นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 636 อี่โม่ ความลับของเผ่าเสวียนเซียวกง
ณ ห้องของเซวียนเฟย
บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกงไม่ได้กระจอกๆ ห้องของเซวียนเฟยถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ยิ่งกว่าห้องขององค์หญิงบางแคว้นเสียอีก ดูๆแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่าห้องจักรพรรดิเลย
แต่ต่อให้จะตกแต่งสวยหรูเพียงใด ก็ไม่อาจลบล้างความอัปยศที่เกิดขึ้นกับเซวียนเฟย ณ หุบเขาไท่ลู่เก๋อได้เลย
ในเวลานี้ ผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกง ฮูหยินผู้นำเผ่า และพี่รองของเซวียนเฟย กำลังยืนอยู่ข้างๆเตียงของเซวียนเฟย รอให้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีแกะผ้าพันแผลบนใบหน้าของเซวียนเฟยออกมา
ใบหน้าของเซวียนเฟยจะกลับมาเป็นดังเดิมได้หรือไม่ วันนี้ก็จะได้รู้กัน
“ท่านปรมาจารย์ หน้าของน้องข้าจะกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนแน่นอนใช่หรือไม่?” พี่รองของเซวียนเฟยดูตึงเครียด เขาเห็นปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีแกะผ้าพันแผลอย่างเชื่องช้าเช่นนั้นแล้ว ก็อยากผลักเขาออกไปให้พ้นทาง แล้วไปทำเองให้มันเสร็จๆไป
“ข้า……” เซวียนเฟยอ้าปากพูด แต่นางเปล่งเสียงได้เพียงแค่คำเดียว ก็ถูกปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีขัดจังหวะเสียก่อน “หากไม่อยากให้หน้าเจ้าเสียโฉม ก็อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้”
รักษาตัวมาได้ 2 เดือนกว่า อาการบาดเจ็บของเซวียนเฟยดีขึ้นมากแล้ว ส่วนใบหน้าที่ถูกเล่นงาน เนื่องจากมีบาดแผลที่ลึกมาก ถึงแม้จะได้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีมาช่วยรักษา แต่ก็ยังคงมีรอยจางๆปรากฏให้เห็นอยู่ ขาขวาก็มิอาจใช้งานได้ตามปกติ เนื่องจากกระดูกและกล้ามเนื้อถูกทำร้าย
ส่วนใบหน้าของนาง ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกล่าวว่าเขาค่อนข้างมั่นใจว่าเซวียนเฟยจะกลับมาเป็นเหมือนดังก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่มั่นใจเต็มร้อย เพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเอง ตลอดระยะการรักษา ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่อนุญาตให้เซวียนเฟยพูดจา โมโห หรือแสดงอารมณ์ใดๆทางสีหน้า
สามข้อห้ามนี้ทำให้เซวียนเฟยอึดอัดยิ่งนัก คุณหนูเจ้าอารมณ์อย่างนาง จะให้ทำตามทั้งหมดได้อย่างไร แต่เพื่อรูปโฉมบนใบหน้า นางก็จำเป็นต้องอดทน
ดังนั้น ตลอดระยะเวลาที่เซวียนเฟยรักษาตัว สาวใช้ของนางจึงซวยมากกว่าใคร ห้ามไม่ให้นางพูด ห้ามนางโมโห ห้ามนางแสดงอารมณ์ทางสีหน้า แต่เมื่อมีสิ่งใดที่ไม่ได้ดั่งใจ นางก็ต้องอาละวาด เมื่อนางไม่พอใจก็ไปลงมือกับสาวใช้ ทำเอาทุกอย่างรอบตัวนางแตกกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง แม้แต่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีก็ยังอยากเผ่นหนี
เมื่อได้เวลา ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีก็มาแกะผ้าพันแผล เขาค่อยๆแกะผ้าออกทีละชั้น หน้าผากใสเหม่งของเซวียนเฟยปรากฏให้เห็นก่อนส่วนอื่น คนอื่นๆภายในห้อง นอกจากปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีแล้ว ต่างก็ลุ้นระทึกอย่างใจจดใจจ่อ
