นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 591 ดูถูก เสด็จอาเก้าโมโหยิ่ง
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 591 ดูถูก เสด็จอาเก้าโมโหยิ่ง
ตั้งแต่เล็กจนโต เซวียนเฟยถูกเอาอกเอาใจมาโดยตลอด ผู้คนรอบข้างไม่กล้าที่จะขัดใจ หัวหน้าเผ่าเสวียนเซียวไม่กล้าทำให้นางต้องรู้สึกคับข้องใจแม้แต่น้อย และไม่เคยจะกล่าววาจารุนแรงต่อนางแม้แต่ประโยคเดียว ไม่ว่านางต้องทำสิ่งใดล้วนปล่อยให้นางทำ
อย่าว่าแต่ถูกกระสุนยิงเข้าที่ข้อมือและขา แม้แต่นิ้วของเซวียนเฟยถลอกเพียงเล็กน้อย ในเผ่าเสวียนเซียวกงก็วุ่นวายไปทั่ว
บัดนี้ทั้งมือและเท้าของนางถูกเฟิ่งชิงเฉินทำร้ายเสียจนได้รับบาดเจ็บ ประกอบกับท่าทางของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้เซวียนเฟยรู้สึกว่าบาดแผลเจ็บยิ่งไปกว่าเดิม นางกอดมือกอดเท้าของตัวเองเอาไว้แล้วกลิ้งลงไปที่พื้นร้องไห้น้ำตานองหน้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก
แต่ในครั้งนี้แม้นางได้รับความอับอายน้อยเนื้อต่ำใจมากมายเพียงใด ผู้คนรอบข้างของนางกลับไม่มีใครออกมาเผชิญหน้าแทน เซวียนเฟยจะอดทนได้อย่างไร ดังนั้นนางจึงอ้าปากตะโกนใส่เฟิ่งชิงเฉินว่า “นังผู้หญิงสารเลว แน่จริงแกก็ฆ่าข้าสิ ไม่เช่นนั้น ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้เป็นแน่ นังผู้หญิงสารเลว ข้าจะตัดแขนขาของเจ้า ควักลูกตาของเจ้าออกมาแล้วตัดปลายจมูกทิ้งไปเสีย ตัดลิ้นของเจ้าด้วย ข้าจะให้เจ้าพิการไปเสีย ให้เจ้าต้องทรมานดังเช่นตายทั้งเป็น ไม่สิ……ข้าจะกรีดใบหน้าของเจ้าให้เป็นรอย จากนั้นโยนเจ้าลงไปในเตาเผา ให้เจ้า……”
“หนวกหูยิ่งนัก หากยังไม่หยุดร้องโวยวายอีกล่ะก็ ข้าจัดการกับแขนอีกข้างหนึ่งของเจ้าเสีย!” ปัง! เฟิ่งชิงเฉินไม่ออมมือแม้แต่น้อย นางยิงไปที่ขาอีกข้างหนึ่งของเซวียนเฟย
“กรี๊ด!” ในครั้งนี้เซวียนเฟยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ครานี้นางไม่กล้าตะโกนดุด่าหรือแม้แต่ร้องไห้ออกมา
ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างกายของเซวียนเฟย หลายต่อหลายครั้งที่พยายามชักดาบออกมา แต่กลับถูกท่าทางเหนี่ยวไกของเฟิ่งชิงเฉินทำให้ตกใจจนไม่กล้าทำสิ่งใดต่อ ทำได้เพียงยืนจ้องมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าด้วยความพร้อมหกพอใจ นางอาศัยอยู่ในเมืองหลวงมาเป็นเวลานานแล้ว แต่สตรีที่จิตใจโหดร้าย อย่างเช่นเซวียนเฟย เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยเห็นมาก่อน
อีกทั้งยังเป็นคุณหนูใหญ่แห่งเผ่าเสวียนเซียวกงดูหยาบคายยิ่งกว่าสตรีในหมู่บ้านธรรมดาเสียด้วยซ้ำ “คนเยี่ยงเจ้าคิดอยากจะแต่งงานกับคุณชายใหญ่ เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นบ่าวรับใช้ของคุณชายใหญ่เสียด้วยซ้ำ!”
สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวนั้นเป็นความจริง แต่เซวียนเฟยกลับไม่คิดเช่นนั้น ใบหน้าอันดูบอบบางของนางบิดเบี้ยว 36 ขุนพลสวรรค์ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อน ส่วนตัวนางเองก็ไม่อาจลุกขึ้นยืนได้ นางหันไปกุมแส้ที่อยู่ข้างกายตั้งใจจะฟาดแส้นี้ไปที่เฟิ่งชิงเฉินยามทีเผลอ แต่เมื่อมือของนางเพิ่งจะกำไปที่แส้ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
มีคนกำลังมา!
ใบหน้าของเซวียนเฟยยิ้มแย้มขึ้นและหัวเราะดังลั่น “ฮ่าๆ ๆ ! นังผู้หญิงโง่ แกตายแน่ พี่รองของฉันกำลังมาอย่างแน่นอน ต้องเป็นพี่รองของฉันแน่ หากมีพี่รองของฉันเข้ามาช่วยล่ะก็ อาวุธของแกเก่งกาจเพียงไรก็ไร้ผล!”
เอ๋ ดูเหมือนจะมิใช่เช่นนั้น?
เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆ ฟังดูก็รู้ได้ทันทีว่ามีคนมากมาย และคนเหล่านั้นไม่ได้ถูกส่งมาเพื่อรับนาง เพราะคนที่ทางจวนเซียวชินอ๋องส่งออกมาคงไม่มากมายเพียงนี้ คาดว่าของจะเป็นคนจากเผ่าเสวียนเซียวกง
ซวยเสียจริง! เฟิ่งชิงเฉินกำปืนเอาไว้ในมือ ฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ เฟิ่งชิงเฉินจ้องไปที่เซวียนเฟยและคนข้างกายของนาง กำลังมองหาโอกาสว่าจะสามารถจับเซวียนเฟยมาเป็นตัวประกันได้หรือไม่
จะก่อกบฏต้องจับกษัตริย์ได้ก่อน หากว่ามีเซวียนเฟยอยู่ในกำมือ ต่อให้หัวหน้าเผ่าเสวียนเซียวกงเดินทางมาเองนางก็ไม่กลัว แต่ว่า……ทั้งเซวียนเฟยและ 36 ขุนพลสวรรค์ที่อยู่ข้างนางดูเหมือนจะเตรียมพร้อมป้องกันมาก่อนหน้าแล้ว แม้ว่าทั้ง36 ขุนพลสวรรค์จะไม่กล้าขยับเขยื้อน แต่ตัวนางก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนเช่นกัน ดังนั้นนางจึงไม่มีโอกาสเลย
นางจะทำเช่นไรดี?
สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินดูเคร่งขรึม คิ้วของนางขมวดเข้าหากัน ท่าทางของนางเช่นนี้ทำให้เซวียนเฟยรู้สึกพอใจยิ่งนัก รอยยิ้มอันเย่อหยิ่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซวียนเฟย นางลืมความเจ็บปวดบนร่างกายไปจนสิ้น “สตรีน่ารังเกียจ บัดนี้เจ้าคงเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ว่าการที่จะเป็นปรปักษ์ต่อข้าจะพบกับจุดจบเช่นไร ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าคนที่ทำให้ข้าต้องขุ่นเคืองใจล้วนไม่มีจุดจบอันดี แต่เจ้าวางใจได้ ดูเหมือนว่าคุณชายใหญ่จะให้ความสำคัญกับเจ้านัก ก่อนที่คุณชายใหญ่จะแต่งงานกับข้า แน่นอนว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่ข้าจะคอยทรมานเจ้าต่อไปเรื่อยๆ ข้าจะส่งชายร่างกายกำยำมาเพลิดเพลินกับเจ้า……”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้เซวียนเฟยก็เงียบเสียงลงทันใด ริมฝีปากของนางตกตะลึงอ้าปากค้างมองไปยังด้านหลังของเฟิ่งชิงเฉิน ราวกับไม่เชื่อสายตาของตนเอง
เกิดเรื่องใดขึ้นกัน?
