินทำการตรวจเลือดเย่เย่อย่างไร ดังนั้นเขาจึงยื่นนิ้วมือออกมาให้เฟิ่งชิงเฉินเจาะเลือดไปอย่างให้ความร่วมมือ
จากนั้นหยดเลือดลงไปในสารเคมี เฟิ่งชิงเฉินทำการเขย่ามันอีกครั้งแล้วรอให้ผลลัพธ์ออกมา หยุนเซียวองค์รัชทายาทและคนอื่นๆ รู้สึกอยากรู้มากนัก บัดนี้พวกเขาถูกเฟิ่งชิงเฉินกระตุ้นความสงสัยโดยสมบูรณ์
ก่อนหน้านี้การที่ไม่ได้เอ่ยปากถามนั่นเป็นเพราะว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังรักษาเย่เย่และพวกเขาไม่อยากเข้าไปขัด เพื่อไม่ให้เฟิ่งชิงเฉินถูกกล่าวหาว่าพยายามฆ่าเย่เย่ แต่เวลานี้เฟิ่งชิงเฉินมีเวลาว่างแล้ว องค์รัชทายาทจึงได้เอ่ยปากถามเฟิ่งชิงเฉินในฐานะที่เขาค่อนข้างคุ้นเคย “ชิงเฉิน การถ่ายเลือดและการทดสอบมันเป็นเช่นไรหรือ?”
องค์รัชทายาทเอ่ยถามขึ้น พวกเขาก็ต่างเงี่ยหูฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตงหลิงจื่อลั่ว เขาเองไม่สามารถลืมการถ่ายโอนเลือดของที่เฟิ่งชิงเฉินทำให้ได้เลย
เมื่อพบว่ามีคนเอ่ยถาม เฟิ่งชิงเฉินอาจจะปฏิเสธโดยไม่ต้องแสดงความคิดเห็นใดหากเป็นคนอื่น ทว่าเป็นองค์รัชทายาทที่เอ่ยถาม เฟิ่งชิงเฉินจึงจำเป็นต้องตอบว่า “ทูลองค์รัชทายาท การทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่ากรุ๊ปเลือดของท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงและคุณชายเย่เข้ากันได้ไม่มีอันตรายต่อกัน เลือดของคนเรานั้นอาจเข้ากันได้หรืออาจต่อต้านกันได้ ข้าจำเป็นต้องให้แน่ชัดก่อนว่า กรุ๊ปเลือดของเจ้าเมืองเย่เฉิงและคุณชายเย่สามารถเข้ากันได้ ส่วนเรื่องการถ่ายเลือด อีกสักครู่ท่านก็จะเข้าใจเอง”
“เจ้าเมืองเย่เฉิงและคุณชายเย่เป็นพ่อลูกกัน เลือดของพวกเขาจะเข้ากันไม่ได้หรือ” เมื่อองศาทายาทเอ่ยถาม คำถามนี้เหมือนกับกับดัก หากว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่อาจอธิบายได้ชัดเจน หรือว่าเลือดของเจ้าเมืองเย่เฉิงและคุณชายเย่ไม่อาจเข้ากันได้ ดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มสงสัยว่าคุณชายเย่ไม่ใช่บุตรผู้ที่เจ้าเมืองเย่เฉิงให้กำเนิด
จริงดังนั้น สีหน้าของเจ้าเมืองเย่เฉิงดูเคร่งขรึม ลมหายใจของเขาเริ่มกระวนกระวาย แม้เขาจะพยายามทำให้ตัวเองดูสงบ แต่แววตาของเขาก็ซ่อนความกังวลไว้อย่างไม่อาจปิดบังได้
หากว่าเฟิ่งชิงเฉินชี้ให้เห็นว่าเลือดของเขากลับเย่เย่ไม่อาจเข้ากันได้ นั่นก็หมายความว่า เย่เย่ไม่ใช่บุตรชายของเขา?
เมื่อคิดถึงข้อนี้ เจ้าเมืองเย่เฉิงก็รู้สึกท้องฟ้าแทบถล่มทลาย เขามีภรรยาและอนุภรรยามากมายแต่ให้กำเนิดเพียงแค่เย่เย่คนเดียวเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะว่าเย่เย่ถือกำเนิดออกมาเขาเองคงจะสงสัยว่าตนไม่มีความสามารถในการทำให้สตรีตั้งครรภ์ได้
เจตนาอันชั่วร้ายขององค์รัชทายาทเฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดี หากนางโหดเหี้ยมกว่านี้นางก็อาจทำตามสิ่งที่องค์รัชทายาทประสงค์ใด นางมีวิธีมากมาย ที่ทำให้เลือดของเย่เย่และเจ้าเมืองเย่เฉิงไม่อาจผสมเข้ากันได้ สามารถทำให้เจ้าเมืองเย่เฉิงและเย่เย่หรือตระกูลซูกลายมาเป็นศัตรูกันได้ แต่นางไม่อาจทำเรื่องเช่นนั้นได้เนื่องจากมโนธรรมและจรรยาบรรณของหมอทำให้นางไม่สามารถใช้ความรู้ในการรักษาผู้คนมาทำร้ายคนอื่นได้
ต่อให้เฟิ่งชิงเฉินเกลียดใครสักคนเพียงใดก็จะไม่ใช่วิธีอันต่ำช้าเช่นนี้มาดูหมิ่นเหยียดหยามอีกฝ่าย แหละในบัดนี้ผลการทดสอบกรุ๊ปเลือดของเจ้าเมืองเย่เฉิงก็ออกมาแล้ว……