นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 723 ห่วงใย เฟิ่งชิงเฉินเป็นที่ต้องการ
ผู้จากทุกแห่งหนที่มารวมตัวกัน ณ พระราชวังตงหลิง ไม่ว่าจะเป็นคุณชายหรือ ผู้นำตระกูล และหนานหลิงจิ่นสิงก็ไม่ได้สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนมากนัก ทุกคนยังคงทำเรื่องที่ตนเองควรทำ
ตอนแรกจักรพรรดิให้ความสำคัญกับการเดินทางครั้งนี้ของหนานหลิงจิ่นสิง แต่ทันทีที่มาถึงเขาก็แสดงจุดยืนของตนเองอย่างชัดเจน นี่ทำให้จักรพรรดิไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก งานต้อนรับในค่ำคืนนี้ก็จัดเตรียมไว้ในระดับต่ำเท่านั้น จักรพรรดินั่งร่วมวงอยู่ครู่หนึ่งก็เดินออกไปจากงานเลี้ยง ปล่อยให้องค์รัชทายาทเป็นพ่องาน
เสนาบดีที่สามารถปรากฏตัวในงานนี้ได้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ท่าทางของจักรพรรดิแสดงให้เห็นถึงทัศนคติอย่างชัดเจน คนอื่นเองก็ไม่กล้าเข้าไปเชื่อมความสัมพันธ์กับหนานหลิงจิ่นสิง มีแค่องค์รัชทายาทเท่านั้นที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเขา
ในระหว่างงานเลี้ยง หนานหลิงจิ่นฝานไม่ได้คล้อยตามพวกเสนาบดี เขายืนอยู่ข้างหนานหลิงจิ่นสิง เพื่อให้คนตงหลิงรู้ว่าราชวงศ์หนานหลิงของพวกเขามีใจเป็นหนึ่ง
การต่อสู้กันระหว่างองค์รัชทายาทจะเป็นอย่างไรมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่ออยู่กับคนภายนอกพวกเขาจะต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์และชื่อเสียงของประเทศ การเคลื่อนไหวของหนานหลิงจิ่นฝานจึงไม่ได้ดูพิเศษอะไร ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องทำเช่นนี้เหมือนกัน
งานเลี้ยงต้อนรับดูจืดชืดเป็นอย่างมาก จักรพรรดิกลับก่อนเวลา เสด็จอาเก้าเองก็ไม่ได้เข้าร่วมงานตั้งแต่แรก ดังนั้นทุกคนจึงแยกย้ายกันเร็วกว่าที่ควร
ไม่รู้ว่าเป็นเหตุจงใจหรือไม่ จักรพรรดิกลับจัดให้หนานหลิงจิ่นสิงและหนานหลิงจิ่นฝานพักอาศัยในที่เดียวกัน โดยให้เหตุผลว่าสองพี่น้องได้อยู่ด้วยกันนั้นสะดวกกว่า หากมีเรื่องอะไรจะได้คอยช่วยเหลือดูแลกันได้
การแสดงออกของหนานหลิงจิ่นฝานนั้นดูเหมือนจะยอมรับจากใจ แต่ในใจของเขานั้นกำลังสาปแช่งราชวงศ์ตงหลิงถึง 18 ชั่วอายุคน
สองพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันจะได้สะดวกกว่า สะดวกในการฆ่ากันสิไม่ว่า ทำไมข้าไม่เห็นเจ้าจะให้ซีหลิงเทียนเหล่ยกับซีหลิงเทียนอวี่อาศัยอยู่ด้วยกัน นำน้องสาวของซีหลิงเทียนเหล่ยให้กับซีหลิงเทียนอวี่ จักรพรรดิ กุลอุบายของเจ้าไม่ธรรมดา ข้าจะสาปแช่งจนบ้านของเจ้าน้ำท่วมเลยคอยดู
แต่ไม่ว่าจะพอใจหรือไม่ หนานหลิงจิ่นฝานก็ทำได้เพียงยิ้มและขอบคุณสำหรับความห่วงใยขององค์จักรพรรดิ เมื่ออยู่ด้านนอกพวกเขาต้องแสดงว่าความเขาเป็นพี่น้องที่รักและสามัคคีกัน แต่คนในใต้หล้าต่างรู้ว่าพวกเขาไม่ถูกกัน ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถแสดงออกมาเช่นนั้นได้ ไม่อย่างนั้นราชวงศ์จะต้องเสียชื่อเสียง
งานเลี้ยงต้อนรับจบลง สองพี่น้องหนานหลิงจิ่นฝานเดินจับมือกันไปพร้อมกับตงหลิงจื่อลั่ว กล่าวลากับเหล่าองค์รัชทายาทคนอื่นๆที่มาส่ง
