นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 586 อันตรายมาก หน้าตาดีก็เป็นเรื่องอันตราย
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 586 อันตรายมาก หน้าตาดีก็เป็นเรื่องอันตราย
ภายในหุบเขา เฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงต่างกำลังนั่งพักอย่างสงบ ส่วนภายนอกหุบเขา ฝู่หลินนึกบ่นอยู่ในใจ เขากล่าวโทษเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงไปต่างๆนานา
ไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินและคนที่ชื่อหวังจิ่นหลิงอะไรนั่นไปก่อเรื่องที่ไหนมา ทำไมจึงได้เกิดเรื่องวุ่นวายตามมาเช่นนี้ โดยเฉพาะกับหญิงสาวชุดม่วง นางช่างไร้เหตุผลสิ้นดี แถมยังเอาแต่ใจอีกต่างหาก พอๆกับฝู่ซีน้องสาวของเขาเลย
เขาบอกไปร้อยรอบพันรอบแล้วว่าเขาไม่รู้จักคนที่ชื่อหวังจิ่นหลิงอะไรนั่น แล้วก็ไม่ใช่คนที่มาตามหาหวังจิ่นหลิงด้วย แต่คนพวกนี้ก็ไม่ยอมปล่อยเขาไปสักที ทำให้เขาต้องอกสั่นขวัญแขวนอยู่เช่นนี้……
อีกคนหนึ่งที่กำลังบ่นอุบก็คือปู้จิงหยุน เมื่อได้รับคำสั่งจากหลานจิ่วชิงให้ส่งคนมีฝีมือไปช่วยปกป้องเฟิ่งชิงเฉิน เขาจึงต้องออกโรงเอง เขาควบม้าบึ่งไปที่หุบเขาไท่ลู่เก๋ออย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้ไปดูแลเฟิ่งชิงเฉิน รีบๆทำหน้าที่นี้ให้เสร็จสิ้น หลานจิ่วชิงจะได้ให้เขากลับเข้าเมืองเสียที แต่ไม่นึกว่า……
เฮ่อ ไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไปมีเรื่องกับใครอยู่ ตลอดเวลาที่เขาเดินทางมาก็แทบไม่ได้กะพริบตาเลย เพราะหากเขาพลั้งเผลอเพียงชั่วครู่ ก็อาจถูกคนที่คอยซุ่มโจมตีเล่นงานได้
บางครั้งปู้จิงหยุนก็แอบสงสัยว่าหลานจิ่วชิงกลั่นแกล้งเขาหรือไม่ เขามาเพื่อปัดเป่าความทุกข์ให้เฟิ่งชิงเฉินแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าพวกศัตรูจะรู้ทันว่าเขามาช่วยเหลือเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้เขาไม่เจอนางแม้แต่เงา
ปู้จิงหยุนดูไม่ค่อยรีบร้อน แต่ปากก็บ่นได้ไม่หยุด ยิ่งตอนที่เขามาถึงเมืองอี้สุ่ยแล้ว และทราบข่าวว่าคืนที่เฟิ่งชิงเฉินเข้าไปพักในจวนเจ้าเมืองพร้อมกับชายแปลกหน้าอีกคนหนึ่ง คืนนั้นจวนเจ้าเมืองได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ เจ้าเมืองและคนอื่นๆถูกไฟคลอกยกครัว เขายิ่งรู้สึกเป็นกังวล จนแทบอยากบินไปดูเฟิ่งชิงเฉินเสียตอนนี้
เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าห้ามเป็นอะไรนะ หากเจ้าเป็นอะไรขึ้นมา ข้าต้องตายแน่ๆเลย!
