นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 590 กำจัดเจ้า บังอาจมีหน้าตาเหมือนข้า
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 590 กำจัดเจ้า บังอาจมีหน้าตาเหมือนข้า
“อย่าขยับงั้นหรือ?” แรกๆเซวียนเฟยก็ยืนอึ้ง แต่หลังจากนั้นนางก็หัวเราะชอบใจ “นี่เจ้าโดนฟาดจนเลอะเลือนแล้วหรือไง ถึงได้กล้าดีมาสั่งข้าว่าอย่าขยับ เจ้าเป็นใครมาจากไหน บนโลกนี้คนที่สั่งข้าได้ยังไม่ถือกำเนิดหรอกนะ”
เหอะๆ……เฟิ่งชิงเฉินขยับนิ้วเล็กน้อยแล้วแสยะยิ้มในใจ นางคงถูกฟาดจนเลอะเลือนจริงๆ จึงได้ยกปืนขึ้นมาขู่คู่ต่อสู้เช่นนี้ ยิ่งใช้ชีวิตนานยิ่งเลินเล่อไปเรื่อย แต่ว่า……
ไหนๆก็พูดออกไปแล้ว นางไม่มีทางคืนคำแน่นอน และไม่มีทางยอมรับว่าตนเองเลอะเลือน เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้ชูคออาจหาญเหมือนเซวียนเฟย เฟิ่งชิงเฉินมองตาของเซวียนเฟย แววตาของนางไม่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นแม้แต่น้อย ทั้งยังดูโอหัง ไม่เห็นผู้ใดในสายตา
“เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก ข้าสั่งเจ้าว่าอย่าขยับ หากเจ้ากล้าขยับ ข้าจะยิงหัวเจ้าให้เละเลย ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูสิจะได้รู้ว่าข้าทำได้จริงๆหรือเปล่า”
เฟิ่งชิงเฉินเตรียมลั่นไก ใบหน้าของนางเผยรอยยิ้มที่ดูน่าหวั่นเกรง เลือดที่มุมปาก มีกลิ่นเลือดจางๆโชยออกมา
36 ขุนพลสวรรค์และเซวียนเฟยเห็นฤทธานุภาพของอาวุธเฟิ่งชิงเฉินมาแล้ว เซวียนเฟยลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจจ้องหน้าฝ่ายตรงข้าม และในตอนนี้ เซวียนเฟยจึงพบว่าเฟิ่งชิงเฉินมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับนางมาก
“เจ้าเป็นใคร? ทำไมถึงหน้าตาเหมือนข้า?” เซวียนเฟยถามเสียงเข้ม แววตาของนางดูลุกลี้ลุกลน เหมือนว่านางไม่อาจยอมรับเหตุการณ์ตรงหน้าได้
“เฟิ่งชิงเฉิน บุตรสาวขุนนางผู้ภักดีแห่งตงหลิง แล้วอีกอย่างนะ แม่นางเซวียนเฟย เจ้าอย่าพูดไปเรื่อย ข้าไม่ได้หน้าตาเหมือนเจ้า แต่เจ้าต่างหากที่หน้าตาเหมือนข้า อย่างเจ้าไม่สมควรมีหน้าตาที่งดงามเช่นนี้หรอก” หลังจากได้รู้ว่าเซวียนเฟยหน้าตาคล้ายตัวเอง เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกชิงชัง ยิ่งได้มาเห็นเซวียนเฟยใกล้ๆแล้ว นางจึงรู้ว่าหวังจิ่นหลิงไม่ได้พูดเกินจริง เห็นหน้าเซวียนเฟยแล้วก็รู้สึกคลื่นไส้
หากเซวียนเฟยได้ลองเปลี่ยนรูปแบบการแต่งตัว นางอาจจะดูคล้ายเฟิ่งชิงเฉินมากกว่านี้
หากมองในแง่การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เซวียนเฟยกับนางอาจจะมีเชื้อสายเกี่ยวโยงกัน เชื้อสายเช่นนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่ชอบเลย
ตั้งแต่เล็กจนโต เซวียนเฟยไม่เคยถูกตอกหน้าเช่นนี้มาก่อน ทำให้นางโกรธจนหน้าดำหน้าแดง “เหลวไหล ใครว่าข้าหน้าเหมือนเจ้า เห็นๆอยู่ว่าเจ้าหน้าเหมือนข้า นังผู้หญิงไร้ยางอาย เชอะ……นังคนชั่ว อย่าคิดนะว่าหน้าเหมือนข้าแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ”
เซวียนเฟยมองว่าตนเองงามเลิศเป็นที่หนึ่งในแว่นแคว้น ไม่นึกเลยว่าวันนี้นางจะได้มาเจอคนที่หน้าตาคล้ายนาง ที่สำคัญ เมื่อเปรียบนางกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว นางดูหมองลงถนัดตา
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเนื้อตัวมอมแมม แต่กลับดูมีสง่าราศีมากกว่านาง การวางตัวก็สูงส่งกว่านาง ส่วนตัวนางกลับเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต ทำให้นางริษยาเฟิ่งชิงเฉินยิ่งนัก
“เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวชนเผ่าเสวียนเซียวกงของเจ้าหรือ ชนเผ่าเสวียนเซียวกงก็เป็นแค่ชนเผ่าธรรมดาทั่วไป หากได้ลองไปเมืองหลวง เจ้าคิดว่าคนของชนเผ่าเจ้ายังจะกล้าแผลงฤทธิ์อยู่สินะ” อย่าคิดว่าตัวเองเก่งกาจนัก อย่าคิดว่าการที่ราชวงศ์ทำดีด้วยแล้วเจ้าจะวิเศษวิโสกว่าคนอื่น
เจ้าคิดว่าการที่พวกเจ้าไม่ล่วงล้ำพระราชอำนาจ ไม่ก้าวก่ายการปกครองของฮ่องเต้ แล้วฮ่องเต้จะให้เกียรติพวกเจ้าจนพวกเจ้าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ
นัยน์ตาเฟิ่งชิงเฉินแฝงไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ เซวียนเฟยถูกตามใจจนเสียผู้เสียคนไปแล้ว จะให้นางยอมรับการดูหมิ่นเช่นนี้ได้อย่างไร นางสั่งคนของนางในทันที “ไปฆ่ามัน ไปฆ่ามันให้ข้าเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยให้มันรอดชีวิตไปได้ ไม่สิ……ถลกหนังหน้าของมันออกมาก่อน ข้าไม่ยอมให้ใครมามีหน้าตาเหมือนกับข้าเด็ดขาด”
เซวียนเฟยกัดฟันด้วยความคับแค้นใจ นางกำแส้แน่น ขอเกี่ยวที่ติดอยู่กับแส้ค่อยๆทิ่มแทงลงไปในฝ่ามือของนาง เลือดสดๆค่อยไหลริน แต่นั่นไม่ได้ทำให้นางเจ็บปวด มิหนำซ้ำ นางกลับรู้สึกสะใจเสียมากกว่า
หากไปแผลงฤทธิ์ในตัวเมืองไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้มีโอกาสกลับเมือง แต่น่าเสียดายที่คราวนี้ 36 ขุนพลสวรรค์ไม่ฟังคำสั่งนาง
“เจ้าป่วยเกินเยียวยาแล้วจริงๆ” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างหดหู่ พลางมองหน้าเซวียนเฟย
ผู้หญิงคนนี้ถูกตามใจจนเสียผู้เสียคน คิดว่าโลกโคจรรอบตัวเอง เห็นหวังจิ่นหลิงก็จะครอบครองเสียให้ได้ เห็นนางก็คิดจะกำจัด คิดว่าตัวเองเป็นองค์หญิงงั้นหรือ ส่วนคนอื่นๆเป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ ให้นางทุบตีได้ตามใจหรืออย่างไร
ไร้หัวคิดสิ้นดี!
“เจ้ากล้าด่าข้าหรือ?” เซวียนเฟยหัวฟัดหัวเหวี่ยง ส่วน 36 ขุนพลสวรรค์ก็หวาดกลัวอาวุธในมือเฟิ่งชิงเฉิน จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร เพราะเกรงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะ “พลั้งมือ” ฆ่าคุณหนูของพวกเขา แต่เซวียนเฟยกลับไม่กลัว นางไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้นางกับเฟิ่งชิงเฉินอยู่ใกล้กันเกินไป ไม่สะดวกในการใช้แส้ เซวียนเฟยจึงเงื้อมือขึ้นมาเพื่อเตรียมตบหน้าเฟิ่งชิงเฉิน แต่นางไม่ได้ว่องไวเพียงคนเดียว เฟิ่งชิงเฉินก็ว่องไวไม่แพ้กัน
ปัง……เสียงปืนปรากฏขึ้นอีกครั้ง กระสุนปืนทะลุข้อมือของเซวียนเฟยไปเสียแล้ว เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินยืนติดกับนางมาก กว่า 36 ขุนพลสวรรค์จะปรี่เข้ามาห้าม ก็ไม่ทันการเสียแล้ว
“โอ๊ย……มือข้า” เซวียนเฟยทิ้งแส้ในมือลง แล้วเอามืออีกข้างไปกำข้อมือที่ถูกยิง “พวกเจ้ายืนเป็นผีกันอยู่หรืออย่างไร ไม่เห็นหรือว่าข้าบาดเจ็บ ไปฆ่ามันเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้ไปฆ่ามัน ไม่ได้ยินที่ข้าสั่งหรือ?”
36 ขุนพลสวรรค์ก็อยากจะทำตามคำสั่ง แต่……เฟิ่งชิงเฉินกำลังเอาปืนมาจ่อที่เซวียนเฟย พวกเขาจะกล้าเอาชีวิตของเซวียนเฟยไปล้อเล่นได้อย่างไร
พวกเขาตายได้ ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากเซวียนเฟยตายไป จุดจบของพวกเขาคงจะไม่สวยแน่
“ยืนนิ่งๆ อย่าขยับ!” ความเจ็บปวดที่แผ่นหลังเฟิ่งชิงเฉินทำให้นางต้องกัดฟันอดทน แต่ตอนนี้นางอดยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ
การรังแกคนมันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง!