เฟิ่งชิงเฉินหันหลังให้กับทิศทางของผู้ที่กำลังเดินทางมา เมื่อนางเห็นท่าทางของเซวียนเฟยก็อดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับไปมองดู จากนั้นนางก็ตกตะลึง
เป็นไปได้อย่างไร?
เขามาได้อย่างไร? อีกทั้งยังนำทหารและม้าจำนวนมากมายมาด้วย เขามาที่นี่เพราะนางหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินยื่นมือออกไปทางผู้ที่อยู่ตรงหน้า นางอ้าปากแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาเป็นเวลาเนิ่นนาน จมูกของนางแดงเรื่อขึ้น ในตาราวกับมีหมอกปกคลุมทันใด
“เสด็จอาเก้า เหตุใดท่านจึงเพิ่งมา?”
กล่าวได้ว่านางทั้งดีใจและกำลังออดอ้อนเขา นางเคยจินตนาการมาก่อนว่าคนจากตระกูลหวังจะเดินทางมาช่วยนาง เคยจินตนาการว่าคนจากจวนเซียวชินอ๋องจะเดินทางมาหานาง และเคยคิดว่าคนของเสด็จอาเก้าจะเดินทางมา มีเพียงสิ่งเดียวที่นางคิดไม่ถึงนั่นก็คือเสด็จอาเก้าจะเดินทางมาด้วยตนเอง อีกทั้งยังนำกองทัพมาสนับสนุนนางด้วย
ชั่วพริบตา เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น บาดแผลบนร่างกายของนางดูเหมือนไม่เจ็บปวดอย่างน่าอัศจรรย์ ในใจของนางมีฟองอากาศเล็กๆ ผุดขึ้นนับไม่ถ้วน มีความรู้สึกที่เรียกว่าความสุขผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
มีน้ำตาปรากฏขึ้นในดวงตาของเฟิ่งชิงเฉิน รอยยิ้มของนางดูสดใสและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
นางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกถูกทะนุถนอม และให้ความสำคัญหวงแหน
คนที่นางไม่กล้าแม้แต่จะคิด กลับมาปรากฏกายตรงหน้านางเช่นนี้ทำให้นางดีใจยิ่งนัก
หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย นางคงจะเข้าไปกอดเสด็จอาเก้าเอาไว้แล้วบอกให้เขารู้ว่านางรู้สึกดีใจเพียงใด
“เสด็จอาเก้า……”
ตรงกันข้ามกับความตื่นเต้นตื้นตันใจของเฟิ่งชิงเฉิน แววตาอันเยือกเย็นของเสด็จอาเก้าเหลือบมองไปทางเฟิ่งชิงเฉินราวกับว่าเขาไม่ได้ยินประโยคของนางเมื่อสักครู่ ท่าทางอันเย่อหยิ่งไม่แยแสของเขาราวกับในครั้งแรกที่เคยพบกัน สายตาของเขาไม่เห็นเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในสายตา
ร่างของเฟิ่งชิงเฉินสั่นคลอนเล็กน้อย
เสด็จอาเก้าโมโหแล้ว
แย่ล่ะสิ!
