นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 607 ความแค้นเคือง ระเบิดเทียนเหล่ยนำมาใช้อีกครั้ง
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 607 ความแค้นเคือง ระเบิดเทียนเหล่ยนำมาใช้อีกครั้ง
การเป็นดองกับองค์ชายในวันนี้ ก้าวต่อไปก็อาจจะเป็นการเป็นดองกับว่าที่ฮ่องเต้ในอนาคต สิ่งล่อลวงนี้ช่างหอมหวานเหลือเกิน แม้แต่จวนหนิงกั๋วกงที่ถือตัวมาตลอดก็ไม่อาจปฏิเสธได้
การที่ต้องใช้ชีวิตในตำแหน่งระดับกั๋วกง จะหาความก้าวหน้าเป็นเรื่องยากลำบาก แต่ถ้าหากไม่เดินหน้าต่อไปก็ต้องถอยหลังเพียงอย่างเดียว เมื่อท่านกั๋วกงล่วงลับ ผู้ที่ยังอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหรืออำนาจก็จะตกต่ำลงไปยิ่งกว่าเดิม
อีกประการหนึ่ง การมีลูกชายถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง การให้กำเนิดทายาทเป็นชายถือเป็นหน้าที่หลักของผู้หญิงสมัยนี้ หญิงใดมีลูกชายไม่ได้ ต่อให้ฐานะจะสูงส่งเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์
เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจอาการตื่นเต้นดีใจของซื่อจื่อฮูหยิน และไม่สนใจว่าซื่อจื่อฮูหยินจะทำตัวไม่ถูก นางดึงมือตัวเองกลับออกมา เพราะไม่ชอบให้ใครมากุมมือ ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงก็ตาม
“ใช่ค่ะ ชิงเฉินมียาที่จะช่วยเรื่องการตั้งครรภ์ เพราะก่อนหน้านี้ ฮูหยินรองเซี่ยและนายหญิงใหญ่แห่งจวนตระกูลเวิน ชิงเฉินเห็นว่าการเป็นนายหญิงของบ้านหากไม่ตั้งครรภ์เสียทีจะต้องลำบากแน่ จึงคิดหาสูตรยาที่ช่วยเรื่องการตั้งครรภ์ขึ้นมาค่ะ” อันที่จริง มันก็คือยาที่ช่วยกระตุ้นไข่ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
แน่นอนว่าในกระเป๋าเครื่องมือแพทย์สำหรับทหารของนางไม่มีของพวกนี้หรอก
ก่อนหน้านี้ หญิงสาวที่ถูกฮ่องเต้คัดเลือกให้อาศัยอยู่ในวังมักจะมีตำแหน่งที่ต่ำต้อย อาทิเช่น ฉางจ้ายและตาอิ้ง หากพวกนางไม่ตั้งครรภ์เสียที ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่อาจเลื่อนฐานะให้สูงขึ้น
หญิงสาวเหล่านี้รูปโฉมงดงามและอายุยังน้อย หากได้รับโอกาสก็จะสามารถตั้งครรภ์ได้โดยง่าย เมื่อตั้งครรภ์แล้ว ไม่ว่าจะได้ลูกชายหรือลูกสาว ก็จะได้รับการพระราชทานรางวัล และหลังจากนั้นก็จะก้าวเข้าสู่สงครามวังหลังที่เหล่าสนมแก่งแย่งชิงดีกัน และเหล่าองค์ชายก็จะชิงดีชิงเด่นกัน
เฟิ่งชิงเฉินพอจะคาดการณ์ได้เลยว่า เมื่อยานี้ถูกเผยแพร่ออกไป วังหลังของฮ่องเต้จะอลหม่านเพียงใด และหญิงสาวเหล่านั้นจะต้องมาตีสนิทกับนางแน่นอน
อย่าได้ดูถูกพลังของผู้หญิงเชียว โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หญิงสาววังหลังต่างต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อตนเองและอนาคตลูก เมื่อถึงตอนนั้นฮ่องเต้เพียงแค่สะสางปัญหาเรื่องผู้หญิงก็พอแรงแล้ว นางจะคอยดูว่าเขาจะยังมีเวลาว่างไประรานคนอื่นอีกหรือไม่
และต่อให้ฮ่องเต้ไม่ใส่ใจวังหลัง แต่เขาก็ต้องใส่ใจเรื่องราชวงศ์บ้างล่ะ
เรื่องตระกูลคู่สมรสขององค์ชาย จะต้องเป็นดังเช่นตระกูลเซี่ยแน่นอน เพื่อแย่งชิงบัลลังก์มังกรแล้ว จึงมีการกดดันองค์ชายวัยกลางคนดังเช่นรัชทายาทและลั่วอ๋อง
ขอเพียงทำให้องค์ชายวัยกลางคนเหล่านี้ไม่เป็นที่โปรดปราน สิ้นชีพ หรือถูกปลด องค์ชายที่อายุยังน้อยจึงจะมีโอกาสมากขึ้น และคราวนี้ตงหลิงก็จะเกิดความวุ่นวายขึ้น ให้ฮ่องเต้รอปวดหัวได้เลย!