ทั้งสองคนใกล้กันมาก แม้จะหันหลังให้กับองค์รัชทายาทหลายองค์ ใบหน้าของพวกเขายังคงยิ้มแย้ม จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าพ้นจากสายตาของเหล่าองค์รัชทายาทในตงหลิง พวกเขาถึงแยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว
“ฮึ……” หนานหลิงจิ่นฝานทำเหมือนกับสลัดเชื้อโรคออกจากตนเอง เขาสะบัดมือของหนานหลิงจิ่นสิงด้วยความรังเกียจ เงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่งแล้วเดินไปทางซ้าย
หนานหลิงจิ่นสิงไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมันมากนัก เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดส่วนที่หนานหลิงจิ่นฝานเพิ่งสัมผัสอย่างละเอียด จากนั้นก็โยนมันทิ้งไป
ทั้งสองคนแยกกันเดินทางไปยังบ้านพัก แต่ด้วยความบังเอิญทั้งสองก็ไปเจอกันตรงหน้าประตู
หนานหลิงจิ่นฝานออกคำสั่งไปด้วยความยิ่งใหญ่ “ชนเลย บุกเข้าไปเลย”
“ฝ่าบาท?” เสนาธิการทหารของหนานหลิงจิ่นสิงเห็นเช่นนั้น หันมาหาหนานหลิงจิ่นสิง ต้องการคำแนะนำว่าพวกเขาควรทำเช่นไร
หากอยู่ในหนานหลิง หนานหลิงจิ่นสิงไม่มีทางยอมถอยแม้แต่เพียงครึ่งก้าว ต้องต่อสู้กับหนานหลิงจิ่นฝาน แต่ที่นี่คือตงหลิง เขาไม่มีความจำเป็นต้องแสดงออกถึงความก้าวร้าว ให้หนานหลิงจิ่นฝานเป็นเจ้าบ้านเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร
“ปล่อยเขาไป!”
“ขอรับ”
การถอยของหนานหลิงจิ่นสิงในครั้งนี้ทำให้หนานหลิงจิ่นฝานภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เขาไปยังตำหนักหลักอย่างไม่ลังเล ต้องการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าตนเองคือผู้ครอบครองตำหนักหลักแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีทางแบ่งให้หนานหลิงจิ่นสิง
และนี่คือความฉลาดของจักรพรรดิ สถานที่พักอาศัยของหนานหลิงจิ่นฝานนั้นยิ่งใหญ่ แต่มีตำหนักหลักเพียงแค่แห่งเดียว หนานหลิงจิ่นสิงในฐานะองค์รัชทายาท ตามเหตุผลแล้วตำหนักแห่งนี้ควรจะต้องเป็นของเขา แต่หนานหลิงจิ่นฝานเข้ามาถึงก่อน และยึดพื้นที่ไว้ได้ก่อน ตอนนี้จะให้หนานหลิงจิ่นฝานย้ายออกไป ไม่มีทาง!
จักรพรรดิต้องการให้ทั้งสองต่อสู้กัน ผลลัพธ์คือ……
“อยู่ด้านข้างของตำหนัก” หนานหลิงจิ่นสิงไม่คิดจะต่อสู้กับหนานหลิงจิ่นฝาน เขาแสดงออกมาถึงท่าทางของสุภาพบุรุษอย่างเต็มที่ ทำให้การกระทำของหนานหลิงจิ่นฝานดูเหมือนเด็กไร้เหตุผล
ที่นี่ไม่ใช่หนานหลิง เขาจะต้องสู้กันให้ใครดู ที่หนานหลิงเขาจำเป็นต้องสู้กับหนานหลิงจิ่นฝาน หากไม่สู้จะถูกมองว่าตนเองไร้ซึ่งกำลัง และถูกจักรพรรดิละทิ้ง
คนหนานหลิงรักการต่อสู้และชอบการเอาเปรียบ หนานหลิงจิ่นฝานเป็นคนมีนิสัยแบบนั้น ไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือไม่ล้วนเอาเปรียบไว้ก่อน และเมื่อเผชิญหน้ากับพฤติกรรมการล่าถอยของหนานหลิงจิ่นสิงในครั้งนี้ หนานหลิงจิ่นฝานไม่มีความสุข กลับเข้าไปทุบถ้วยทุบชามในห้องเพื่อระบายอารมณ์
“สารเลว ตอนอยู่หนานหลิงไม่ว่าอะไรเจ้าก็สู้กับข้าทั้งนั้น พออยู่ตงหลิงเจ้ากลับเจียมเนื้อเจียมตัว นี่เจ้ากำลังหลอกใครอย่างนั้นหรือ?”
