นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 595 ถอดออกนอนลง เอาใจเสด็จอาเก้ายากจริง
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 595 ถอดออกนอนลง เอาใจเสด็จอาเก้ายากจริง
เฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย ประกอบกับเสด็จอาเก้าพาทหารมาด้วย จึงไม่สะดวกนักหากจะเข้าไปในเมือง พวกเขาทั้งหลายจึงได้เดินทางอยู่นอกเมืองและตั้งกระโจมพักผ่อน ที่พักของเฟิ่งชิงเฉินอยู่ถัดไปจากเสด็จอาเก้าสองหลัง ข้าหลวงได้จัดเตรียมน้ำร้อนและเสื้อผ้าสะอาดให้แก่เฟิ่งชิงเฉินไว้แล้วก่อนหน้า
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเสด็จอาเก้าได้พบเขากับหวังจิ่นหลิงและฝู่หลินที่หุบเขา จากนั้นได้ดูแลจัดการทั้งสองคนอย่างดิบดี นางก็วางใจลง หากมีเสด็จอาเก้าอยู่ด้วย นางจะต้องกังวลเรื่องใดอีก
เรื่องใหญ่เพียงใดเสด็จอาเก้าล้วนสามารถจัดการแก้ไขได้ด้วยตนเอง
เมื่อมองเห็นควันสีขาวลอยออกมาจากอ่างอาบน้ำ เฟิ่งชิงเฉินต้องการจะลงไปอาบน้ำอุ่น แต่เนื่องจากบาดแผลที่หลังของนาง อีกทั้งยังมีบาดแผลที่ต้นขา นางจึงทำได้เพียงเช็ดล้างร่างกายไม่ให้ตนดูสกปรก
เมื่อได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวจากร่างกายของตน เฟิ่งชิงเฉินก็คิดขึ้นได้และรู้สึกยกย่องเสด็จอาเก้าผู้มีความรักสะอาดเป็นเลิศ เหตุใดเขาจึงได้ทนอุ้มนางมานานได้เพียงนี้ เมื่อนางนึกถึงตอนที่เสด็จอาเก้ากลับไปยังกระโจมของเขา แล้วทำการเช็ดล้างร่างกายอย่างสุดความสามารถ เฟิ่งชิงเฉินก็หัวเราะขึ้นอย่างมีความสุข
เมื่อใดที่เสด็จอาเก้ารู้สึกหงุดหงิด นางก็จะมีความสุขยิ่งนัก
เมื่อนางหัวเราะขึ้น เรื่องน่าเศร้าก็บังเกิด ต้นขาของนางฉีกออก เฟิ่งชิงเฉินเจ็บปวดจนร่างกายหดตัวลงตามสัญชาตญาณ เฟิ่งชิงเฉินได้แต่ดวงตาแดงเรื่อ
ให้ตายสิ นางจะโชคร้ายกว่านี้อีกหรือไม่ เฟิ่งชิงเฉินไม่มีอารมณ์จะไปอาบน้ำต่อ นางสระผมอย่างเร่งรีบ จากนั้นห่อผมเอาไว้เพื่อไม่ให้น้ำจากผมหยดไปโดนหลัง หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว นอกจากชุดชั้นในนางเพียงแค่สวมชุดบางๆ ไว้ข้างนอก มองไปดูโล่งสบายแต่ก็ดูยั่วยวนเล็กน้อย
จะทำอย่างไรได้เล่า บาดแผลที่ต้นขาของนางไม่ดีขึ้นเลย ตอนที่อยู่กับหวังจิ่นหลิง แม้ว่าเป็นตอนนอนนางก็จะปิดเอาไว้อย่างมิดชิด แต่บาดแผลที่หลังตั้งแต่บริเวณไหปลาร้าไปถึงเอว นางไม่อาจจะสวมใส่เสื้อผ้าได้เลย
เฟิ่งชิงเฉินหยิบยาและเครื่องอุปกรณ์เครื่องใช้รักษาจากกระเป๋ายาอัจฉริยะออกมา นางกำชับให้ไปตามหมอทหารมา ทางที่ดีควรจะเป็นผู้หญิง เนื่องจากบาดแผลที่หลังของนางจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือในการรักษา คิดไม่ถึงว่านางไม่ทันจะได้รับคำตอบจากข้าหลวง กลับได้ยินเสียงของเสด็จอาเก้าก้าวบอกให้ข้างหลวงถอยออกไป
เสด็จอาเก้า?