เฟิ่งชิงเฉินทิ้งท้ายด้วยประโยคนั้น แล้วเดินจากไปโดยไม่สนใจว่าซื่อจื่อฮูหยินจะอยากให้นางอยู่ต่อ
เรื่องบางเรื่อง ได้มาง่ายไปก็คงดูด้อยค่า อีกอย่างวันนี้นางมาส่งบัตรเชิญ ไหนๆก็ออกมาข้างนอกแล้ว จึงไม่ได้มีจุดหมายปลายทางเพียงแค่จวนหนิงกั๋วกงแค่แห่งเดียว
สถานที่ต่อมา เฟิ่งชิงเฉินเลือกจวนจิ้นหยางโหว เมื่อแย้มพรายเรื่องยาที่ช่วยในการตั้งครรภ์ให้จิ้นหยางโหวฮูหยินได้ทราบแล้ว นางก็รู้ว่าจิ้นหยางโหวฮูหยินก็ต้องการตั้งครรภ์เช่นเดียวกัน นางเป็นนายหญิงของบ้าน การมีลูกชายเพียงคนเดียวยังไม่สามารถเป็นหลักประกันที่มั่นคงให้กับตำแหน่งของนางได้ เพราะนางเล็กๆในจวนก็มีลูกกันเป็นจำนวนมาก
เรื่องระหว่างผู้หญิงจัดการเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของผู้ชาย การที่ผู้หญิงอยากตั้งครรภ์ ปรบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง จะต้องอาศัยฝ่ายชายอีกแรง และบนโลกใบนี้ ผู้ชายส่วนมากก็มักมากเรื่องบนเตียงแทบทุกราย
เฟิ่งชิงเฉินไปหาลู่เส้าหลิน พร้อมกับมอบยาเม็ดสีฟ้าไปให้เขาจำนวนมาก นางรู้ว่าคนฉลาดดังเช่นลู่เส้าหลินจะเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี
ยาเม็ดเหล่านี้จะต้องตกไปถึงมือพวกผู้มีอำนาจอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องที่มาที่ไปของยา เฟิ่งชิงเฉินเชื่อว่าลู่เส้าหลินจะปิดเป็นความลับ เพราะลู่เส้าหลินดูภายนอกเป็นคนของฮ่องเต้ แต่แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นคนของเสด็จอาเก้า
เฟิ่งชิงเฉินทำทุกอย่างได้อย่างแนบเนียน ชนิดที่ว่าไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้ และบรรดาคนใหญ่คนโตทั้งหลายก็ไม่มีใครมาใส่ใจเรื่องระหว่างผู้หญิงอยู่แล้ว แต่พอดีว่าเสด็จอาเก้าใส่ใจอย่างยิ่ง แถมยังช่วยเฟิ่งชิงเฉินทำงานอีกต่างหาก
“เฟิ่งชิงเฉินทำได้ดีอย่างเหลือเชื่อ แค่นางลงมือก็ทำให้พวกผู้มีอำนาจมาอยู่ในกำมือได้ วิเศษจริงๆ…… ในที่สุดข้าก็ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของเจ้าแล้ว” เสด็จอาเก้ายิ้มออกมาอย่างเริงรื่น ต้อนรับการกลับมายังตัวเมือง
เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนฉลาดหลักแหลม ขอเพียงนางมีแนวคิดก็จะสามารถหาทางลงมือได้ในที่สุด เรื่องที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่แท้ที่จริงแล้วมันกลับสามารถเปลี่ยนแปลงตงหลิงได้ไม่น้อยเลย
ฮ่องเต้ใช้วังหลังในการกระชับความสัมพันธ์กับตระกูลผู้มีอำนาจ ให้ตระกูลเหล่านี้คอยยืนข้างเดียวกันกับเขา แต่อย่าลืมว่า พันธมิตรเพื่อผลประโยชน์ในโลกนี้เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เมื่อใดก็ตามที่มีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่ามาล่อลวง ความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้กับตระกูลผู้มีอำนาจก็จะต้องแตกหัก
และนั่นก็เป็นสิ่งที่เสด็จอาเก้าปรารถนา เขากำลังคิดหาทางทำลายมิตรภาพระหว่างสองฝ่ายมาตลอด ซึ่งเฟิ่งชิงเฉินก็ได้นำโอกาสทองมาให้ หากเขาไม่ไขว่คว้าโอกาสไว้ก็คงโง่เต็มที มีเพียงการทำให้ฝ่ายในของฮ่องเต้ปั่นป่วน เขาจึงจะสามารถจัดการกับเผ่าเสวียนเซียวกงได้อย่างเต็มที่
หลังจากใช้ความคิดมา 1 วัน เสด็จอาเก้าก็พอจะเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง เบาะแสของคนร้ายก็เริ่มมีให้เห็นแล้ว เป็นไปตามที่เสด็จอาเก้าคาดคิด ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือเผ่าเสวียนเซียวกง ฮ่องเต้ได้ร่วมมือกับกั๋วกง 2 คน ตระกูลหวัง ตระกูลเซี่ย ตระกูลเวิน รวมไปถึงหนานหลิงและซีหลิง โดยมีเป้าหมายโจมตีเขาจนถึงตาย
“ดูเหมือนว่า ข้าจะมีศัตรูอยู่ไม่น้อย” เสด็จอาเก้ามองดูรายชื่อของกลุ่มคนดังกล่าวด้วยแววตาเยือกเย็น
ในตงหลิง มีตระกูลผู้มีอำนาจเกินครึ่งร่วมมือกันในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าการมีชีวิตอยู่ของเขาเป็นการขัดขวางผลประโยชน์ให้ผู้คนจำนวนมาก
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งสำคัญคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉินที่เมืองอี้สุ่ย จนถึงตอนนี้แล้วเขาก็ยังหาตัวผู้บงการไม่ได้
เจ้าเมืองอี้สุ่ยเป็นคนจากตระกูลขุนนางเก่าแก่ของฮ่องเต้ในอดีต ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทั้งสิ้น จึงสืบได้ยากว่าก่อนหน้านี้เขาไปมาหาสู่กับใครบ้าง นี่แสดงให้เห็นว่าในแผ่นดินตงหลิงยังคงมีพลังมืดซ่อนอยู่ และพลังมืดนี้ เสด็จอาเก้าเป็นกังวลเหลือเกิน
เขาใช้ชีวิตในเมืองหลวงของตงหลิงมาเป็นสิบๆปี ทุกพื้นที่ในเมืองหลวงจึงไม่เคยมีความลับกับเขา แต่แล้วจู่ๆก็ได้มาเจอกับพลังนิรนาม ถึงแม้ว่าพลังนี้จะไม่ได้มีไว้เล่นงานเขา แต่เขาก็ไม่สบายใจอยู่ดี
เสด็จอาเก้าได้ทำการตรวจสอบผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ข้อมูล จึงตัดสินใจวางมือ เขายังมีอีกหลายเรื่องที่กำลังรอเขาไปสะสาง
เขาจะไม่ยอมให้ฮ่องเต้มาแตะต้องโลงศพของแม่เขา จะไม่ยอมให้ฮ่องเต้มารบกวนการพักผ่อนของแม่อย่างเด็ดขาด
เสด็จอาเก้าเคาะโต๊ะเบาๆ 3 ครั้ง แล้วทันใดนั้นเองก็ได้ปรากฏร่างชายชุดดำออกมาจากมุมมืด แล้วมาคุกเข่าตรงหน้าเขา “ท่านอ๋อง”
“ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม พรุ่งนี้ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ข้าต้องการให้สุสานของฮ่องเต้ที่กำลังสร้างอยู่สูญสิ้นไปโดยไม่มีวันหวนคืน” กล้ารบกวนแม่ของเขาหรือ อย่ามาหาว่าเขาใจร้ายก็แล้วกัน
ฮ่องเต้ได้สั่งให้มีการสร้างสุสานของตัวเอง เพื่อเอาไว้ใช้ในอีกร้อยปีข้างหน้า แม้เรื่องนี้จะถูกปิดเป็นความลับ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของสายสืบของเสด็จอาเก้า
หากคิดจะทำลายสุสานของแม่เขา เขาก็จะทำให้ฮ่องเต้ตายไปโดยไร้พื้นที่กลบร่าง หากฮ่องเต้ยังคิดสร้างสุสานขึ้นมาอีก เขาก็จะตามไปทำลายอีก
“พ่ะย่ะค่ะ” ชายชุดดำพยักหน้า เขายังคงคุกเข่าอยู่เช่นเดิม หากไม่มีคำสั่งจากเสด็จอาเก้า เขาก็จะยังไม่ลุกขึ้นยืน
“ลองคำนวณดูซิว่าต้องใช้ระเบิดเทียนเหล่ยมากเท่าไร ส่วนที่เหลือ ก่อนเที่ยงคืนเอามาให้ข้าทั้งหมดเลย” เสด็จอาเก้าใช้ความคิดสักครู่ จนตัดสินใจได้ว่าจะไม่เสียดายระเบิดเทียนเหล่ยแล้ว เขาจะใช้ระเบิดเทียนเหล่ยทั้งหมดที่มีอยู่มาสร้างความหายนะให้ฮ่องเต้
ใครต่อใครก็รู้ดีว่ามีเพียงฮ่องเต้แห่งตงหลิงเท่านั้นที่ถือครองระเบิดเทียนเหล่ยไว้ การนำระเบิดเทียนเหล่ยมาทำเรื่องที่เสียหาย ผู้ที่จะต้องออกมารับผลกรรมในตอนท้ายก็จะเป็นฮ่องเต้
เขาเชื่อว่าหลังผ่านเหตุการณ์นี้ไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินจะยินยอมนำยาบางส่วนมาผลิตเป็นระเบิดเทียนเหล่ย
“พ่ะย่ะค่ะ” ชายชุดดำไม่ถามอะไรมาก รอจนกระทั่งเสด็จอาเก้าสั่งให้ออกไปได้ เขาจึงออกไปจากที่นั่น
ราวๆเที่ยงคืน ระเบิดเทียนเหล่ยจำนวน 18 ลูกก็มาวางเรียงอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเสด็จอาเก้าอย่างพร้อมเพรียง แล้วหลังจากนั้นพวกมันก็หายไปพร้อมเสด็จอาเก้า จวนอ๋องเก้าเงียบสงัด แม้แต่เหล่าสายลับของจวนอ๋องเก้าก็ไม่เห็นเสด็จอาเก้าแม้แต่เงา……