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา……
เสด็จอาเก้า ก้าวขาเข้าไปทางเฟิ่งชิงเฉินและเซวียนเฟยอย่างสง่างาม ราวกับที่แห่งนั้นคล้ายไม่มีใครอยู่ รองเท้าสีดำเหยียบย่ำไปบนหญ้าสีเขียวอย่างไม่เร่งรีบ ส่งเสียงกรอบแกรบ น้ำเสียงสูงต่ำเป็นจังหวะ ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะมุ่งความสนใจ
เฟิ่งชิงเฉินดูวิตกกังวลยิ่ง นางแทบไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
36 ขุนพลสวรรค์ที่อยู่ข้างหลังของเซวียนเฟยรู้ได้ทันทีว่าแย่แล้ว ตั้งแต่วินาทีที่เสด็จอาเก้าปรากฏกายขึ้น แต่พวกเขาตกตะลึงกับการเดินทางมาถึงของเสด็จอาเก้าโดยไม่กล้าทำสิ่งใด เดิมทีพวกเขาต้องการจะลงมือเคลื่อนไหว แต่พวกเขาเห็นมือธนูยกลูกศรขึ้นข้างหลังเสด็จอาเก้าเล็งเป้ามาที่พวกเขาทั้งหลาย 36 ขุนพลสวรรค์จึงไม่กล้าแม้แต่ขยับเขยื้อน พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ร่างของพวกเขาตึงเครียด สายตาจ้องมองไปทางเสด็จอาเก้าแล้วกลืนน้ำลายไม่หยุด
เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่อาจปรับตัวได้ในชั่วขณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรากฏตัวขึ้นของชายผู้ชื่อว่าเสด็จอาเก้าโดยกะทันหันเช่นนี้ เป็นการกดดันพวกเขาอย่างมาก ทำให้พวกเขาเกิดอาการหวาดกลัว
บัดนี้สถานการณ์ทั้งป่าเขาเงียบงัน เฟิ่งชิงเฉินราวกับเด็กน้อยที่กระทำความผิด นางเก็บปืนลงอย่างว่าง่ายแล้วยืนอยู่ด้านข้าง ท่าทางของนางรู้รู้สึกผิดแล้วขยับบาดแผลที่อยู่ด้านหลังหนีเสด็จอาเก้าเล็กน้อย เนื่องจากไม่อยากให้เสด็จอาเก้าเห็นว่านางได้รับบาดเจ็บที่หลัง
ยังไม่ทันจะสืบสวนก็ยอมออกมาเองเสียแล้ว
แต่เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากกว่า เขายืนอยู่ตรงข้ามกับเซวียนเฟย แววตาของเขามองไปด้วยความรังเกียจ ได้ยินมาว่าสตรีผู้นี้หน้าตาคล้ายกับเฟิ่งชิงเฉินยิ่งนัก
เขายกเท้าขึ้น……ปลายรองเท้าสัมผัสไปที่คางของเซวียนเฟย เซวียนเฟยรู้สึกโมโหและอับอาย มือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของนางกำแน่น แต่นางก็ได้เงยหน้าขึ้นมองเสด็จอาเก้าโดยสัญชาตญาณ
หน้าตาเหมือนกันจริงเสียด้วย ช่างทำให้ผู้คนไม่ชื่นชอบเอาได้เสียเลย
เมื่อเผชิญหน้ากับความเยือกเย็นของเสด็จอาเก้า เซวียนเฟยไม่อาจอาละวาดออกมาได้ นางหลบดวงตาของเขาไม่กล้าสบตากับเสด็จอาเก้าโดยตรง นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “เจ้า เจ้าเป็นใคร? เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าข้าเป็นใคร ข้าเป็นคุณหนูใหญ่แห่งเผ่าเสวียนเซียวกง เจ้าจะทำอะไรข้าไม่ได้เด็ดขาด”
