นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 592 เสียโฉม ข้าเกลียดใบหน้าของเจ้า
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 592 เสียโฉม ข้าเกลียดใบหน้าของเจ้า
การเคลื่อนไหวอันเล็กน้อยของเฟิ่งชิงเฉินเหล่านี้เสด็จอาเก้าเห็นในสายตา เขาชื่นชอบยิ่งนักกับการกระทำของเฟิ่งชิงเฉินในบัดนี้ ท่าทางอ่อนโยนน่ารักออดอ้อน ทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชอบ
ในใจของเสด็จอาเก้ามีความสุขยิ่งนัก แต่ท่าทางของเขาที่แสดงออกมายังคงจริงจังดังเดิม เขาต้องการจะรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินสามารถทำสิ่งใดได้อีก เขาต้องการจะรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะทำอย่างไรเพื่อให้เขาดับไฟโมโหได้ และจะให้รางวัลเขาในฐานะที่เขาละทิ้งเรื่องราวและผู้คนมากมาย ไม่สนใจต่อองค์จักรพรรดิ เดินทางมายังสถานที่รกร้างแห่งนี้เพื่อปราบโจร อีกทั้งยังส่งกองทัพออกมาโดยไม่คิด
เสด็จอาเก้าไม่กล่าวสิ่งใด เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าเขาชื่นชอบวิธีการที่ตนขยับเข้าไปใกล้ ดังนั้นจึงค่อยๆ ขยับไปทางเสด็จอาเก้าทีละน้อยๆ จนกระทั่งเมื่อครู่ที่ชายเสื้อของทั้งสองสัมผัสกัน จนไม่มีช่องว่างให้ขยับอีก เฟิ่งชิงเฉินจึงหยุดลงด้วยความพึงพอใจ
“เสด็จอาเก้า เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่?” ตรงกันข้ามจากความเย็นชาหยิ่งยโสเมื่อครู่ น้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉินดูเบาลงเล็กน้อย ท่าทางออดอ้อน นางยอมรับความผิดพลาดยินยอมด้วยความนุ่มนวล
ที่จริงแล้วเป็นเพราะนางกำลังดีใจกับการเดินทางมาของเสด็จอาเก้า จึงทำให้ลืมความเจ็บปวดของบาดแผลที่หลังไป
เสด็จอาเก้ามองไปทางเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นก็ละสายตากลับมาราวกับไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น “ข้าเพียงมาทำธุระแถวนี้ จึงผ่านมาเห็น”
“ผ่านมา? เสด็จอาเก้าท่านมาทำธุระอะไรแถวนี้ เหตุใดจึงบังเอิญยิ่งนัก?” เฟิ่งชิงเฉินไม่ทันได้สังเกตและกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจของตนออกมา
เสด็จอาเก้ามองไปทางเฟิ่งชิงเฉินด้วยความไม่พึงพอใจ “ทำไมหรือ? ข้าทำธุระใดต้องบอกเจ้าด้วยหรือไร”
หากสตรีฉลาดเกินไปก็ไม่น่ารัก เสด็จอาเก้าเบือนหน้าหนีเพื่อปกปิดใบหน้าอันแดงเรื่อของตน
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันเพียงแค่เป็นห่วง เพียงแค่เป็นห่วงเท่านั้น ระยะทางจากเมืองหลวงมายังที่แห่งนี้ไม่ใช่ใกล้ๆ เสด็จอาเก้าเดินทางมาที่นี่คงจะเหนื่อยล้ายิ่งนัก” เฟิ่งชิงเฉินรีบส่ายหน้าแล้วแอบโทษตัวเองว่าปากมากไปทำไม ทั้งทั้งที่รู้ว่าเสด็จอาเก้าว่าเป็นคนที่เย่อหยิ่งเพียงไร แม้ว่าเขาจะเดินทางมาที่นี่เพื่อตนก็คงไม่ยอมกล่าวออกมา
“คงไม่ลำบากเท่าเจ้าหรอก แม้แต่ม้าที่วิ่งได้นับพันลี้ยังเหนื่อยตาย ดูเหมือนเจ้าจะเร่งรีบยิ่งนัก” หากเฟิ่งชิงเฉินไม่กล่าวออกมายังไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อกล่าวขึ้นเสด็จอาเก้าก็โมโหยิ่ง เฟิ่งชิงเฉินรีบร้อนเพียงใดกันจึงสามารถทำให้ม้าดำชางชาน หมดแรงตายได้
“เสี่ยวไป๋แล้วหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
แย่แล้ว! ฝู่หลินคาดว่าคงอยากจะฆ่านางแน่นอน ม้าดำชางชานเชียว นางไม่อาจชดเชยให้ได้เลย
“เสี่ยวไป๋? เจ้าม้าที่ตายแล้วตัวนั้นหรือ?” นางปฏิบัติต่อม้าดีกว่าปฏิบัติต่อเขาเสียอีก เสด็จอาเก้ารู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก
เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามีเวลาให้ความสนใจหวังจิ่นหลิง มีเวลาไปสนใจดูแลม้าที่ตายไปแล้วตัวนั้น เจ้าไม่มีเวลามาดูแลข้าบ้างหรือไร ให้ความสำคัญกับข้าบ้างไม่ได้หรือ?