“ย่า……” ปู้จิงหยุนควบม้าเหงื่อโลหิตออกเดินทางไปเรื่อยๆ
……
อยู่ในหุบเขามา 5 วันเต็มๆแล้ว เฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงกำลังหาทางออกไปจากที่นี่ หวังจิ่นหลิงอาการดีขึ้นมากแล้ว เหลือเพียงแค่อาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า ถึงแม้ว่าประเมินจากสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ เขาควรจะนอนพักต่ออีกหน่อย แต่พวกเขาไม่ต้องการเอาเวลามาทิ้งเล่นอยู่ในนี้
อาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าของหวังจิ่นหลิง หากยังพักฟื้นไม่ครบ 2-3 เดือนก็ไม่มีทางหายเป็นปกติ แต่จะให้พวกเขาเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อไปคงจะไม่ดีแน่ ต่อให้มีกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะอยู่ด้วย พวกเขาก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในหุบเขาเช่นนี้ไปนานๆ สภาพความเป็นอยู่ที่นี่ลำบากมาก มองไปทางไหนก็มีแต่ก้อนหิน อาหารการกินก็ไม่มี
แม้หวังจิ่นหลิงจะยังไม่อยากไป เขายังอยากต่อเวลาที่จะได้อยู่กับเฟิ่งชิงเฉินเพียงสองคน แต่เขาก็เข้าใจดีว่าจะอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆไม่ได้ หากเขาไม่ไปจากที่นี่ แล้วจะไปคิดบัญชีกับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร
ในเมื่อต้องออกไปจากสถานที่แห่งนี้แล้ว หวังจิ่นหลิงก็ได้เล่าให้เฟิ่งชิงเฉินฟังว่าเพราะเหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่ และด้านนอกน่าจะมีอันตรายอะไรบ้างที่พวกเขาจะต้องออกไปพบ
หวังจิ่นหลิงได้พบกับหญิงสาวชุดม่วงที่เมืองชิงสุ่ย ตอนนั้นหญิงสาวชุดม่วงกำลังถูกชายกลุ่มหนึ่งตามฆ่า ปกติแล้ว เมื่อมาเจอเหตุการณ์ทำนองนี้ หวังจิ่นหลิงมักจะไม่สนใจ ถึงเขาจะสุภาพอ่อนโยน แต่ก็ไม่ใช่นักบวชผู้ใจบุญ และไม่ได้ชอบวางตัวเป็นวีรบุรุษที่เที่ยวไปปกป้องผู้คนที่อ่อนแอ แต่ทว่า……
หญิงสาวชุดม่วงนางนั้นกลับเดินตามเขามาติดๆ ไม่รู้ว่านางทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร แถมนางยังหันไปบอกกับกลุ่มชายฉกรรจ์ว่าเขานั้นเป็นสามีของนาง
ผู้หญิงไร้ยางอายเช่นนี้ หวังจิ่นหลิงไม่ชอบใจอยู่แล้ว เขารีบผลักนางให้ออกห่าง จึงได้พบว่าหญิงสาวชุดม่วงคนดังกล่าวมีหน้าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกับเฟิ่งชิงเฉินมาก นางตามเขามาตลอดโดยไม่สนใจว่าเขาจะผลักไสนาง หวังจิ่นหลิงจึงส่งสัญญาณบอกให้คนคุ้มกันมาพานางออกไป แล้วช่วยนางจัดการปัญหาของนางด้วย ให้นางไปทางอื่นเสียที
หวังจิ่นหลิงสั่งคนของตัวเองเพียงเท่านี้ ถึงแม้นางจะหน้าเหมือนเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เมื่อสั่งคนของตัวเองเสร็จแล้ว ก็ไปทำธุระในเมืองชิงสุ่ยต่อ
หญิงสาวชุดม่วงยังคงหาทางติดตามหวังจิ่นหลิงมาได้ 3 วันแล้ว จนนางเห็นว่าไม่ว่าจะทำเช่นไรเขาก็ไม่ชายตามองนางเลย แล้วจู่ๆนางก็วิ่งออกไป เรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ หวังจิ่นหลิงไม่เก็บมาคิดอยู่แล้ว แต่บางครั้งก็อดนึกไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าเหมือนเฟิ่งชิงเฉิน จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือไม่นะ?
เรื่องนี้ หวังจิ่นหลิงเก็บเอาไว้ในใจ รอกลับเมืองหลวงแล้วค่อยตามสืบอีกที เขาไม่อยากให้เฟิ่งชิงเฉินได้รับอันตราย
นึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้จะนำพาหายนะมาสู่ชีวิตเขา ระหว่างทางที่เขาเดินกลับไป เขาก็ได้พบกับหญิงสาวชุดม่วงอีกครั้ง