ฮูหยินผู้นำเผ่ากุมมือผู้นำเผ่าไว้จนแน่น “ท่านพี่ หน้าของเฟยเอ๋อร์จะต้องไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
หากสังเกตดูดีๆ ฮูหยินผู้นำเผ่ามีความคล้ายคลึงกับเฟิ่งชิงเฉินมาก โดยเฉพาะแววตาที่เยือกเย็นและบุคลิกที่เย็นชา แต่เมื่อมองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็จะพบเจอความแตกต่าง แต่จะเป็นอย่างไรนั้นก็ไม่สามารถบรรยายได้ รู้แต่ว่านางดูมีความอำมหิตอยู่ในตัว
“ฮูหยินวางใจเถอะ เฟยเอ๋อร์จะต้องไม่เป็นไร” ผู้นำเผ่าตบหลังมือของฮูหยินเบาๆ เขามองฮูหยินด้วยแววตาอ่อนโยน ทำให้ฮูหยินรู้สึกอุ่นใจขึ้น
ในตอนนี้ ผ้าพันแผลบนใบหน้าของเซวียนเฟยก็ถูกแกะจนเกือบจะหมดแล้ว ผู้นำเผ่า ฮูหยิน และพี่รองของเซวียนเฟยแทบไม่กล้าหายใจ พวกเขาจ้องมองใบหน้าของเซวียนเฟยจนตาแทบไม่กะพริบ เพราะกลัวว่าจะพลาดช่วงเวลาสำคัญไป
เซวียนเฟยไม่กล้าแสดงความรู้สึกผ่านสีหน้า นางได้แต่กำผ้าห่มไว้จนแน่น ทั้งคาดหวังและหวาดกลัว
“เสร็จแล้ว” พร้อมกับคำพูดของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี ผ้าชั้นสุดท้ายก็ถูกแกะออกมาแล้วเรียบร้อย
“หน้าของข้าหายดีแล้วหรือ?” เซวียนเฟยสัมผัสใบหน้าของตัวเอง นางอยากยิ้มแต่กลับรู้สึกตึงๆหน้า จึงได้แต่ยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “เฟยเอ๋อร์ หน้าของเจ้าหายดีแล้ว หายดีแล้วจริงๆ ไม่มีรอยแผลแม้แต่น้อย”
เมื่อผ้าพันแผลถูกแกะออก ก็ปรากฏใบหน้าอันงดงามหมดจด ผิวหน้าของนางดูนุ่มลื่น ดูไม่ออกเลยว่าใบหน้านี้เคยถูกทำให้เสียโฉมมาก่อน คิ้วตาจมูกปากก็ดูเหมือนว่าจะชวนมองยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ใบหน้าไร้อารมณ์ของเซวียนเฟยในตอนนี้ช่างดูคล้ายเฟิ่งชิงเฉินนัก หากได้ยืนคู่กันคงดูเหมือนพี่น้องกัน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือแววตาคู่นั้น
แววตาของเซวียนเฟยไม่ได้ดูมีชีวิตชีวาเหมือนอย่างเฟิ่งชิงเฉิน
“อี่โม่?” ผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกงมองหน้าลูกสาวของตนเองด้วยสีหน้าแช่มชื่น พลางจับมือฮูหยินที่ยืนอยู่ข้างๆ “อี่โม่ เจ้าดูลูกสาวของเราสิ นางเหมือนเจ้าสมัยสาวๆไม่มีผิด”
เมื่อคำว่า “อี่โม่” ถูกเอ่ยออกมา ฮูหยินผู้นำเผ่าก็ถึงกับตัวแข็งทื่อ แต่สักพักนางก็พยักหน้า “ท่านพี่พูดอะไรของท่าน เฟยเอ๋อร์ก็เหมือนข้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่คะ”
แต่ผู้นำเผ่ากลับไม่คิดเช่นนั้น “คิ้วตาจมูกปากของเฟยเอ๋อร์เหมือนเจ้า แต่บุคลิกโดยรวมไม่เหมือนเจ้าตอนสาวๆ ตอนนี้นางดูเหมือนเจ้ามากขึ้นกว่าเดิมนะ”
ผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกงดีใจยิ่งนัก เนื่องจากกาลเวลาผ่านไป ฮูหยินของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้เขาประหลาดใจอยู่ไม่น้อย การที่ได้เห็นหน้าเซวียนเฟยในวันนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าได้เห็นหน้าลู่อี่โม่ในอดีต
“อย่างนั้นหรือคะ” ฮูหยินผู้นำเผ่าฝืนยิ้ม นางก้มหน้าลง เพื่อเก็บซ่อนแววตาที่ร้ายกาจ
อี่โม่ ลู่อี่โม่ เจ้าตายไปแล้วยังจะตามมาราวีข้าอยู่อีก