เสด็จอาเก้าเม้มริมฝีปากแล้วเบือนหน้าหนี เขาไม่อยากจะหันไปมองเฟิ่งชิงเฉิน เนื่องจากเกรงว่าตนจะกลายเป็นพวกขี้บ่นเหมือนสตรี
แต่หากเสด็จอาเก้าไม่กล่าวออกมา เฟิ่งชิงเฉินจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาคิดสิ่งใดอยู่ นางอธิบายเรื่องของเสี่ยวไป๋ให้ฟังเบาๆ และหวังว่าเสด็จอาเก้าจะช่วยนางหาม้าดีๆ สักตัวเป็นการชดเชยให้กับฝู่หลิน
“เดิมทีมันเป็นม้าที่ตี๋ตงหมิงที่เตรียมมาให้ข้า ข้าคิดว่าเป็นม้าจากจวนเซียวชินอ๋องเสียอีก แต่ระหว่างทางนั้นข้าจึงได้พบกับเจ้าของม้า ได้รู้ว่าม้าตัวนี้ตี๋ตงหมิงขโมยมาและเกือบที่จะต้องต่อสู้กับเจ้าของม้าเสียแล้ว”
เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าบอกกับเสด็จอาเก้าว่าเจ้าของม้าทำร้ายร่างกายนาง หากว่าเสด็จอาเก้ารู้เรื่องนี้ละก็ ฝู่หลินคงจะต้องโชคร้ายอย่างแน่นอน นางควรจะทำตัวเป็นคนดีเอาไว้เสียดีกว่า
“ตี๋ตงหมิงคาดว่าคงจะไม่รู้ บ่าวรับใช้คงจะเห็นว่าม้าตัวนี้มีลักษณะที่ดี จึงได้นำมันมาให้” เสด็จอาเก้ากล่าวเบาๆ เขาไม่ได้สนใจจะสนทนากับเรื่องม้าที่ตายไปแล้วตัวนั้น
เฟิ่งชิงเฉินสังเกตเห็นได้ดังนั้นนางจึงรีบหุบปากลงทันใด แล้วยืนอยู่ข้างกายเสด็จอาเก้าราวกับสตรีตัวเล็กๆ ว่านอนสอนง่าย นางดึงชายเสื้อของเสด็จอาเก้าราวกับต้องการจะออดอ้อนแต่ไม่รู้ว่าจะกล่าวเช่นไร
เป็นเช่นนี้ถูกต้องแล้ว สายตาของเสด็จอาเก้าเหลือบมองไป เขาพยายามไม่เผยอริมฝีปากขึ้นยิ้ม น่าเสียดายที่ภาพเช่นนี้ดำเนินไปได้ไม่นานนัก มิใช่ว่าเฟิ่งชิงเฉินค้นพบวิธีการเอาอกเอาใจเสด็จอาเก้าได้ แต่เป็นเพราะคนจากเผ่าเสวียนเซียวกงทั้งสิบห้าคนถูกจับมาจนเรียบร้อยแล้ว มีเจ็ดคนที่ตายเพราะถูกฆ่า อีกแปดคนยังมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าเซวียนเฟยก็ถูกจับเป็นเช่นกัน
“ท่านอ๋อง กลุ่มโจรทั้งหมดนี้ถูกจับได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องโปรดให้คำสั่งการต่อไปเถิด” เสด็จอาเก้ามาที่นี่เพื่อปราบโจรแน่นอนว่ากลุ่มคนเหล่านี้ก็เป็นโจร อีกอย่าง สิ่งที่พวกเขาทำไม่ต่างอะไรกับโจรเลย
การบังคับปล้นฆ่า เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้
“ผู้ร้ายให้การขัดขืน ไม่มีผู้รอดชีวิต” เสด็จอาเก้าออกคำสั่งเบาๆ เขาตัดสินความเป็นความตายของทุกคนในทันใด
“พ่ะย่ะค่ะ” นายพลผู้นั้นไม่เอ่ยถามสิ่งใดแม้แต่น้อย เขาออกคำสั่งให้ขาทั้งหมดทันที
“ฉับ……” เมื่อมีดตกลงมา ด้านอันแหลมคมสัมผัสไปที่ร่างของพวกเขา เดิมทีร่างกายของพวกเขาก็เต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องลองแปลงสิ่งใด
เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้า ตราบใดก็ตามที่มีฉากอันมืดมนเกิดขึ้นในเหล่าขุนนาง เมื่อขุนนางต้องการที่จะปิดปากก็มีเพียงแค่วิธีเดียวนั่นก็คืออีกฝ่ายขัดขืนการจับกุม และเกิดการสังหารขึ้นระหว่างจับกุมโดยไม่ได้ตั้งใจ
อย่างไรก็ตามเพียงแค่มีศพไปมอบให้ตามกฎหมายก็เพียงพอแล้ว ตามกฎหมายแล้วที่จริงคนร้ายอาจจะไม่จำเป็นต้องรับโทษประหารชีวิตถึงตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน คงจะดีกว่าหากฆ่าทิ้งไปเสีย จะได้ไม่ปล่อยให้ผู้ร้ายลอยนวล
เมื่อเหล่าทหารไล่ฆ่าไปจนถึงเซวียนเฟย เสด็จอาเก้าก็กล่าวขึ้นว่า “ช้าก่อน”
ใบหน้าของเซวียนเฟยขาวซีด จู่ๆ ใบหน้านั้นก็ฉายแสงออกมาเป็นประกาย นางมองไปยังเสด็จอาเก้าอย่างมีความหวัง และน่าสงสารอ้อนวอนด้วยความเมตตาว่า “อย่าฆ่าข้าเลย ขอร้องได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลย เพียงแค่ท่านไม่ฆ่าและไว้ชีวิตข้า เผ่าเสวียนเซียวกงจะต้องตอบแทนท่านอย่างสาสม ท่านต้องการสิ่งใดเราล้วนหามาให้ทั้งสิ้น”
“ท่านเชื่อข้าเถอะ บิดาของข้าทะนุถนอมข้าเป็นที่สุด หากนำชีวิตข้าเอาไปแลกกับเผ่าเสวียนเซียวกง ท่านจะได้สิ่งของที่ต้องการมากกว่า อ้อจริงสิ ก่อนหน้านี้ไม่นานมีใครคนหนึ่งนำแผนที่ขุมทรัพย์มามอบให้เผ่าเสวียนเซียวกง กล่าวว่าเป็นสมบัติลับของราชวงศ์ก่อนได้โปรดท่านอย่าฆ่าข้าเลย ข้าจะอ้อนวอนให้ท่านพอนำแผนที่ขุมทรัพย์นั้นมาไถ่ตัวข้าได้หรือไม่”
แผนที่ขุมทรัพย์หรือ? ของราชวงศ์ก่อน? น่าจะเป็นแผนที่ของจิ่วโจว หัวหน้าเผ่าเสวียนเซียวกงทะนุถนอมลูกสาวของตนเสียจริง เรื่องเช่นนี้ก็กล้านำมาบอกนาง เขากำลังกังวลเรื่องของข่าวคราวแผนที่ขุมทรัพย์อยู่พอดีเชียว จู่ๆ ก็มีคนนำเรื่องนี้มารายงาน การเดินทางมาครั้งนี้ไม่นับว่าเปล่าประโยชน์แล้ว
เสด็จอาเก้ามีแสงประกายแวววาวขึ้นมาในดวงตา แต่ในไม่ช้าก็จางหายไป ดูเหมือนไม่ได้ยินประโยคเมื่อครู่ของเซวียนเฟย สายตาของเขาจ้องไปที่แทรกที่อยู่ใต้เท้าของเซวียนเฟย ขันทีก้มลงไปอย่างรู้งานเขารีบหยิบมันขึ้นมาเช็ดให้สะอาดแล้วส่งให้เสด็จอาเก้า
เซวียนเฟยไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้าต้องการทำสิ่งใด แต่รังสีอำมหิตอันตรายที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเสด็จอาเก้าซึ่งน่ากลัวเหลือเกิน ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว ความเยือกเย็นนั้นทำให้เซวียนเฟยตกใจเสียจนร้องไห้ พยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ “ได้โปรดเชื่อข้าเถิด ข้าไม่หลอกเจ้า ข้ามีแผนที่ขุมทรัพย์อยู่ในมือของท่านพ่อข้าจริงๆ เจ้าอย่าได้ฆ่าข้าเลยอย่าฆ่าข้าเลย……”