คราวนี้ นางมาพร้อมกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ออกคำสั่งให้เขาไปกับนาง แล้วจัดการแต่งงานกับนางเสีย น้ำเสียงที่พูดมาก็ดุดันเหลือเกิน
เขารีบปฏิเสธ แต่ฝ่ายตรงข้ามก็เข้ามาจับตัวเขาไว้ คนกลุ่มนี้มีฝีมือการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม หากไม่ได้หญิงสาวชุดม่วงสั่งห้ามไว้ ป่านนี้เขาคงตายไปนานแล้ว
ต่อมา เขาจึงทราบว่าหญิงสาวชุดม่วงคนดังกล่าวมีนามว่าเซวียนเฟย เป็นบุตรสาวของผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกง
ชนเผ่าเสวียนเซียวกงตั้งอยู่บนภูเขาเซียนซานซึ่งสูงเป็นอันดับหนึ่งในจิ่วโจว ที่นี่อยู่ห่างโลกภายนอกและไม่ชอบทะเลาะเบาะแว้งกับผู้อื่น ในอดีต แม้แต่ราชสกุลหลานและเฟิ่งหลีอ๋องก็ยังให้เกียรติชนเผ่าเสวียนเซียวกง ตอนนี้สี่แคว้นและเก้าเมืองก็เป็นมิตรกับพวกเขา ซึ่งก็คงเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับการแก่งแย่งอำนาจทางการเมือง
หวังจิ่นหลิงถูกคนของเซวียนเฟยจับตัวไว้ แม้เซวียนเฟยจะถือกำเนิดมาในชนเผ่าที่เกรียงไกร แต่นิสัยของนางกลับแย่มาก นางวางตัวสูงส่ง หัวรุนแรง เห็นความลำบากของผู้อื่นเป็นเรื่องสนุก แม้นางจะถูกตาต้องใจหวังจิ่นหลิง แต่ก็ยังอยากเห็นหวังจิ่นหลิงตกระกำลำบาก
หวังจิ่นหลิงถูกพวกเขานำตัวไปที่หุบเขาไท่ลู่เก๋อ เขาต่อสู้ขัดขืนจนพลาดท่าตกลงมาในหุบเขา เซวียนเฟยสั่งคนให้รีบตามเขามาโดยดักซุ่มรอเขาอยู่บริเวณหุบเขา
ถึงแม้ว่าจะไม่พบเจอใครเลยก็ตาม แต่เซวียนเฟยก็ยังไม่หัวร้อน นางยังคงรอเขาอยู่ด้านบนของหุบเขา นางจะรอให้เขารักษาตัวให้หายดีเสียก่อน
ดูเหมือนว่าเซวียนเฟยจะเจอของเล่นชิ้นโปรดเสียแล้ว นางสั่งคนให้คอยออกไปตามหาเขา ส่วนตัวนางก็ยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม รอให้หวังจิ่นหลิงปีนเขากลับขึ้นมาแล้วค่อยพาตัวเขาไปพร้อมกัน
เซวียนเฟยไม่เชื่อว่าหวังจิ่นหลิงจะทนอยู่ด้านล่างเป็นเวลานานได้ แนวคิดของเซวียนเฟยถือว่าไม่เลวเลย หวังจิ่นหลิงไม่มีทางใช้ชีวิตอยู่แต่ภายในหุบเขาเช่นนั้นอย่างแน่นอน แต่ว่า……
หวังจิ่นหลิงเป็นใคร ถึงแม้เขาจะเป็นนักปราชญ์ แต่ความเย่อหยิ่งก็มีอยู่ไม่น้อย มีหรือจะยอมให้ผู้หญิงคนหนึ่งมาพาตัวไปได้แล้วครอบงำตัวเขา สู้ให้เขาตายเสียยังจะดีกว่า
เมื่อสู้ไม่ได้ หลบหนีไม่ได้ คนที่ตามมาคุ้มกันเขาก็มีแต่บาดเจ็บหรือไม่ก็ต้องตาย คงไม่มีอะไรดีขึ้นกว่านี้แน่ หวังจิ่นหลิงมองว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาจะต้องเป็นฝ่ายแพ้ หากตกไปอยู่ในกำมือของชนเผ่าเสวียนเซียวกงแล้วล่ะก็ คนเหล่านี้จะต้องหาทางบีบบังคับให้ตนเองแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแน่นอน
หวังจิ่นหลิงรออยู่ในหุบเขา ตอนนี้เขายังไม่มีเรี่ยวแรงที่จะปีนกลับขึ้นไป เซวียนเฟยประเมินศักยภาพของพวกเขาสูงเกินกว่าความเป็นจริง คนคุ้มกันของเขาไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับเผ่าเสวียนเซียวกง
เมื่อพวกเขาตกลงมาแล้ว ก็ไม่มีทางได้ขึ้นไปข้างบนอีก การรอคอยครั้งนี้ได้คร่าชีวิตไปมากมาย จนกระทั่งเฟิ่งชิงเฉินมาถึง
“ที่แท้ก็เพราะความหล่อกระชากใจนั่นเอง ผู้ชายนี่นะ เกิดมาหน้าตาดีก็เหมือนเป็นความผิดอย่างหนึ่งแล้ว” เมื่อฟังเรื่องราวทุกอย่างเสร็จสิ้น เฟิ่งชิงเฉินก็สำรวจใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
เยี่ยมจริงๆเลย ผอมบางเช่นเขาชวนให้หญิงสาวหลงใหล แต่เรื่องแบบนี้ดันมาเล่นงานเขาจนเกือบตาย คงไม่ค่อยคุ้มเท่าไรนัก
ส่วนเฟิ่งชิงเฉินกลับมองว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นคงจะไม่ธรรมดาอย่างที่หวังจิ่นหลิงคาดคิดแน่นอน……