ผู้ที่ชอบรังแกคนดี และเกรงกลัวคนชั่วร้าย นั่นหมายถึงคนเช่นเซวียนเฟยนั่นเอง เสด็จอาเก้ารูปงามไร้ที่ติ ดูท่าทางสง่างามสูงส่ง ทว่ารังสีที่แผ่ซ่านออกมากลับเต็มไปด้วยอันตราย การที่ถูกเสด็จอาเก้ามองมาเช่นนี้ ไม่ต่างอันใดกับถูกมัจจุราชกำลังจับจ้อง ต่อให้เสด็จอาเก้าจะรูปงามเพียงใด เซวียนเฟยก็ไม่กล้าที่จะแอบมองดูอยู่ในใจแม้แต่น้อย
เพราะชายที่อยู่ตรงหน้านี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“เผ่าเสวียนเซียวกง?” ริมฝีปากเรียวบางของเสด็จอาเก้าเผยอขึ้นเล็กน้อย
“ถูกต้องแล้ว เผ่าเสวียนเซียวกง ชนเผ่าอันดับในยุทธศาสตร์” เซวียนเฟยคิดว่าสายตาเสด็จอาเก้าไม่รู้ นางรีบทำการแนะนำอย่างรวดเร็ว ซึ่งเสด็จอาเก้านับว่าไว้หน้านางยิ่ง จึงไม่ได้เอ่ยขัดขึ้นขณะที่นางกำลังแนะนำตน ตอนที่เซวียนเฟยเอ่ยแนะนำอยู่นั้น บาดแผลก็มีเลือดไหลออกมามากขึ้น อีกอย่างเขาก็ไม่รีบร้อน การที่เฟิ่งชิงเฉินเดินทางออกจากเมืองหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาตควรจะได้รับบทลงโทษจะได้จดจำเอาไว้
เมื่อเซวียนเฟยกล่าวจบ เสด็จอาเก้าก็พยักหน้าอย่างให้เกียรติ “ข้าเข้าใจแล้ว”
เขาก้าวเท้าออกไปแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมา ขันทีซึ่งอยู่ด้านหลังก้าวไปข้างหน้าทันที เมื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาก็ได้คุกเข่าลงเช็ดไปที่รองเท้าส่วนหน้าตรงที่สัมผัสกับข้างของเซวียนเฟยเมื่อสักครู่ จากนั้นขันทีก็ได้โยนผ้าเช็ดหน้าทิ้งไป แล้วโค้งกายถอยห่างอย่างมีมารยาท
ยอดเยี่ยม!
เฟิ่งชิงเฉินละสายตามองออกไปด้วยความชื่นชม ก่อนจะแอบยกนิ้วโป้งขึ้นให้ เสด็จอาเก้าช่างรู้วิธีการทำให้ผู้คนอับอายได้ดีเหลือเกิน ทำให้คนผู้นั้นไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้ตลอดชีวิต
“……” ใบหน้าของเซวียนเฟยแดงเรื่อขึ้นทันใดด้วยความโมโห นางมองไปทางเสด็จอาเก้าอย่างเกลียดชัง แต่พบว่าดวงตาอันเย็นชาของเสด็จอาเก้ามองกลับมา นางจึงทำได้เพียงก้มศีรษะลง น้ำตานั้นไหลรินลงมาอีกครั้ง
ความอัปยศออกสู่ทิ่มแทงจิตใจยิ่งนัก ทำให้นางอยากจะฆ่าชายผู้อยู่ตรงหน้านี้เหลือเกิน
ไม่เคยมีใครกล้าทำเช่นนี้กับนางมาก่อน นางเป็นคุณหนูแห่งเผ่าเสวียนเซียวกงที่ไม่ต่างอันใดกับองค์หญิง แต่ไหนแต่ไรมานางมักจะเป็นคนที่ทำให้คนอื่นต้องอับอาย เมื่อไหร่กันที่คนอื่นจะทำให้นางอับอายได้เช่นนี้
“ฮือๆ ……” เสียงสะอื้นเบาๆ ของเซวียนเฟยดังขึ้นเล็กน้อย ความเจ็บปวดบนร่างกายของนางทวีคูณมากขึ้น ยิ่งร้องไห้ยิ่งรู้สึกอับอาย