เมื่อมองเห็นเสด็จอาเก้าเดินตรงเข้ามา เฟิ่งชิงเฉินก็ดึงเสื้อผ้าเข้ามาให้มิดชิด ทำสีหน้าจริงจัง
เสด็จอาเก้ามองไปทางเฟิ่งชิงเฉิน เสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่เห็นท่าทางเมื่อครู่ของนาง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปข้างในโดยไม่มองไปทางอื่น
ปิดบังอะไรกัน ส่วนใดของเจ้าที่ข้าไม่เคยเห็นบ้าง? มาปิดเอาตอนนี้ไม่สายไปหน่อยหรือ?
“อืม” แม้จะโมโห แต่เมื่อเห็นบาดแผลบนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินเสด็จอาเก้ารก็อดไม่ได้ที่จะตอบรับนาง
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มขึ้นแล้วดูเหมือนว่าการกระทำของตนเมื่อครู่จะเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่นางก็ไม่ได้ปล่อยมือออก ไม่เพียงเท่านี้ นางยังดึงเสื้อผ้าเข้าหากันให้แน่นขึ้นเพื่อห่อตนเองเอาไว้
เมื่อบาดแผลสัมผัสเข้ากับเนื้อผ้า เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกเจ็บปวดเสียจนหัวใจเกร็งแน่น แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาอันพินิจพิเคราะห์ของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินทำได้เพียงยิ้มขึ้นด้วยแววตาอันสดใสราวกับว่าบาดแผลนั้นไม่เจ็บแม้แต่น้อย
แท้จริงแล้วนางยังไม่อยากให้เสร็จอาเก้าเห็นบาดแผลบนร่างกายของนาง เนื่องจากบาดแผลของนางนั้นนอกจากที่หลังแล้วยังมีที่เอวอีกด้วย เป็นบริเวณเอวและต้นขารอยฟกช้ำต่างๆ นานา กล่าวได้ว่าทั้งเรือนร่างของนางเต็มไปด้วยแผล นอกเสียจากใบหน้าและมือทั้งคู่ที่โผล่ออกมาจากเสื้อผ้าแล้ว ไม่มีที่ใดเลยที่สมบูรณ์แบบ แม้แต่ฝ่าเท้าก็เช่นกัน
นางเชื่อว่าหากเสด็จอาเก้าเห็นสภาพนางเช่นนี้คงจะต้องโกรธอย่างแน่นอน เนื่องจากหากว่านางเห็นเสด็จอาเก้ามีบาดแผลมากมายเช่นนี้ นางเองก็คงจะโทษเขาที่ทำอะไรไม่ระมัดระวัง และใส่ยาให้เขาอย่างปวดใจ
แต่เสด็จอาเก้าหากเห็นบาดแผลมากมายเช่นนี้บนร่างกายนาง ต่อให้เขาจะรู้สึกปวดใจแทนก็จะไม่กล่าวออกมาเพียงแค่เอ่ยโทษนาง จากนั้นก็โมโหและโมโห
นางยังไม่ได้เอาใจเสด็จอาเก้าถึงเรื่องหนีออกมาเลย หากว่าตอนนี้มีเรื่องเพิ่มขึ้นไปอีกล่ะก็นางคงจะร้องไห้จริงๆ
น่าเสียดายเหลือเกินที่ชะตาของเฟิ่งชิงเฉินต้องพบกับความล้มเหลว เสด็จอาเก้าเดินทางมาในเวลานี้ก็เพื่อที่จะทายาให้เฟิ่งชิงเฉิน หากไม่ใช่เพราะว่าเสื้อผ้าของเขาสกปรกจึงจำเป็นต้องกลับไปยังกระโจมเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน คาดว่าเสด็จอาเก้าคงจะเดินทางมาก่อนหน้านี้แล้ว เขาจะปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินอาบน้ำเองได้อย่างไร
เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำมาก่อน แม้จะกล่าวว่าในยุคสมัยเช่นนี้ไม่มีผู้ใดทำเช่นเขานั่นก็คือ นำทหารไปออกรบเพื่อสตรี แต่ถึงกระนั้นเรื่องราวเหล่านี้เขาชื่นชอบที่จะทำ ใครมีปัญหาอะไรเล่า
เสด็จอาเก้าลืมตาขึ้นเล็กน้อย เขามองไปทางเฟิ่งชิงเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า นอกจากรู้สึกว่าเฟิ่งชิงเฉินแปลกๆ ไปก็มาได้พบว่าสิ่งอื่นมีอะไรผิดปกติ
เสด็จอาเก้าจึงไม่ได้คิดสิ่งใดมาก เขาชี้ไปยังเก้าอี้ซึ่งวางอยู่ด้านข้าง และไม่ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธ เขากล่าวว่า “ถอดเสื้อผ้าออกแล้วนอนลงเสีย”
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา เสด็จอาเก้าจึงได้รู้ตัวว่าตนเป็นกังวลเกินไป เขากล่าวออกมาเช่นนั้นได้อย่างไร แต่ในเมื่อกล่าวออกมาแล้วเขาก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อีก จึงทำได้เพียงก้มหน้าลงราวกับไม่ได้กล่าวคำเหล่านั้นออกมา
ต่อให้กล่าวผิดก็ไม่ใช่ความผิดของเขา เป็นเพราะเฟิ่งชิงเฉินต่างหาก ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยจะเอ่ยผิดแบบนี้เลย
“ถอดเสื้อผ้าแล้วนอนลงงั้นหรือ? เสด็จอาเก้าท่านคงไม่ได้……” เฟิ่งชิงเฉินทำสีหน้าบิดเบี้ยว “เสด็จอาเก้า ร่างของข้าเต็มไปด้วยบาดแผลอีกอย่างบัดนี้เป็นเวลากลางวัน ข้างนอกมีผู้คนมากมาย”
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้าต้องการทำสิ่งใด แต่นางรู้เพียงว่าหากนางเอนกายลงไปบาดแผลในร่างกายก็คงจะถูกเปิดเผยออกมา ดังนั้นนางจึงตั้งใจจะตีความหมายของเสด็จอาเก้าในทางนั้น ใครใช้ให้เสด็จอาเก้ากล่าวคำคลุมเครือเช่นนั้นออกมาเล่า
เมื่อสักครู่นางไม่ได้กล่าวคำว่าโหดเหี้ยมดั่งสัตว์ร้ายออกมา และนางก็ไม่กล้ากล่าว
เอาเถอะ ตอนนี้ใบหน้าของเสด็จอาเก้าดูเคร่งขรึม น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นลงกว่าเดิม แต่เสียงกลับสูงขึ้น “เฟิ่งชิงเฉินเจ้าคิดไปถึงไหนกัน ข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ แต่ละวันในสมองของเจ้าคิดแต่เรื่องเหล่านั้นหรืออย่างไร?”
มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นที่มีความสามารถทำได้ดังนี้ ต่อให้เสด็จอาการโมโหเสียจนอยากจะฆ่านาง แต่เขาก็ไม่อาจทำใจฆ่านางได้
“อ้อ ไม่ใช่หรือ?” เฟิ่งชิงเฉินอุทานออกมา ใบหน้าของเสด็จอาเก้าเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม หูของเขาแดงก่ำ ส่งเสียงเหอะๆ ออกมา จากนั้นก็หันหลังให้เฟิ่งชิงเฉินโดยไม่กล่าวสิ่งใดอีก เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินเกลี้ยกล่อมเขา การกระทำของเขาเช่นนี้ เรียกได้ว่าเกือบจะเขียนคำว่าข้าโกรธเจ้าเอาไว้บนใบหน้า
เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าทำเกินไปแล้ว!
