นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 666 ความลำบากและขมขื่นของสายลับ
เสด็จอาเก้าไม่ใช่เฟิ่งชิงเฉิน เขาไม่ได้ตัดสินอย่างไร้เหตุผลหรือขาดสติเพียงเพราะเรื่องการจากไปของแม่ทัพเฟิ่งและเฟิ่งฮูหยิน
ม้วนกระดาษบางๆหนึ่งแผ่น เฟิ่งชิงเฉินสามารถมองเห็นได้เพียง 3 ส่วน แต่เขาสามารถมองเห็นได้มากกว่า 7 ส่วน เขาไม่มีทางปล่อยให้อารมณ์ของตนมีผลกระทบต่อการตัดสิน
อีกอย่างเรื่องแบบนี้มีแค่พวกที่มองปัญหาไม่ออกเท่านั้นที่ยังสับสนอยู่ เขาแค่เป็นกังวลเกี่ยวกับเฟิ่งชิงเฉิน เสียดายเรื่องการจากไปของแม่ทัพเฟิ่งกับเฟิ่งฮูหยิน และอีกอย่าง……
ต้องขอโทษด้วยที่เขาหัวใจของเขาเย็นชา
พ่อแม่ของเขาจากไปหมดแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่ายังมีเรื่องอะไรให้ต้องเสียใจอีก ทุกคนบนโลกนี้เกิดมาล้วนต้องตาย ต่อให้เสียใจต่อไปมันก็ไม่สามารถทำให้คนตายฟื้นคืนกลับมาได้
เสด็จอาเก้ารีบเดินทางมาเป็นเพราะเกรงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา ทำอะไรไม่รอบคอบ ติดกับดักของคนอื่น ทุกคนที่ออกมาจากพระราชวังต่างมีจิตใจยุ่งเหยิง เห็นว่าอีกฝ่ายดีกับเจ้า แต่แท้จริงแล้วในใจกลับคิดร้าย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจในตัวเฟิ่งชิงเฉิน แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เฟิ่งชิงเฉินอ่อนแอที่สุด และเหมาะกับการใช้ประโยชน์ เห็นเฟิ่งชิงเฉินสงบสติอารมณ์ได้ เสด็จอาเก้าลองคำนวณเวลาจากนั้นกล่าวออกมาว่า “เฟิ่งชิงเฉิน พวกเราลองมาทบทวนความคิดกันหน่อย ว่าหลังจากนี้ควรทำอย่างไร”
คำพูดที่จะเกลี้ยกล่อมเฟิ่งชิงเฉินในคืนนี้เกินขีดจำกัดของเขาแล้ว เขาไม่สามารถพูดคำอันขมขื่นและดูริษยาได้อีกต่อไปแล้ว หน้าของเขาบาง
เสด็จอาเก้าชุดคลุมบนร่างกายของเขา เตรียมตัวนั่งลงเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญกับเฟิ่งชิงเฉิน รอบนี้กว่าเขาจะออกมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจะปล่อยเวลาให้เสียเปล่าไม่ได้
แต่ใครจะบอกเขาได้ว่า ทำไมเสื้อของเขาถึงได้เป็นแบบนี้?
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าสามารถอธิบายได้หรือไม่?” เสด็จอาเก้าก้มมองรอยเปื้อนบนหน้าอกของเขา ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวโดยไม่สามารถควบคุมได้
น้ำมูก น้ำตา……เปื้อนไปทั่วตัวเขา
สกปรกมา!
เสด็จอาเก้ารู้สึกว่าหนังศีรษะของตนกำลังด้านชา
เขารังเกียจความรู้สึกเช่นนี้เหลือเกิน สกปรก สกปรกมาก!
เสด็จอาเก้าตัวแข็งทื่อ มองหน้าอกตนเองด้วยความรังเกียจ……
เฟิ่งชิงเฉินทำท่าทางเหมือนถูกจับได้เมื่อกระทำความผิด ใบหน้าหวาดผวา ก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นในห้อง
สายลับอุดหูและอยู่นิ่งๆต่อไป
……
เฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่คนโง่เง่า หลังจากเสด็จอาเก้าได้พูดคุยเกี่ยวกับความสงสัยและสิ่งที่ได้พบเจอมาให้กับเฟิ่งชิงเฉินฟัง เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจทันที ตอนนั้นการแสดงออกของนางว่านอนสอนง่าย ไม่สร้างความวุ่นวาย และไม่บุกเข้าไปแก้แค้นกับฮ่องเต้และฮองเฮา
เมื่ออากาศแจ่มใส นางเลือกสถานที่อันร่มรื่นและสุขสบาย เลือกวันฤกษ์ดีในการฝั่งพ่อแม่ของนาง หลังจากนั้น……ไปยังเผ่าเสวียนเซียวกง นางเองก็อยากรู้ว่าแม่ของนางแท้จริงแล้วเป็นใคร เท่าที่รู้มาตอนแรกแม่ของนางก็เป็น “ชนชั้นต่ำ”
เมื่อรู้ความต้องการของเฟิ่งชิงเฉินเป็นอันเรียบร้อย เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ก่อนจะจากไป เขาทิ้งประโยคไว้ว่า “ของพวกนั้น ข้าได้สั่งให้คนไปจัดการเรียบร้อยแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล”
อาวุธอันตรายแบบนี้เก็บไว้ที่ตนเองจะดีกว่า อีกอย่างเฟิ่งชิงเฉินอาจขาดสติ เข้าไประเบิดพระราชวังคงไม่ดีแน่
เฟิ่งชิงเฉินเป็นของเขา เสด็จอาเก้าทำแบบนี้แล้วรู้สึกสบายใจ
แล้วจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร!
ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินปราศจากซึ่งความโกรธ แต่ก่อนที่นางจะเอ่ยปากออกมา เสด็จอาเก้าก็หันมามองด้วยสายตาอันเยือกเย็น
ถ้ายังหยิ่งผยองต่อไปมันก็น่าเกลียด เฟิ่งชิงเฉินคงไม่คิดว่าตนไม่มีอารมณ์หรอกนะ!
เอ่อ……
เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าพูดอย่างที่คิด นางยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เฝ้ามองการจากไปของเสด็จอาเก้า มองร่างของเสด็จอาเก้าหายไปท่ามกลางหิมะ ยืนอยู่เช่นนานไม่เคลื่อนไหว……
ผู้ชายคนนี้คิดว่านางทำจนถึงที่สุดแล้ว หากนางยังไม่พอใจ แบบนี้มันก็ดูโลภเกินไปแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินเช็ดน้ำตาบนใบหน้าอันอ่อนโยน
ท่านพ่อ ท่านเห็นแล้วหรือยัง ท่านยังไม่ทันเลือกผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกให้กับข้า ข้าตามหามันด้วยตัวเองจนพบ เขาอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก แต่จะต้องเป็นผู้ชายที่เหมาะสมกับข้าเฟิ่งชิงเฉินที่สุดอย่างแน่นอน!
เฟิ่งชิงเฉินปิดประตูห้องหนังสือ เดินกลับออกมา จากนั้นเผากระดาษสีเหลืองสองสามแผ่น
เสด็จอาเก้าพูดถูก ความจริงไม่ใช่สิ่งที่สามารถเขียนออกมาบนกระดาษเพียงสองสามแผ่น เรื่องบางเรื่องแค่ตนเองเข้าใจก็มากพอแล้ว กระดาษเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บเอาไว้ เก็บเอาไว้ก็มีแต่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายเท่านั้น
หลังจากผ่านความกังวลมากมาย ความโกรธและความรู้สึกไม่ดีในใจของเฟิ่งชิงเฉินลดลงไปอย่างมาก มาถึงห้องไว้ทุกข์ หันหน้าไปยังศพพ่อแม่ของตน จ้องมองอย่างเงียบสงัด ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งจึงกล่าวออกมาว่า “ท่านพ่อ ท่านใช้ชีวิตของตนในการปกป้องประชาชนและประเทศนี้ไว้ ท่านคงอยากให้การแก้แค้นของข้าทำให้ประเทศต้องเกิดความเสียหาย และทำร้ายประชาชนบริสุทธิ์อย่างแน่นอน
ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านโปรดวางใจ ข้าไม่มีทางปล่อยให้การตายของพวกท่านเสียเปล่า คนที่ติดหนี้พวกท่านในปีนั้น ข้าจะต้องทวงคืนทุกอย่างแทนพวกท่านให้ได้อย่างแน่นอน นี่คือสิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำแทนพวกท่านได้ในฐานะลูกสาวของพวกท่าน”
พูดจบเฟิ่งชิงเฉินก็เดินไปยังห้องของตัวเอง
พรุ่งนี้จะเป็นวันใหม่ และคราวนี้ความเศร้าโศกในใจของเฟิ่งชิงเฉินจะได้สลายไปอย่างแท้จริง
……
เสด็จอาเก้าเดินออกมาจากจวนเฟิ่งก็เห็นสายลับยืนอยู่พร้อมกับถือเสื้อผ้าสะอาดอีกหนึ่งชุด กำลังยืนรอเขาอยู่หน้าประตู เสด็จอาเก้าพยักหน้าและทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า
สายลับแอบชื่นชมยินดีใจหัวใจ ในที่สุดก็ได้ทำเรื่องที่ทำให้เจ้านายมีความสุข หลังจากนี้เจ้านายคงไม่ลากพวกเขากลับไปทำการฝึกฝนใหม่อีกครั้ง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าประโยคต่อไปที่เสด็จอาเก้าพูดออกมาจะทำให้สายลับรู้สึกเหมือนตกนรกในทันที
“ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้านาย ออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝึกฝนเพิ่มขึ้นสองเท่า ไม่รู้จักรายงาน ไม่แบ่งเบาความกังวลของเจ้านาย เพิ่มอีกสองเท่า กลับไปรับโทษด้วยตัวเอง”
ทิ้งประโยคนี้ไว้ เสด็จอาเก้าหายไปจากพื้นซึ่งเต็มไปด้วยหิมะ ไปยังคุกใหญ่แห่งศาลราชวงศ์ ไม่ได้แปลกใจอะไร ที่นี่ยังมีการต่อสู้อันยิ่งใหญ่รอเขาอยู่……
สายลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาจ้องมองการจากไปของเสด็จอาเก้า หิมะจำนวนมากตกลงบนร่างกายของเขา แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
เป็นสายลับของแม่นางเฟิ่งช่างเป็นอะไรที่น่าปวดใจ!
