นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 69 พิชัยสงคราม
เฟิ่งชิงเฉินเลิกคิ้ว แก้มของนางแดงเล็กน้อย นางดูเขินอาย และพูดอย่างอ่อนแรงว่า “คือว่า แม่ทัพอวี่เหวิน ช่วยข้าได้หรือไม่?”
“เอ๊ะ ช่วย? ช่วยกระไร?” อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่ทันได้ตั้งตัว
เฟิ่งชิงเฉินกลายเป็นผู้หญิงอ่อนแอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เมื่อสักครู่นางยังเก่งกล้ามีพลังอยู่เลย
“คือว่า ข้า ข้าลงจากหลังม้าไม่เป็น” เสียงของเฟิ่งชิงเฉินเบาลงเรื่อยๆ นางเขินอายจนไม่กล้ามองหน้าใคร
“ว่าอย่างไรนะ? เจ้าขึ้นหลังม้าได้ แต่กลับลงจากหลังม้าไม่เป็นอย่างนั้นรึ?” อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่เชื่อนาง
“อันที่จริง ข้าทำได้แค่ขึ้นไปบนหลังม้า” เฟิ่งชิงเฉินระงับความอยากหัวเราะในใจเอาไว้ เสียของนางสะอื้นเล็กน้อย
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าแกล้งข้าหรือ?” อวี่เหวินหยวนฮั่วมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินที่นั่งบนหลังม้าและกังวลอย่างมาก ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกราวกับว่าไม่รู้จะเอาความโกรธนี้ไประบายไว้ที่ไหน
กร็อกกร็อก…. อวี่เหวินหยวนฮั่วบีบนิ้วมือของตน ท่าทีเหมือนอยากจะต่อยคน
ไม่คาดคิดว่าเขาจะเชื่อคำพูดของผู้หญิงคนหนึ่งและถูกผู้หญิงแกล้งเล่นเช่นนี้
หวังชีรู้ว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วโกรธเคือง จึงจะเข้าไปกล่าวปลอบโยนเขา แต่ไม่คาดคิดว่าเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด นางหัวเราะและความกังวลบนใบหน้าหายไป จากนั้นเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่จริงจัง
“แม่ทัพอวี่เหวิน กลยุทธ์นี้มีชื่อว่าสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา”
หลังจากพูดจบ เฟิ่งชิงเฉินก็ลงจากหลังม้าด้วยท่าทีที่สง่าสวยงาม ทักษะของนางชำนาญอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เพียงแต่ขี่ม้าเป็น แต่ชำนาญอย่างมากด้วยซ้ำ
เฟิ่งชิงเฉินโยนแส้ให้ทหารที่อยู่ข้างหลัง และกล่าวพร้อมเดินไปด้วยว่า “แม่ทัพอวี่เหวิน กลยุทธ์นี้มีชื่อว่า เท็จคือจริง จริงคือเท็จ”
“เฟิ่งชิงเฉิน…” อวี่เหวินหยวนฮั่วหมดคำจะพูด
แม่ทัพอันดับหนึ่งในราชวงศ์ตงหลิง กลับถูกผู้หญิงหลอกล่อกลั่นแกล้งเช่นนี้ แต่เขาไม่เพียงไม่โกรธนาง แต่กลับ……
ชื่นชมนาง!
อวี่เหวินหยวนฮั่วค้นพบว่า เขารู้สึกชื่นชมผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา
สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินมีไม่เพียงแต่เป็นความรู้ในหนังสือ แต่นางใช้วิธีการของตัวเองถ่ายทอดให้เขาทราบว่ายุทธศาสตร์ทางทหารคือกระไร
เมื่อเห็นอวี่เหวินหยวนฮั่วยืนนิ่ง เฟิ่งชิงเฉินเตือนเขาด้วยความใจดีว่า ” แม่ทัพอวี่เหวิน รถม้าซ่อมเสร็จแล้วหากว่าแม่ทัพไม่รังเกียจ แม่ทัพนั่งรถม้ากับชิงเฉินดีหรือไม่?”