เฟิ่งชิงเฉินเหลือบตามอง
เป็นจริงดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นบุตรชายหรือบุตรสาว สามารถเลี้ยงให้มั่งคั่งได้แต่อย่าตามใจ ไม่เช่นนั้นแต่ละคนก็ดูไร้ประโยชน์สิ้นดี ดูอย่างเช่นเซวียนเฟยที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับนาง แต่กลับร้องไห้ออกมาน้ำหูน้ำตาไหล เฟิ่งชิงเฉินมองไปรู้สึกสะอิดสะเอียนยิ่งนัก
น่าหงุดหงิดเหลือเกิน
โชคดี คนที่รู้สึกหงุดหงิดไม่ได้มีเพียงแค่นาง แต่เสด็จอาเก้าก็รู้สึกหงุดหงิดที่เซวียนเฟยมีใบหน้าเหมือนกับเฟิ่งชิงเฉิน
เพราะเฟิ่งชิงเฉินมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้……
“ข้าเกลียดเจ้าที่มีใบหน้าเช่นนี้เหลือเกิน อย่าให้ข้าได้เห็นหน้าเจ้าอีก”
“เพียะ……” แส้ในมือของเสด็จอาเก้าพุ่งตรงออกไปสัมผัสกับใบหน้าของเซวียนเฟยพอดิบพอดี ที่แก้มของเซวียนเฟยมีรอยแผลซึ่งไม่มีวันลบออก ยาวไปยังแก้มขวา
เสียโฉม!
ใบหน้าของเซวียนเฟยเต็มไปด้วยเลือด มองไม่ออกว่านางมีหน้าตาเป็นเช่นไร
“กรี๊ด……!” เซวียนเฟยหลับตาลงแล้วกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด น้ำเสียงของนางแหลมคม แม้แต่นกที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ก็คงตื่นตระหนกอย่างแน่นอน
โหดร้ายยิ่งนัก!
เฟิ่งชิงเฉินอดไม่ได้ที่จะสัมผัสไปยังใบหน้าของตน แม้ว่านางจะไม่ชื่นชอบใบหน้าของเซวียนเฟย แต่นางก็ไม่เคยคิดจะทำลายใบหน้าของเซวียนเฟยให้เสียหาย นั่นเป็นเพราะว่านางนี้อาจลงมือได้
นางแน่ใจได้ว่าเซวียนเฟยต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับนางอย่างแน่นอน
“จัดการกับนาง” เสด็จอาเก้าหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมือ จากนั้นปล่อยออก ผ้าเช็ดหน้าบินลอยออกไป เขาหันหลังเดินไปทางหุบเขา ไม่แม้แต่จะหันมามองดูเซวียนเฟย
ในเมื่อเซวียนเฟยไม่ได้มีใบหน้าเช่นเดียวกับเฟิ่งชิงเฉินแล้วก็ไม่มีสิ่งใดที่เข้าต้องมอง
หลังจากเดินไปได้สิบกว่าก้าวก็พบว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เดินติดตามมา เสด็จอาเก้าจึงได้ชะงักลง “ยังตกตะลึงอะไรอยู่อีก ไปเร็ว”
เฟิ่งชิงเฉินตอบรับออกมาว่า “อืม” จากนั้นนางก็ไม่อยากจะหันไปสนใจเซวียนเฟยเช่นกัน นางหันหลังเดินตามเสด็จอาเก้าไป แต่เมื่อนางหันหลังเดินไปเช่นนี้กลับทำให้บาดแผลบนหลังเจ็บปวดยิ่งขึ้น……