หลอกใคร? แน่นอนว่ากำลังหลอกจักรพรรดิตงหลิง
ทันทีที่หนานหลิงจิ่นสิงมาถึงพระราชวังก็ถูกคนของพระราชวังจับตามอง หนานหลิงจิ่นสิงอยู่ที่จวนเฟิ่งนานขนาดนั้น เขาทำอะไรบ้าง จักรพรรดิรับรู้อย่างชัดเจน แม้ตอนที่อยู่หน้าประตู การกระทำซึ่งไม่สนความเย่อหยิ่งของตนเอง จักรพรรดิก็เข้าใจ
ได้ยินว่าความสัมพันธ์ของหนานหลิงจิ่นสิงและเฟิ่งชิงเฉินยังคงเดิม จักรพรรดิกล่าวคำชื่นชม “เป็นเด็กที่ฉลาดเหลือเกิน ไม่ลืมรากเหง้า”
ได้ยินว่าหนานหลิงจิ่นสิงโยนผ้าเช็ดมือผืนนั้นทิ้ง จักรพรรดิหัวเราะออกมา “อยู่กับน้องเก้านานเกินไป เจ้าเด็กคนนี้เองก็มีนิสัยเสียเหมือนกับเจ้าเก้า”
ส่วนการยอมถอยของหนานหลิงจิ่นสิง จักรพรรดิพอใจเป็นที่สุด จักรพรรดิไม่ชอบอารมณ์อันรุนแรงและนิสัยอันเย่อหยิ่งที่เผยออกมาให้เห็นของหนานหลิงจิ่นฝาน คนที่ทะนงตัวเช่นนี้จะล้มเหลวได้ง่าย
“จับตาดูเขาต่อไป ส่วนทางด้านของตระกูลหยุนเจ้าก็ดูต่อไป หากคิดว่าได้ที่แล้วก็ให้หยุดมือ อย่าบีบบังคับตระกูลหยุนมากเกินไป” มีผู้บรรเทาภัยพิบัติลึกลับคอยให้ความช่วยเหลือ ผลกระทบจากภัยพิบัติได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิไม่ต้องการบีบคั้นตระกูลหยุนมากเกินไป
ต้องรู้ก่อนว่าหากอยู่ในช่วงเวลาเร่งรีบกระต่ายก็สามารถกัดคนได้ หากบีบรัดตระกูลหยุนมากเกินไป หากตระกูลหยุนหันมาแว้งกัดผู้คน แบบนั้นจะไม่ใช่เรื่องดี
ตระกูลหยุนในตอนนี้ไม่สามารถต่อต้านทั้งสี่ประเทศได้ แต่หากเป็นเพียงตงหลิงแค่ประเทศเดียว แม้อาจจะไม่สามารถทำให้รากฐานของตนหลิงสั่นคลอนได้ แต่ก็สร้างความเสียหายได้ไม่น้อย ตอนนี้พวกเขายังมีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมอยู่ จักรพรรดิไม่อยากให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น
“ขอรับ” ในมือของเสด็จอาเก้ามีสายลับ ในมือของจักรพรรดิเองก็มีองค์กรลับเป็นของตนเอง มีถูกเรียกว่า หน่วยเฝ้าสังเกต ตอนแรกจักรพรรดิชุบเลี้ยงหน่วยเฝ้าสังเกตขึ้นมาก็เพื่อจับตาดูเหล่าขุนนาง แต่ตอนนี้เขากำลังสังเกตการณ์ทั้งโลกใบนี้อยู่
หลังจากจัดการเรื่องสัพเพเหระเป็นอันเรียบร้อย จักรพรรดิลุกขึ้นยืน ขันทีใหญ่รีบเข้ามาพยุงจักรพรรดิ ขันทีใหญ่เห็นว่าตอนนี้จักรพรรดิกำลังอารมณ์ดี เขายิ้มและกล่าวออกมาว่า “องค์จักรพรรดิ ข้ามีเรื่องมงคลมารายงานพระองค์ท่าน”
“เรื่องมงคล? เรื่องมงคลอะไร?” จักรพรรดิได้ยินเช่นนั้นจึงถามออกมาด้วยความสนใจ
หลังจากพิธีบูชาฟ้าจบลง ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรก็ราบรื่นมาโดยตลอด นี่ทำให้จักรพรรดิอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก และมั่นใจมากว่าฝู่หลินคือบุคคลซึ่งนำโชคมาให้ หากเป็นเรื่องมงคลมันก็ต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุนี้ด้วย