36 ขุนพลสวรรค์ถูกกระตุ้นด้วยฉากนี้ เส้นเลือดแต่ละคนปูดโปนขึ้นมา ดวงตาสีแดงเรื่อ แต่การปรากฏตัวของนักธนูซึ่งอยู่ด้านหลังทำให้พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหว
เสด็จอาเก้ากลับไม่สนใจสิ่งใด แท้จริงแล้วเขาไม่ต้องการทำให้เซวียนเฟยต้องอับอาย เพราะเขาไม่ชอบที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดแต่ไหนแต่ไรมา หากไม่ใช่เพราะได้ยินมาว่าเซวียนเฟยรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเฟิ่งชิงเฉินละก็ เขาคงจะไม่เข้าใกล้และแตะต้องผู้หญิงคนนี้
สายตาของเขากวาดมองไปยัง 36 ขุนพลสวรรค์ เสด็จอาเก้ายกมือขึ้นโบว์ ขันทีซึ่งอยู่ด้านหลังอ้าปากกล่าวขึ้นทันทีว่า “จับพวกเขาทุกคน หากผู้ใดขัดขืน ฆ่าได้โดยไม่ต้องปรานี”
“ขอรับ” นายพลรับคำสั่งจากนั้นนำทหารมุ่งตรงขึ้นไปข้างหน้า เสด็จอาเก้าถอยหลังกลับมาก้าวหนึ่ง ยืนเคียงข้างเฟิ่งชิงเฉินพอดี
36 ขุนพลสวรรค์เตรียมพร้อมรับการต่อสู้ พวกเขาก้าวไปข้างหน้าคุ้มกันเซวียนเฟยเอาไว้ พวกเขาต่อสู้กับทหารของราชวงศ์ตงหลิง โดยมีเซวียนเฟยอยู่ข้างหลัง ตั้งสายจะรีบออกจากวงล้อมที่นี่ แต่เซวียนเฟยกลับตกตะลึงไม่กล้าที่จะกล่าวสิ่งใดออกมา
เสด็จอาเก้ามองไปด้วยสายตาเย็นชา เมื่อมองเห็นทหารในราชวงศ์ตงหลิงล้มลง และเฝ้าดูคนจากเผ่าเสวียนเซียวกงถูกล้อมแน่นขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีทางหนี
เฟิ่งชิงเฉินมองไปยังใบหน้าของเสด็จอาเก้าด้วยความระมัดระวัง แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่เสด็จอาเก้ายังไม่ยิ้มออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ มองไม่ออกว่าเขากำลังโมโหหรือกำลังยินดี เฟิ่งชิงเฉินสัมผัสได้เพียงความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างของเสด็จอาเก้าก้าว นางคาดเดาว่าในครั้งนี้เสด็จอาเก้าโกรธจริงๆ โกรธมาก……
“เสด็จอาเก้า……” เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยความระมัดระวัง น้ำเสียงของนางดูกำลังเอาอกเอาใจ
นางรู้ตัวว่านางผิดไปแล้ว นางผิดไปแล้วจริงๆ นางก็เพียงแค่ยอมรับความผิดไม่พอหรือไร ควรจะให้โอกาสนางยอมรับความผิดบ้างสิ!
“อืม” เสด็จอาเก้าไว้หน้าเฟิ่งชิงเฉินไม่น้อยในครั้งนี้ แม้จะไม่ได้หันไปมองดูเฟิ่งชิงเฉินแต่เขาก็ตอบรับออกมา
เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เสด็จอาเก้าเพียงแค่ตอบนางก็พอแล้ว นางกลัวว่าเสด็จอาเก้าจะผลักไสไล่ส่งนางออกไปไกลแสนไกล เฟิ่งชิงเฉินค่อยๆ ก้าวเข้าไปทีละก้าวอย่างระมัดระวัง เพื่อให้ระยะห่างทั้งสองคนระหว่างตนกับเสด็จอาเก้าใกล้กันมากขึ้น เมื่อพบว่าเสด็จอาเก้าไม่ปฏิเสธ เฟิ่งชิงเฉินจึงได้ก้าวขึ้นไปอีกก้าวหนึ่ง จนกระทั่งชายเสื้อของทั้งสองสัมผัสกัน……