“ไม่ต้องไปฟังมัน มันไม่กล้าฆ่าข้าหรอก หากมันฆ่าข้า เผ่าเสวียนเซียวกงไม่ปล่อยมันไปแน่ มันไม่กล้าลงมือกับข้าหรอก” เซวียนเฟยทำราวกับว่าไม่หวั่นเกรงต่อปืนที่อยู่ตรงหน้าเลย นางยังคงออกคำสั่งด้วยท่าทางอวดดี
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางได้เจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ ทุกครั้งที่ผ่านมา เพียงนางเอาชื่อชนเผ่าของตัวเองขึ้นมาอ้าง ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่กล้าแตะต้องนางแล้ว ทุกคนในแว่นแคว้นต่างรู้ดีว่านางเป็นแก้วตาดวงใจของผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกง หากแตะต้องนางแม้แต่เพียงปลายเล็บ คนๆนั้นจะต้องชดใช้ด้วยการถูกฆ่าไปถึง 9 ชั่วโคตร
“เจ้าฉลาดมาก ข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าจริงๆหรอก ฆ่าเจ้าแล้วข้าก็ไม่อาจหนีไปได้อยู่ดี” เฟิ่งชิงเฉินพูดเสริมต่อจากเซวียนเฟย แต่พูดด้วยท่าทางเยาะเย้ย
เผ่าเสวียนเซียวกงแล้วอย่างไรล่ะ ขนาดฮ่องเต้ รัชทายาทนางก็หาเรื่องมาแล้ว ยังจะต้องกลัวเผ่าเสวียนเซียวกงนี่อีกหรือ แต่เรื่องที่ตอนนี้นางจะไม่ฆ่าเซวียนเฟยเป็นเรื่องจริง ถึงฆ่าเซวียนเฟยแล้วนางก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้
เมื่อเซวียนเฟยได้ยินเฟิ่งชิงเฉินพูดเช่นนั้นแล้วก็กล่าวอย่างลอยหน้าลอยตา “เหอะ ตอนนี้เจ้าคงรู้แล้วสินะ สายไปแล้วล่ะ เจ้าพวกทึ่ม ยืนเฉยอยู่ทำไม ยังไม่รีบลงมืออีก หากใครฆ่าผู้หญิงคนนี้ได้ ข้าจะมีรางวัลให้อย่างงาม”
36 ขุนพลสวรรค์ดูจนแน่ใจว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าทำอันตรายเซวียนเฟย จังหวะที่พวกเขากำลังจะลงมือเล่นงานนาง ก็พลันมีเสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง
ปัง……คราวนี้ เฟิ่งชิงเฉินเล็งไปที่เข่าของเซวียนเฟย เนื่องจากเซวียนเฟยมัวแต่ยืดอกลอยหน้าลอยตาจึงไม่ทันได้หลบปืน เฟิ่งชิงเฉินไม่ไว้หน้าเซวียนเฟยเลย นางเลือกตำแหน่งที่ดีที่สุด แล้วฝากกระสุนไว้ในร่างกายเซวียนเฟย หากไม่ทำให้เซวียนเฟยทรมาน นางคงรู้สึกแย่ต่อความรู้สึกหวังจิ่นหลิง
“โอ๊ย……ขาข้า ขาของข้า” เซวียนเฟยร้องโอดโอย แล้วล้มฟุบลงต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉิน นางจับขาแล้วกรีดร้อง น้ำตานองจนทั่วหน้า แววตาที่นางจ้องมองเฟิ่งชิงเฉินก็ยิ่งดูดุดันขึ้นกว่าเดิม
“นังคนชั่ว กล้าทำร้ายข้าหรือ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ท่านพ่อและพี่ชายของข้าก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่นอน” เซวียนเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น
“ไม่ปล่อยข้าก็ดีแล้ว เพราะข้าก็ไม่ได้อยากปล่อยเจ้าไปเหมือนกัน วันนี้ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้ ไม่มีเจ้าสักคนก็ไม่เป็นอะไรหรอก พวกเจ้ายังจะกล้าเข้ามากันอีกไหม? หากเดินเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว ข้าก็จะยิงร่างของนางอีก 1 ครั้ง ดูซิว่าคุณหนูของพวกเจ้าจะทนได้นานสักแค่ไหน” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มอย่างเริงรื่น รอยยิ้มนั้นดูเจิดจรัส จนถึงขั้นทำให้แสงอาทิตย์เศร้าหมองในทันที 36 ขุนพลสวรรค์หวาดกลัวเป็นอย่างมาก พวกเขาอยากไปช่วยเซวียนเฟย แต่ก็ไม่กล้าขยับตัว เพราะเฟิ่งชิงเฉินสั่งไว้ว่าห้ามขยับ……