“ฝ่าบาท พระสนมเวินทรงตั้งครรภ์ หมอบอกว่าใกล้จะสองเดือนแล้ว” ใบหน้าของขันทีใหญ่เบ่งบานเหมือนดอกไม่ คนที่ไม่รู้เรื่องน่าจะคิดว่าภรรยาของเขากำลังมีลูก
“เอ๋? พระสนมเวินกำลังตั้งครรภ์ ดี……เยี่ยมไปเลย” จักรพรรดิทรงดีใจอย่างที่คิด
ช่วยไม่ได้ ผู้ชายจะรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อถึงวัยของเขา ไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ จักรพรรดิไม่มีทางยอมรับว่าตนเองแก่แล้ว และผู้หญิงในวังหลังกำลังตั้งครรภ์ นี่มันไม่ได้หมายความว่าเขากำลังหนุ่มกำลังแน่นอยู่หรือไง
“ข้าขอแนะนำ จักรพรรดิจะไปเยี่ยมพระสนมเวินหรือไม่? หมอบอกว่าพระสนมเวินมีร่างกายแข็งแรง โอรสหรือพระธิดาน้อยที่คลอดออกมาจะต้องแข็งแรงเป็นอย่างมาก” ขันทีใหญ่กล่าวออกมาเพื่อสืบสานความดีความชอบ
จักรพรรดิไม่ได้ขาดแคลนโอรส แต่ขาดแคลนพระธิดา ตอนนี้หากให้กำเนิดพระธิดาออกมา นางจะต้องเป็นที่หลงใหลของจักรพรรดิอย่างแน่นอน
“ไป……” การบริหารประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น แน่นอนว่าเองมีใจจะหาความสุขใส่ตัว แต่เมื่อเดินออกไปได้สองก้าวก็คิดได้ว่าสนมเอกเซี่ยเองก็กำลังตั้งครรภ์ และในครรภ์ของสนมเอกเซี่ยตอนนี้คือมังกรที่แท้จริง
“ไปดูสนมเอกเซี่ยก่อน” จักรพรรดินึกขึ้นได้ว่า นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ไปเยี่ยมสนมเอกเซี่ย ภัยพิบัติครั้งนี้ตระกูลเซี่ยลงแรงไปไม่น้อย น่าเสียดาย……สนมเอกเซี่ยเป็นแค่อันดับสองรองจากองค์ราชินี และไม่มีทางเป็นไปได้มากกว่านั้น
“น้อมรับคำบัญชา” ขันทีใหญ่รู้สึกแปลกใจที่จักรพรรดินึกถึงสนมเอกเซี่ย แต่หลังจากนั้นเขาก็พาจักรพรรดิไปยังตำหนักจาวเยี่ยน
ท้องเริ่มใหญ่ขึ้น สนมเอกเซี่ยเริ่มวิตกกังวล นางจ้องมองท้องของตนเองในทุกวันด้วยความกังวล เกรงว่าตนเองจะคลอดบุตรที่ไม่แข็งแรงออกมา นางเอาแต่คิดทุกวัน ว่าเด็กคนนี้จะมีปมด้อยอะไร โดยเฉพาะสองสามวันที่ผ่านมานี้ สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น
พูดง่ายๆ สนมเอกเซี่ยทุกข์ทรมานจากความวิตกกังวลก่อนคลอด ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะหาใครสักคนมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่นางไม่สามารถพูดความคิดอันชั่วร้ายในใจของนางออกมาได้ ทำได้เพียงเก็บมันไว้ในใจ ภายใต้วงจรอุบาทว์ อาการของสนมเอกเซี่ยแย่ลงทุกวัน นอกจากท้องที่ใหญ่ขึ้น ที่เหลือก็เหี่ยวเฉาลงไป
“ข้าต้องการพบเฟิ่งชิงเฉิน ข้าต้องการพบเฟิ่งชิงเฉิน” สนมเอกเซี่ยกุมมือของเหล่ามามาแน่น ดวงตาของนางไม่มีความเฉียบคมแม้แต่น้อย มีเพียงน้ำตาของความน่าสงสารที่ไหลออกมา
“เหนียงเหนียง บ้านของแม่นางเฟิ่งนั้นมีงานศพ นี่เป็นช่วงเวลาของการแสดงความกตัญญู นางไม่สามารถเข้ามาในพระราชวังได้” เหล่ามามากุมมือสนมเอกเซี่ยพร้อมกล่าวปลอบใจ
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่คิดหาวิธี แต่……คนของตระกูลเซี่ยนั้นไม่เห็นด้วย
หากตอนนี้ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในพระราชวัง หากถูกพบตัวเขา เรื่องถูกรายงานไปยังจักรพรรดิ จักรพรรดิจะต้องโกรธอย่างแน่นอน
ในพระราชวังมีหมออยู่มากมาย จักรพรรดิไม่มีทางยอมให้เฟิ่งชิงเฉินที่ถนัดด้านนรีเวชวิทยาเข้ามาในพระราชวังโดยที่ศพของพ่อแม่ของนางยังไม่ถูกฝัง
“แย่ที่สุด เมื่อไหร่นางจะฝังศพพ่อแม่ของนาง หากนำทำไม่ได้ก็ให้คนของตระกูลเซี่ยไปช่วยนาง ข้าต้องการพบนาง ข้าต้องการพบนาง ได้ยินไหม” น้ำตาของสนมเอกเซี่ยจางหายไป มันถูกแทนที่ด้วยความอาฆาต
“เหนียงเหนียงวางใจ เมื่อแม่นางเฟิ่งออกจากจวนได้เมื่อไหร่ ข้าจะพานางมาที่นี่เป็นที่แรก” เหล่ามามายังคงพูดปลอบใจต่อไป ขณะที่นายและบ่าวกำลังพูดคุยกันว่าจะให้เฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในพระราชวังได้อย่างไร ในตอนนั้นเสียงของขันทีก็ดังขึ้น “องค์จักรพรรดิเสด็จแล้ว!”
องค์จักรพรรดิ? ทำไมองค์จักรพรรดิถึงได้เสด็จมายังตำหนักจาวเยี่ยนกะทันหันเช่นนี้ สนมเอกเซี่ยและเหล่าผู้รับใช้ต่างตื่นตกใจ เหล่ามามาจึงถามออกมาด้วยความสงสัย “ทำไมจักรพรรดิถึงมาที่นี่?”
“ฮึ น่าจะเป็นเพราะพระสนมเวิน เรื่องที่หญิงกากีผู้นั้นตั้งครรภ์ถูกแพร่ออกไปถึงหูของจักรพรรดิ จักรพรรดิถึงได้นึกถึงข้า” สมแล้วที่เป็นเจ้าแห่งการต่อสู้ในพระราชวัง แม้ร่างกายของสนมเอกเซี่ยจะไม่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังใส่ใจถึงรายละเอียดเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
“เหนียงเหนียง ท่านอย่าได้โกรธไปเลย อย่ารู้สึกแย่กับร่างกายของตัวเอง ทางที่ดีท่านอย่าพูดถึงแม่นางเฟิ่งต่อหน้าของจักรพรรดิ เหนียงเหนียง ท่านต้องฉวยโอกาสนี้ทำให้จักรพรรดิสนใจในโอรสมังกรที่อยู่ในท้องของท่านให้มากขึ้น หากพระสนมเวินสามารถตั้งครรภ์ได้ พระสนมองค์อื่นเองก็สามารถตั้งครรภ์ได้เช่นกัน แบบนั้นเมื่อถึงเวลาพระราชวังจะเต็มไปด้วยองค์รัชทายาทน้อย แบบนั้นมันก็ไร้ซึ่งความพิเศษ”
มามารีบเรียกสาวใช้ให้เข้ามาดูแลสนมเอกเซี่ย จัดการเรื่องเสื้อผ้าและความงดงาม แต่…..