เอาล่ะนางผิดเอง
เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าลงแล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไปทางเสด็จอาเก้า ดึงชายเสื้อของเขาแล้วส่ายไปมา……
อารมณ์ของเสด็จอาเก้ากวัดแกว่งไป แรงแกว่งของนางเมื่อสักครู่จนกระทั่งจางหายไป เพียงแค่สีหน้าของเขายังคงดูเคร่งขรึมดังเดิม ราวกับว่าเฟิ่งชิงเฉินยืมเงินเข้าแล้วไม่คืนอย่างไรอย่างนั้น
“ข้าผิดไปแล้วเสด็จอาเก้า ให้อภัยข้าเถิด ข้าไม่ควรจะคิดไปถึงเรื่องไร้สาระเหล่านั้น คิดว่าคนอื่นเป็นเช่นตนเอง ข้าคิดว่าท่านไม่ได้เห็นขาตั้งนานจึงคิดถึงข้า ก็เลย……ข้าเองก็คิดถึงท่านจึงคิดว่าท่านจะเป็นเช่นเดียวกัน” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้น้ำเสียงของนางแทบจะจางหายไป ใบหน้าของนางแทบจะมุดแทรกลงไปอยู่แล้ว
ในสายตาของเสด็จอาเก้า นางกำลังออดอ้อน แต่ในความคิดของเฟิ่งชิงเฉินนั้น นางรู้สึกสะอิดสะเอียนกับการกระทำของตัวเองเหลือเกิน
เป็นจริงดังนั้น……ความไร้ยางอายไม่มีขีดจำกัดเสียจริง นางคิดไม่ถึงเลยว่ามีอยู่วันหนึ่งนางจะกล่าวถึงเรื่องน่าอายเช่นนี้ขึ้นได้
เสด็จอาเก้ากำลังพยายามอดทน เขาจะต้องอดทนเขาไว้อย่าให้เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเขาไม่ได้โกรธแล้ว แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไรก็ไม่อาจยับยั้งรอยยิ้ม ที่มุมปาและหัวคิ้วของตนเอาไว้ได้
แค่กๆ……
เสด็จอาเก้ากระแอมออกมาเบาๆ เพื่อไม่ให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกถึงอารมณ์อันมีความสุขของตน ก่อนจะชี้ไปที่เตียงตั่ง กล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “จงถอดเสื้อคลุมออกแล้วนอนลง ในครั้งนี้น้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยนบางเบายิ่งขึ้น ดูเหมือนกำลังปลอบโยนเฟิ่งชิงเฉินอยู่
ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเสด็จอาเก้าต้องการทำอะไร หากนางไม่รู้คงจะโง่จริงๆ
นางสูดจมูกแล้วทำตาแดงๆ เรื่อ ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นกลั้นน้ำตาให้กลับไปยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่รบกวนเสด็จอาเก้าหรอกเพคะ เพียงแค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อยไม่ได้บาดเจ็บลึกลงไปถึงกระดูกแต่อย่างใด อย่าลืมไปว่าข้าเป็นหมอ อาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเหล่านี้ จะยากเกินความสามารถข้าได้อย่างไร”
แท้จริงแล้วอาการบาดเจ็บที่รักษายากคือที่หลัง เพราะนางไม่อาจเอื้อมถึง
“อย่างงั้นหรือ? เมื่อสักครู่ผู้ใดกันสั่งให้ไปตามหมอหลวงมา อีกทั้งยังเป็นหมอหญิง ข้าไม่อาจสู้หมอหญิงคนหนึ่งได้อย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงอันคุกคามของเสด็จอาเก้า เพียงแค่ฟังดูก็รู้ว่าหากเฟิ่งชิงเฉินตอบกลับมาว่าใช่นางคงจะตายอย่างแน่นอน
ผู้ที่รู้ในหลักความเป็นจริงล้วนเฉลียวฉลาด เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าตนรู้จักวิธีการปฏิบัติ ดังนั้นนางจึงรีบปฏิเสธและกล่าวว่าตนไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวเช่นนี้
“ในเมื่อไม่ใช่ก็จงนอนลงเสีย อย่าบังคับให้ข้าต้องลงไม้ลงมือด้วยตนเอง” เสด็จอาเก้าเน้นคำว่าด้วยตนเอง เฟิ่งชิงเฉินเสียวสันหลังเย็นวาบ นางรีบปล่อยแขนเสื้อของเสด็จอาเก้า “ข้าทำเอง”