ลู่อี่โม่ นางเกลียดคำนี้มากที่สุดในชีวิต แต่ก็จำเป็นต้องอาศัยชื่อนี้ในการมีชีวิตอยู่ มีเพียงทางนี้เพียงทางเดียวที่จะทำให้นางได้ครอบครองสิ่งที่นางปรารถนา และได้ครอบครองหัวใจของผู้ชายคนนี้
อี่โม่ หลังจากที่นางแต่งงานกับผู้ชายคนนี้แล้ว ก็ไม่มีใครเรียกนางเช่นนี้อีก เพราะตอนนี้นางเป็นฮูหยินผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกง ไม่ใช่ลู่อี่โม่อีกต่อไป
และผู้ชายคนนี้ก็เรียกนางว่าฮูหยินมาตลอด ไม่เคยเรียกนางว่าอี่โม่อีกเลย ผ่านไป 20 ปี นางเกือบลืมชื่อนี้ไปเสียแล้ว แต่วันนี้สามีของนางกลับพูดชื่อนี้ขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นการย้ำเตือนนางว่าความสุขของนางในวันนี้ นางได้มันมาจากการช่วงชิง
ผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกงกำลังดีอกดีใจ ทว่าฮูหยินผู้นำเผ่ากลับกำลังใจจดใจจ่อกับคำว่า “อี่โม่” ส่วนเซวียนเฟยและพี่รองก็กำลังหลงใหลได้ปลื้มกับใบหน้าของเซวียนเฟย ไม่มีใครสนใจปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเลย
เขาเพียงมารักษาเซวียนเฟย ไม่นึกเลยว่าจะได้มาล่วงรู้ความลับขั้นสุดยอด
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีแสดงท่าทีร่วมดีใจไปด้วย เขาจะนำข่าวนี้ไปแลกมีดผ่าตัดกับเฟิ่งชิงเฉิน
อี่โม่ หากเขาจำไม่ผิด เขามีลูกศิษย์คนหนึ่งที่สนิทชิดเชื้อกับพ่อของเฟิ่งชิงเฉิน เขาเคยทราบมาว่าพ่อของเฟิ่งชิงเฉินชื่อเฟิ่งจ้าน แม่ของเฟิ่งชิงเฉินชื่อลู่อี่โม่
เหอะๆ ที่เขาจำได้ก็เพราะชื่อแม่ของเฟิ่งชิงเฉินจำง่าย ลู่อี่โม่
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเห็นสี่คนพ่อแม่ลูกกำลังมีความสุขก็ไม่อยากอยู่รบกวน เขาถือกล่องยาแล้วเดินออกไป ระหว่างที่เขากำลังคิดว่าจะทำให้เรื่องนี้สร้างผลประโยชน์ให้ตัวเองได้อย่างไรอยู่นั้น ก็พลันถูกเซวียนเส้าฉี คุณชายใหญ่แห่งเผ่าเสวียนเซียวกงเข้ามาขวาง “ท่านปรมาจารย์ เส้าฉีมีเรื่องอยากถามท่าน เชิญ……”
ไม่มีโอกาสให้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีได้ปฏิเสธเลย แต่เขาก็ไม่โกรธแต่อย่างใด เขายิ้มแล้วเดินตามเซวียนเส้าฉีไป “นายท่านน้อย ท่านมีธุระอะไรกับข้าหรือ น้องสาวของท่านก็หายดีแล้ว บาดแผลตามตัวไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง นายท่านน้อยไม่ต้องเป็นกังวล”
“นางไม่ใช่น้องสาวของข้า ข้าไม่อยากรู้เรื่องนาง” เซวียนเส้าฉีไม่คิดจะปิดบังความชิงชังที่เขามีต่อเซวียนเฟยเลย นับตั้งแต่ที่เซวียนเฟยได้รับอุบัติเหตุ เขาก็ไม่เคยไปสนใจไยดี แล้วตอนนี้จะให้เขาอยากรู้เรื่องของนางได้อย่างไร
เรื่องนี้ ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีรู้อยู่แก่ใจ แต่เขาก็ตั้งใจถามเช่นนั้นไป เพื่อเป็นการหยั่งเชิงเซวียนเส้าฉี
“เหอะๆ นายท่านน้อย ข้าก็เป็นแค่หมอ หากไม่ใช่เรื่องอาการเจ็บป่วย เราคงไม่มีอะไรที่ต้องคุย” เรื่องความขัดแย้งในครอบครัว ศึกภายในตระกูล เรื่องพวกนี้น่าสยดสยองเป็นที่สุด เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วยหรอก
นายท่านน้อยคนนี้เป็นลูกชายของผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกงและภรรยาคนแรก ส่วนเซวียนเฟยและพี่รองของนางเป็นลูกของภรรยาคนถัดมา……