เอาแต่ดูแลความปลอดภัยโดยไม่ไปไหน แบบนั้นเรียกว่าไม่รู้จักแบ่งเบาความทุกข์ของเจ้านาย แต่เมื่อจากไปกลับถูกหาว่าไม่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัย
ฟู้ว…… พวกเขาควรทำเช่นไรดี?
หากเป็นไปได้ สายลับอยากจะจับแขนของเสด็จอาเก้าเอาไว้อย่างสุดชีวิตแล้วพูดว่า “ท่านบอกข้าหน่อย ได้โปรดบอกข้า พวกข้าต้องทำเช่นไรท่านถึงจะพอใจ”
สายลับคนอื่นเห็นว่าผ่านไปนานแล้วพวกเขายังไม่กลับไป ในใจเกิดความเป็นห่วง ใช้สายตาในการพูดคุย ทิ้งสายลับสองคนไว้ดูแลความปลอดภัยของเฟิ่งชิงเฉิน ส่วนสองคนที่เหลือออกไปตามหาคนอื่นด้านนอก
หลังจากออกมาได้ไม่ไกลพวกเขาได้เห็นศีรษะที่เต็มไปด้วยหิมะ ทั้งสองรู้สึกตกใจ คิดในใจว่าเจอเข้ากับยอดฝีมือ พวกเขาถูกสังหารจากตรงศีรษะ แต่กลับสามารถทำให้ศีรษะของพวกเขาไม่ตกลงพื้น
แต่….ในตอนที่ทั้งสองคนห่างจาก “มนุษย์หิมะ” ประมาณ 10 ก้าว มนุษย์หิมะได้เคลื่อนไหว
แปะ แปะ…. มนุษย์หิมะสลัดหิมะบนร่างกายออก หันกลับมา ใช้สายตาที่เย็นชามองมายังสายลับทั้งสอง ไม่สนใจความตื่นตระหนกในสายตาของอีกฝ่าย ออกคำสั่งไปอย่างเยือกเย็น “เพิกเฉยต่อการรักษาความปลอดภัยของเจ้านาย ออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝึกฝนเพิ่มอีกสองเท่า!”
อะไรกัน?
สายลับทั้งสองกลอกตา เกือบเป็นลมล้มลงไปกับพื้น
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าทำไมบนศีรษะของคนพวกนั้นถึงได้กลายเป็นมนุษย์หิมะไป
นี่เป็นการเอาใจคนที่ยากจะเอาใจ และพวกเขา……
น่าเสียดายที่ไม่ได้เรียนรู้การปฏิบัติตนที่ดี
สายลับทั้งสองยืนอยู่ที่เดิม แม้ร่างกายจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ แต่พวกเขาก็ไม่รู้ตัว
สายลับของแม่นางเฟิ่ง เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง!
หลังจากนั้น อีกหลายปีข้างหน้า สายลับชุดนี้จะเฝ้ามองสายลับกลุ่มใหม่ ตบไหล่คนพวกนั้น พูดออกมาด้วยความรู้สึก “การได้เป็นสายลับขององค์หญิงถือว่าเป็นโชคดีที่สุดในชีวิตของพวกเขา! แต่มันก็อาจเป็นโชคร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตด้วยเช่นกัน!”
แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่พูดประโยคหลังออกมา……
ชีวิตของสายลับพวกนี้ หากทำได้ดีก็จะกลายเป็นที่ไว้วางใจของเจ้านาย แต่หากทำไม่ดีก็ต้องกลับไปสู่เตาหลอมใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องความลำบากของสายลับ เสด็จอาเก้าฝ่าผ่านหนาวเย็นมา หลังจากถูกเฟิ่งชิงเฉินทุบตีเล็กน้อย เขาก็เผชิญหน้ากับความหนาวเย็นออกไป ในตอนที่เข้าไปถึงคุกใหญ่แห่งศาลราชวงศ์ เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
เสด็จอาเก้าไม่ได้แปลกใจอะไร ริมฝีปากของเขาสั่นไหวเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขายังคงเหมือนเดิม และเขาเดินไปที่คุกอย่างสงบ คนที่ไม่รู้คิดว่าเขากำลังจะกลับบ้าน……