หลังจากพูดจบ นางก็กระโดดขึ้นรถม้า ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้สง่างามและมีเกียรติดั่งคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่กลับได้ใจเหล่าทหารไปเต็มๆ
“คุณหนูเฟิ่ง เยี่ยมมาก” มีคนตะโกนออกมา ทหารคนอื่นๆ ก็ตะโกนตาม
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้เลยว่าถ่อมตนคือกระไร นางรับคำชื่นชมของเหล่าทหารไว้เต็มๆ
หลังจากพูดจบ นางก็กระโดดขึ้นรถม้า ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้สง่างามและมีเกียรติดั่งคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่กลับได้ใจเหล่าทหารไปเต็มๆ
“อย่าเรียกคุณหนูเฟิ่ง มันดูห่างเหินเกินไป เรียกข้าชิงเฉินเถิด” เฟิ่งชิงเฉินเป็นกันเองอย่างมาก ไม่มีความอึดอัดแม้แต่น้อย
“ได้เลย แม่หญิงชิงเฉิน” เมื่อเหล่าทหารเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินดูเหมือนจะพูดจริงจัง มิได้พูดด้วยความเกรงใจ ต่างก็เรียกนางตามที่นางกล่าว
ทหารกลุ่มหนึ่ง มาพร้อมคุณหนูเจ้าเสน่ห์ พวกเขายืนขวางทางหลวง ตะโกนกันไปมา ซึ่งดูเป็นกันเองอย่างมาก ไม่มีความมากพิธีใดๆ เลย
อวี่เหวินหยวนฮั่วทั้งรู้สึกโกรธและตลกในเวลาเดียวกัน
เขาแอบคิดในใจว่า เฟิ่งชิงเฉินเกิดมาเพื่อค่ายทหาร ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงนี้ มีแต่จะทำให้แสงสว่างในตัวนางหายไป
แคะแคะ ต้องยอมรับว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วเห็นความจริง เมื่ออยู่ในค่ายทหารสถานที่ที่ไม่มีข้อจำกัด ที่จะใช้กลอุบายต่างๆ เฟิ่งชิงเฉินจึงจะเป็นตัวเองได้
ค่ายทหารเป็นสถานที่ที่นางคุ้นเคย เป็นสถานที่ที่นางสามารถเลิกระแวงได้!
…….
เฟิ่งชิงเฉิน อวี่เหวินหยวนฮั่วและหวังชี พวกเขาทั้งสามนั่งบนรถม้า ระหว่างทางเฟิ่งชิงเฉินได้ท่องเนื้อเรื่องหน้ากลยุทธ์โจมตีของ “ตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ” ออกมาทุกคำไม่มีตก
ส่วนวิธีการใช้นั้น?
ขอโทษที นางไม่ทราบ!
“สำหรับวิธีการใช้พิชัยสงครามนั้น การทำให้ศัตรูยอมทั้งประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การใช้กำลังในการยึดครองนั้นเป็นตัวเลือกที่สอง……ตำรากล่าวว่า รู้เขารู้เรา สู้ร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง รู้เราแต่ไม่รู้เขา โอกาสชนะมีเพียงครึ่งเดียว ไม่รู้เราและไม่รู้เขา จำต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”
เมื่อคำพูดสุดท้ายจบลง อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่รู้จะกล่าวกระไร ความไม่พอใจของเขาได้หายสาบสูญไป
หากว่านี่เป็นสิ่งตอบแทนที่เขาคุ้มกันเฟิ่งชิงเฉินมาที่เรือนนอกพระราชวังล่ะก็ มันมากเพียงพอแล้ว
แต่……
“เฟิ่งชิงเฉิน ควรจะมีมากกว่านี้ แล้วบทอื่นๆ ล่ะ? เจ้าท่องต่อไปสิ” คนเรามักโลภ และเขาเองก็อยากได้มากกว่านั้น
“แม่ทัพอวี่เหวิน เจ้าได้คืบจะเอาศอกแล้วนะ” เฟิ่งชิงเฉินคืนคำพูดของอวี่เหวินหยวนฮั่วไป พร้อมด้วยรอยยิ้มขี้เล่นในสายตา
เอ่อ……
ตอนนี้ อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่กล้าที่จะต่อต้านกับเฟิ่งชิงเฉินโดยตรง จึงทำได้แค่เช่นกลอุบายเป็นผู้ยอม
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเองก็รู้ว่าระหว่างการเดินทางของเรานั้น ไม่สงบเท่าไหร่นัก เหตุผลที่คนที่อยู่ในที่มืดไม่ลงมือ เพราะเห็นแก่ตระกูลอวี่เหวิน ข้าเอาตระกูลอวี่เหวินมาคุ้มกันเจ้า เจ้าให้กลยุทธ์ทางทหารกับข้าเพียงหนึ่งบท เจ้าตระหนี่เกินไปหรือไม่? อย่างน้อยเจ้าต้องบอกข้ามาอีกหนึ่งบท”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีการพูดคุยกับเฟิ่งชิงเฉินมามากเท่าไหร่ แต่อวี่เหวินหยวนฮั่วทราบดีว่า เฟิ่งชิงเฉิน ดูเหมือนจะเย็นชาแต่ภายในใจของนางอ่อนโยนอย่างมากฉะนั้นห้ามใช้วิธีที่แข็งทื่อกับนางจะได้ผลมากที่สุด
เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนที่จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดี แต่ว่านางมีจุดจำกัดของตน หากว่าพยายามต่อต้านนาง สุดท้ายอาจเป็นเราเองที่เจ็บ
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเฟิ่งชิงเฉินหยิ่งยโสอย่างมาก แต่ว่านางหยิ่งเพราะนางมีความสามารถนี้
เจ้าแข็งแกร่งแล้วอย่างไร นางแข็งแกร่งยิ่งกว่า!