นางค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อผ้าทีละเม็ดๆ หันหลังกลับไปมองครั้งแล้วครั้งเล่า คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเสด็จอาเก้าต้องการทำบางอย่าง จากนั้นเฟิ่งชิงเฉินไม่ยินยอม แต่ก็เกรงกลัวต่อความต้องการของเสด็จอาเก้า จึงจำเป็นจะต้องทำตามอย่างไรขอขัดขืน……
ภายใต้การจับจ้องของเสด็จอาเก้าก้าว เฟิ่งชิงเฉินปีนขึ้นไปบนเตียงด้วยความช้าราวกับเต่า ใบหน้าของนางดูขมขื่น มองไปทางเสด็จอาเก้าด้วยสายตาอันอ้อนวอน หวังว่าเสด็จอาเก้าจะเปลี่ยนความตั้งใจของเขา แต่น่าเสียดายเหลือเกินไม่ว่าเรื่องใดก็ตามที่เสด็จอาเก้าตัดสินใจแล้ว ต่อให้เป็นเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเขาได้
ต่อให้ช้าเพียงไร ช้าลงอีกเท่าใด ก็ต้องมีช่วงวินาทีที่ทุกอย่างดำเนินมาถึง เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะรั้งเวลาไว้อีกต่อไปนางเอนกายลงไปบนเตียง วินาทีที่ขาของนางสัมผัสไปที่เตียงนั้น ความเจ็บปวดดุจดั่งเข็มทิ่มแทงออกมาจากหัวใจก็บังเกิดขึ้น เฟิ่งชิงเฉินแทบจะกระโดดขึ้นจากเตียงนั่น แต่เนื่องจากมีสายตาของเสด็จอาเก้าคอยจับจ้อง ดังนั้นนางจึงพยายามอดทนเอาไว้แล้วยิ้มไปทางเสด็จอาเก้า
รอยยิ้มนี้ทำให้ความโมโหของเสด็จอาเก้าเมื่อสักครู่จางหายไปจนสิ้น แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดเฟิ่งชิงเฉินจึงไม่อยากให้เขาใส่ยาให้นัก ท้ายที่สุดแล้วเขาจึงสรุปว่าเป็นเพราะเฟิ่งชิงเฉินขี้อาย อีกอย่างท่าทางดุจดั่งสาวน้อยเช่นนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน เขาชื่นชอบที่จะดูยิ่ง
“ถอดเสื้อผ้าออก” เสร็จอาเก้ารู้สึกอารมณ์ดียิ่งนัก น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปจากพายุอันดุเดือดเมื่อครู่กลายเป็นฝนอันบางเบาในฤดูใบไม้ผลิ อย่างน้อยก็รู้สึกไม่เยือกเย็นเมื่อเมื่อครู่
ไม่ว่าจะยืดหัวหรือหดหัวล้วนต้องถูกมีดดาบ นางจำเป็นต้องสู้แล้ว
เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันกรอดแล้วถอดเสื้อคลุมออก แผลที่หลังอันสีขาวของราวกับหิมะของเฟิ่งชิงเฉินปรากฏขึ้นอีกทั้งยังเป็นรอยฟกช้ำที่เอว เนื่องจากผิวของนางค่อนข้างขาวดังนั้นจึงทำให้บาดแผลดูชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
“บาดแผลนี้ได้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เสร็จอาการกดลงไปที่รอยฟกช้ำขนาดใหญ่ ดวงตาสีดำเข้มของเขาเต็มไปด้วยหมอกควันปกคลุมทำให้คนที่เห็นรู้สึกหวาดกลัว
“โอ้ยเจ็บ ช่วยเบามือหน่อยได้หรือไม่!” เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเจ็บจนเมื่อครู่นางเผลอกัดปลายลิ้นของตนเอง “เพียงแค่บาดแผลฟกช้ำเล็กน้อยไม่ใช่หรือไร จำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยหรือ? ในสมัยก่อนตอนที่นางคลุกคลานไปกับพื้น มีบาดแผลมากกว่านี้เสียด้วยซ้ำนางเองจึงรู้สึกชินแล้ว
“มาร้องว่าเจ็บเอาตอนนี้มีประโยชน์หรือ ก่อนหน้านี้เจ้าทำสิ่งใดอยู่” แม้ว่าเสด็จอาเก้าจะกล่าวออกมาเช่นนั้นแต่ มือของเขาก็ผ่อนเบาแรงลง ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ……
สตรีผู้นี้เมื่อไหร่กันจะเห็นเขาอยู่ในอันดับแรกในความสำคัญ เมื่อไหร่กันจึงจะเรียนรู้ปกป้องตนเองไม่ปล่อยให้เขาต้องคอยเป็นห่วง
เฟิ่งชิงเฉินคิดในใจว่า นางคงไม่อาจมีวันนั้นหรอก ดังนั้นท่านจะต้องเป็นห่วงข้าไปตลอดชีวิต ดูแลข้าไปตลอดชีวิต เอาใจข้าไปตลอดชีวิต ตามใจข้าไปตลอดชีวิตและรักข้าเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิต!