นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 632 รางวัลใหญ่ ใต้หล้านี้ไม่มีข้าวที่ได้กินเปล่าๆ
จะเริ่มลงมือรักษาเมื่อไหร่?
นางย่อมหวังว่าจะเป็นยามที่เสด็จอาเก้าออกมาแล้วจึงค่อยรักษาเขา แต่เสด็จอาเก้าจะออกมาได้เมื่อไหร่นั้นนับว่าเป็นปัญหาใหญ่ อาจจะสิบวันครึ่งเดือนหรืออาจถึงครึ่งปีก็ไม่แน่
อย่างไรข้อหาของเสด็จอาเก้าก็ไม่เล็กเลย ไม่ใช่ว่าเมื่อตระกูลหวังและตระกูลชุยร่วมมือกันแล้วจะต้องสำเร็จ โลกของชุยห้าวถิงไม่อาจเสียเวลาได้อีก หากยังล่าช้าออกไปอีกอย่าว่าแต่ความสำเร็จเจ็ดส่วนเลย แม้สามส่วนก็ยังไม่เหลือ
ถึงยามนั้นชุยห้าวถิงตายด้วยสาเหตุนี้ อย่าว่าแต่ตระกูลชุยจะไม่ปล่อยนางไปเลย แม้แต่ตัวนางเองก็คงไม่อาจให้อภัยตัวเองได้ นางข่มขู่ชุยห้าวถิงเพื่อเสด็จอาเก้าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากทำร้ายชุยห้าวถิงจนสิ้นชีวิตเพื่อเสด็จอาเก้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
กำหนดการผ่าตัดยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น หากเป็นไปได้เฟิ่งชิงเฉินคิดอยากผ่าตัดเสียพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ “หากคุณชายชุยไม่มีความเห็นอื่นใด ชิงเฉินคิดว่าวิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น หากเรียงเสียเวลาต่อไปจะไม่ดีต่อตัวท่านเอง พรุ่งนี้รอข้าพบคุณชายใหญ่แล้วจะมาตรวจท่านและกำหนดเวลารักษา”
คำสัญญาของวิญญูชน เฟิ่งชิงเฉินไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยว่าหากเขาหายป่วยแล้วจะไม่ยอมช่วยเหลือ แต่กังวลว่าในระยะพักฟื้น ทางตระกูลชุยจะไม่มีคนออกแรง
นางรักษาโรคให้ชุยห้าวถิง ตระกูลชุยย่อมมีคนออกหน้าไปร่วมมือกับตระกูลหวัง ร่างกายของชุยห้าวถิงไม่เหมาะที่จะต้องออกแรงจนเหนื่อย
คำพูดนี้ล้วนเห็นแก่ชุยห้าวถิงและคิดแทนเขา เมื่อชุยห้าวถิงได้ยินดังนั้นก็สบายใจ “แม่นางเฟิ่งตรงไปตรงมายิ่งนัก”
แม้จะบอกว่าเรื่องที่ถูกเฟิ่งชิงเฉินข่มขู่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีนัก แต่ความตรงไปตรงมาและความน่าเชื่อถือของนางกลับทำให้ชุยห้าวถิงรู้สึกดีขึ้นมาก
เมื่อพูดคุยหาข้อตกลงได้แล้ว ชุยห้าวถิงก็ไม่มีเหตุผลให้อยู่ต่อจึงขอตัวกลับไป เมื่อกลับไปถึงห้องก็สั่งให้หยวนจี๋ส่งข่าวไปยังตระกูลชุย ให้พวกเขาหาคนที่มีความสามารถมาคนหนึ่งพร้อมทั้งแสดงอำนาจของตระกูลชุยแห่งตงหลิงขึ้นมาอีกครั้ง
ตระกูลซุยเร้นกายจากโลกภายนอกไปหลายสิบปี ในหลายสิบปีมานี้พวกเขาได้สั่งสมกำลังมาโดยตลอด หลายปีมานี้ตระกูลชุยได้ฟื้นฟูขึ้นแล้วและถึงเวลาแล้วที่จะกลับสู่โลกภายนอก เรื่องการร่วมมือกับตระกูลหวังเพื่อช่วยเสด็จอาเก้านั้นเป็นโอกาสอันดีของตระกูลชุย โอกาสที่จะออกมาอีกครั้ง มิเช่นนั้นชุยห้าวถิงก็คงไม่ตอบรับอย่างแบ่งรับแบ่งสู้เช่นนี้หรอก
ดังเช่นที่ชุยห้าวถิงได้พูดไว้ ตระกูลชุยไม่ใช่ผู้ที่จะมาข่มขู่ได้ง่ายๆ หากพวกเขาเอาจริงขึ้นมาก็มีนับร้อยวิธีที่จะทำให้เฟิ่งชิงเฉินจำเป็นจะต้องช่วยเขา เขามีจุดอ่อน เฟิ่งชิงเฉินก็มีจุดอ่อนเช่นกัน
ใต้หล้านี้ไม่มีใครออกแรงเพื่อใครโดยเปล่าประโยชน์ ตระกูลชุยไม่ทำ เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ทำเช่นกัน เฟิ่งชิงเฉินคิดวางแผนให้ตระกูลชุยออกแรง เหตุใดพวกเขาจึงจะไม่อาศัยโอกาสนี้ออกจากเขา หากไม่มีผลประโยชน์แล้วไซร้ ใครเล่าจะยอมทำ
เรื่องของชุยห้าวถิงจัดการเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกโล่งอก มีตระกูลชุยและตระกูลหวังร่วมมือกัน ถึงแม้จะเป็นองค์จักรพรรดิก็ต้องหวั่นเกรงอยู่บ้าง หัวกลับอำนาจของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าคงใกล้จะได้ออกมาแล้ว
เรื่องจะต้องค่อยๆ ทำไปทีละเล็กละน้อยดังเช่นอาหารที่ต้องค่อยๆ กินไปทีละคำ ในใจของเฟิ่งชิงเฉินร้อนรน แต่นางไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องค่อยๆ วางแผนไป
เฮ้อ… เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจพลางนวดดวงตาที่ปวดล้า ในคุกฟ้านางนอนหลับไม่ดีเอาเสียเลย ไม่ใช่เพราะกลัวหนาวแต่เป็นเพราะไม่กล้านอนต่างหาก
คืนแรกในคุกฟ้าก็มีคนลอบเข้ามาในห้องขังของนางยามวิกาลเพื่อมาหาปิ่นเฟิ่ง โชคดีที่นางเก็บมันไว้ในกล่องเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ มิเช่นนั้นข้อหาธรรมของพระราชทานหายจะต้องถูกยัดเยียดมาให้นางแน่ นางเกรงว่าจะต้องเข้าคุกฟ้าไปอีก
บนรถม้ายามที่ซูโหรวถามขึ้นก็ไม่นับว่านางโกหก
เฟิ่งชิงเฉินหาวออกมาและหยิบชาเข้มข้นที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่มพร้อมทั้งเรียกทงจือทงเหยาเข้ามา
นั่งอยู่ในคุกฟ้าเป็นเวลาสิบวันและถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่าง ในสิบวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง นางจำเป็นต้องรู้ มิฉะนั้นพรุ่งนี้นางจะเจรจากับหวังจิ่นหลิงได้อย่างไร
แม้ว่าทงจือและทงเหยาจะมีความสามารถ แต่เรื่องที่พวกนางสอบถามมาได้ก็มีขีดจำกัด นอกจากเรื่องจวนกั๋วกงถูกปล้นแล้วก็มีเพียงเรื่องภูเขาหลายลูกที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงระเบิดเท่านั้น
องค์จักรพรรดิบอกว่าเจิ้นกั๋วกงเป็นคนทำ ส่วนเรื่องข่าวลือนั้นทั้งสองคนรู้เพียงนิดหน่อยเพราะองค์จักรพรรดิปิดข่าวไว้อย่างแน่นหนา บวกกับในสิบวันมานี้เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงก็ทำตัวค่อนข้างสงบเสงี่ยม ข่าวลือจึงยังไม่ได้แพร่สะพัดขึ้นมา
แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่ล้วนเป็นคลื่นใต้น้ำ ไม่แน่ว่าอาจมีวันใดจะเกิดโหมกระหน่ำขึ้นมา
“จวนกั๋วกงถูกปล้นงั้นหรือ นำว่าพวกเขาโชคดีนะ” จวนกั๋วกงประสบเคราะห์ร้าย แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่ได้รู้สึกยินดี
ความแค้นของนาง นางย่อมอยากชำระเอง บุญคุณความแค้นระหว่างนางและจวนกั๋วกงนั้นมากมายมหาศาล หากจวนกั๋วกงหายไปง่ายดายถึงเพียงนี้ สำหรับนางแล้วก็เหมือนกับความสนุกสนานได้หายไปด้วย แต่เมื่อจวนกั๋วกงไม่อาจฟื้นคืนกลับมา แล้วนางจะทำอย่างไรได้
ก็ถือว่าแค้นครั้งใหญ่ของนางได้ถูกชำระไปแล้วเสียก็แล้วกัน เดี๋ยวนางค่อยไปจุดธูปที่หน้าหลุมศพของเสี่ยวจื้อเพื่อบอกให้เขาพักอย่างสงบ
ทงจือและทงเหยามองหน้ากันแล้วหัวเราะ ก็จริง การที่จวนกั๋วกงถูกปล้นนั้นย่อมดีกว่าตกมาอยู่ในมือของคุณหนู
“ส่งคนไปที่หมู่บ้านและเมืองใกล้ๆ ภูเขาเหล่านั้นเพื่อสอบถามสักหน่อย ดูว่ามีข่าวคราวเรื่องอันใดหรือไม่” เฟิ่งชิงเฉินเรียบเรียงเรื่องทั้งเล็กและใหญ่ที่เกิดขึ้นในสิบวันนี้อีกครั้ง จากนั้นก็เบนจุดสนใจมาที่เรื่องนี้
นางมักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา
องค์จักรพรรดิไม่ว่าจะองค์ก่อนหรือว่าองค์นี้ล้วนชอบสร้างเรื่องมงคลเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเป็นโอรสสวรรค์ ภูเขาทั้งห้าลูกระเบิดขึ้นพร้อมกันนั้นไม่ใช่เรื่องมงคลเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้องค์จักรพรรดิจะบอกว่าเจิ้นกั๋วกงเป็นผู้ระเบิด แต่ประชาชนไม่มีทางเชื่อแน่ พวกเขาจะเห็นว่าเป็นเพราะสวรรค์ไม่พอใจจึงได้ลงโทษ
หากมีคนคิดกล่าวหาสักหน่อยก็สามารถพูดได้ว่าองค์จักรพรรดิไร้คุณธรรม
นี่เป็นโอกาสอันดีงาม!
ทงจือและทงเหยามิใช่ผู้โง่เขลา เมื่อได้ยินเฟิ่งชิงเฉินพูดเช่นนี้ก็เข้าใจว่าจะต้องมีอะไรบางอย่าง ทั้งสองคนพยักหน้าติดกันด้วยดวงตาเปล่งประกาย “คุณหนู ท่านว่าพวกเราเองก็สร้างเรื่องวุ่นวายสักหน่อยดีไหมเจ้าคะ?”
“ดีสิ พวกเจ้ามีความคิดอะไรดีๆ หรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินมองทั้งสองอย่างนึกสนุก แม่นางทั้งสองนี้ช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน พวกนางคิดว่าเรื่องวุ่นวายตั้งง่ายนักหรือ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าพวกเขาไม่มีทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ เพียงแค่สร้างเรื่องวุ่นวายออกมาแล้วอย่างไร การกระจายข่าวของที่นี่ไม่ค่อยพัฒนานัก หากไม่กระทำการอย่างดี เรื่องวุ่นวายนั้นก็จะถูกทำให้เสียแผนได้โดยง่าย
สร้างเรื่องวุ่นวายจนกลายเป็นเรื่องธรรมดานั้น คำๆ นี้เป็นคำที่เกิดมาเพื่อเหล่ากษัตริย์โดยเฉพาะ
“เอ่อ…” หญิงสาวทั้งสองคิดอยู่นานก็คิดไม่ออก พวกนางค่อยๆ ก้มศีรษะลงและยอมรับว่าตนเองคิดอะไรง่ายๆ เกินไปแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้พวกนางลำบากใจ นางหัวเราะออกมาและไล่ให้พวกนางกลับไปพักผ่อน “เอาเถอะ หลายวันมานี้พวกเจ้าก็ได้รับความหวาดกลัว กลับไปพักผ่อนให้ดีๆ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องยุ่งต้องทำอีก”
เฟิ่งชิงเฉินเองก็ง่วงนอนจนแทบทนไม่ไหวแล้ว แต่ตอนนี้นางยังเข้านอนไม่ได้ นางต้องการอาศัยยามวิกาลไปที่จวนเฟิ่งอีกครั้ง มีเรื่องบางเรื่องที่ไม่อาจรีบร้อนได้ แต่บางเรื่องก็ไม่อาจรอช้าอีกต่อไป
สิบวันนี้ ภายนอกมีเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน ตี๋ตงหมิงคงจะเตรียมของที่นางต้องการให้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ของเหล่านั้นล้วนเป็นของที่ใช้หลบหลีกสายตาผู้คน แต่ก็มีหลายสิ่งที่สามารถใช้ได้ คืนนี้นางจะไปดูที่จวนเฟิ่งและทำความสะอาดอะไรสักหน่อย
หลังจากที่ทงจือทงเหยาออกไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็เรียกสายลับออกมาให้พานางไปยังจวนเฟิ่ง
อะไรนะ? สายลับเบิกตากว้างและถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตื่นตระหนก
ทำไมเขาจึงได้โชคร้ายเช่นนี้!
“ทำไมหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยถามอย่างสงสัย สายลับเหล่านี้ล้วนเหมือนก้อนน้ำแข็งมาโดยตลอด น้อยนักที่จะแสดงความรู้สึกออกมา ท่าทางที่หลุดการควบคุมเช่นนี้ช่างน่าประหลาดใจนัก
“ไม่ ไม่มีอะไรขอรับ แม่นางจะไปเลยหรือเปล่า?” สายลับรีบส่ายศีรษะและแอบร้องไห้อยู่ในใจ
เขาสามารถบอกเฟิ่งชิงเฉินได้เลยว่าสายลับที่อุ้มนางไปยังจวนเฟิ่งครั้งที่แล้วถูกนายท่านให้รางวัลอย่างโหดเหี้ยมด้วยความดีความชอบที่ว่าปกป้องนางอย่างสุดใจ
เขายังสามารถบอกนางได้อีกว่ารางวัลของนายท่านนั้นน่ากลัวกว่าการลงโทษเสียอีก
ฮือๆๆๆ … เขาไม่อยากได้รางวัลเช่นนั้น แต่ถ้าเขายิ่งไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องของเฟิ่งชิงเฉินได้ มิเช่นนั้นเขาอาจจะต้องได้รางวัลที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่า…