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าและตกลง เมื่ออวี่เหวินหยวนฮั่วคิดว่านางกำลังจะท่องต่อไป เฟิ่งชิงเฉินกลับกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“แม่ทัพอวี่เหวินพูดถูก ชิงเฉินอยากท่องอีกสักบท แต่เสียดายที่เวลาไม่พอแล้ว เรามาถึงเรือนนอกพระราชวังแล้ว”
ราวกับเป็นการพิสูจน์ว่าคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน คนขับดึงบังเหียนม้า ม้าคำรามและหยุดลง
“ท่านแม่ทัพ แม่หญิงชิงเฉิน เราถึงเรือนนอกพระราชวังแล้ว”
“เหตุใดจึงเร็วเช่นนี้” อวี่เหวินหยวนฮั่วรู้สึกมึนงง และสิ่งที่ทำให้เขามึนงงยิ่งกว่าคือ ตลอดทางที่เดินทางมา เหตุใดคนเหล่านั้นจึงไม่ลงมือ? อย่างน้อยก็สามารถยืดเวลาได้อีกสักนิด
บางครั้งการมีชื่อเสียงไม่ใช่เรื่องที่ดี เมื่อคนอื่นเห็นธงของอวี่เหวิน ต่างก็ไม่กล้าลงมือ
“เอาหน่า ต่อไปมีโอกาสอย่างแน่นอน รอข้าขอความช่วยเหลือจากเจ้านะ” เฟิ่งชิงเฉินตบไหล่อวี่เหวินหยวนฮั่ว ด้วยท่าทีเห็นใจ
ความหมายของคำพูดของนางชัดเจนมาก หากนางไม่ขอความช่วยเหลือจากอวี่เหวินหยวนฮั่ว นางจะไม่มีทางท่องพิชัยสงครามนั้นออกมาได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน
ก่อนที่อวี่เหวินหยวนฮั่วจะตอบสนอง เฟิ่งชิงเฉินได้โดดลงจากรถม้าแล้ว
“หวังชี ขอบคุณท่านแม่ทัพแทนข้าที วันนี้โชคดีที่มีเขาช่วยเรา”
ไว้เจอกัน
“แม่หญิงชิงเฉิน”
เฟิ่งชิงเฉินลงจากรถม้า และทหารที่อยู่ข้างหลังเขาก็กล่าวออกมาด้วยความเคารพ
พวกเขาเป็นคนไร้เดียงสา หากว่าเจ้าดีกับพวกเขา พวกเขาก็จะดีกลับ หากว่าเคารพพวกเขาจริงๆ พวกเขาก็จะเขารพเจ้าจากใจเช่นกัน
ทหารเหล่านี้อาจดุร้ายหรือหยาบคาย แต่ก็รักในคำพูดและศักดิ์ศรีอย่างมาก
“สวัสดีพี่ใหญ่ทุกคน วันนี้ต้องขอบคุณทุกท่าน วันพรุ่งชิงเฉินจะเลี้ยงสุราทุกท่านเอง” จู่ๆ ความใจกว้างของชาติที่แล้วก็ผุดขึ้นมา
เมื่ออยู่กับกลุ่มทหาร ความระแวงของเฟิ่งชิงเฉินน้อยลงอย่างมาก
“ตกลง แม่หญิงชิงเฉินข้าจำคำพูดของเจ้าเอาไว้แล้ว ตระกูลอวี่เหวินมีทหารทั้งหมดสามหมื่นนาย ขอน้อมรอแม่หญิงชิงเฉิน” อวี่เหวินหยวนฮั่วเพิ่งลงจากรถม้า และได้ยินเฟิ่งชิงเฉินกำลังซื้อใจทหารของตน จึงรับคำของนางไว้โดยไม่ลังเล
“ว่าอย่างไรนะ ทหารสามหมื่นนาย?” เฟิ่งชิงเฉินหันไปมองอวี่เหวินหยวนฮั่ว
เจ้าจะกินให้ข้าจนไปเลยหรืออย่างไร?
สามหมื่นนาย หนึ่งคำต่อหนึ่งคน ก็ต้องมีเหล้ามากกว่าพันไห อีกอย่างคนเป็นทหารดื่มเก่งอย่างมาก คนละไหก็คงไม่พอ
“ทำไมรึ? แม่หญิงชิงเฉินจะคืนคำหรือ? หากว่าแม่หญิงชิงเฉินกลับคำไม่ยอมเลี้ยงเหล้า ทหารของตระกูลอวี่เหวินก็ไม่ว่ากระไร” อวี่เหวินหยวนฮั่วยิ้มอย่าเจ้าเล่ห์ ใบหน้าที่ดำมืดเผยรอยยิ้มร้ายๆ ออกมา
ขี่เสือย่อมลงยาก!
ในที่สุดเฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจว่าการเล่นงานตัวเองมันเป็นอย่างไร…
บทที่ 068 กลยุทธ์
บทที่ 070 ความโกลาหล