นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 731-1 ปิดประตู เพื่อความสบายใจของอาจารย์
ผู้หญิงในพระราชวังจะขาดแคลนสิ่งใด? ผู้หญิงซึ่งกับตั้งครรภ์ในพระราชวังจะขาดแคลนสิ่งใด?
เฟิ่งชิงเฉินคิดไปคิดมา สิ่งซึ่งนางสามารถทำได้ และอีกฝ่ายมองเห็นคงมีเพียงแค่เตรียมยาบำรุงครรภ์ให้สตรีมีครรภ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นยาที่ไม่มีผลข้างเคียง ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ส่วนสนมเอกเซี่ยและพระสนมเวินจะกล้ากินหรือไม่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่นางต้องกังวล ผู้หญิงในวังล้วนแต่เป็นคนเจ้าเล่ห์ ไม่ว่าใครก็มีวิธีการเป็นของตนเอง ก่อนจะกินอะไรแน่นอนว่าพวกนางจะต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด
ไม่กลัวว่าจะไม่รู้จักสินค้า แต่กลัวเสียเปรียบมากกว่า แค่พวกนางสั่งให้หมอหลวงในวังตรวจสอบก็จะรู้ได้ทันทีว่ายาบำรุงครรภ์นี้ล้ำค่าแค่ไหน
เฟิ่งชิงเฉินค้นพบถึงเส้นทางหารายได้ใหม่อย่างกะทันหัน กลับไปต้องลองปรึกษากับซูเหวินชิงดูสักหน่อย ทั้งสองคนร่วมมือกันค้าขายยาบำรุงครรภ์ นี่ต้องเป็นธุรกิจที่มีกำไรมหาศาลอย่างแน่นอน
วัตถุดิบแผนปัจจุบันที่นำมาใช้ในการทำยาราคาแพงมาก แต่ในระบบแลกเปลี่ยนจรรยาแพทย์ ยาประเภทยาบำรุงภายในไม่จำเป็นต้องใช้คะแนนจรรยาแพทย์มากนัก และจากการค้นหาอยู่นาน ในที่สุดเฟิ่งชิงเฉินก็ค้นพบยาบำรุงครรภ์ที่ใช้ประโยชน์ได้
น้อยมาก มีแค่สิบกว่าชนิด เฟิ่งชิงเฉินพูดได้เลยว่าสิ่งของเกี่ยวกับการทหารและผู้ชายนั้นถูกให้ความสำคัญมากกว่าผู้หญิง หรือว่าตอนวิจัยกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ ไม่เคยคิดว่ามีทหารเพศหญิงอยู่ ทหารเพศหญิงไม่อยู่ในการไตร่ตรองเลยแม้แต่น้อย
เฟิ่งชิงเฉินเลือกยาบำรุงสองชนิดที่แตกต่างกันออกมา ชนิดแรกเป็นยาที่เหมาะกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ในระยะเวลาไม่เกินสามเดือน ส่วนอีกชนิดหนึ่งเป็นยาสำหรับผู้หญิงซึ่งตั้งครรภ์ในระยะเวลามากกว่าห้าเดือน เหมือนกัน ต้องใช้สามคะแนนจรรยาแพทย์ในการแลกมันมา ทั้งหมดต้องใช้สิบคะแนนจรรยาแพทย์ ยังเหลืออีก 986 คะแนนจรรยาแพทย์
10 คะแนนจรรยาแพทย์ หากเป็นเมื่อก่อนนางคงเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้……นางยิ่งใหญ่แล้ว คะแนนจรรยาแพทย์มีถึงสามหลัง มันต่างจากสี่หลักเยอะอย่างนั้นหรือ?
เจ้ารอข้าก่อน ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่ข้าจะเอาเจ้าไปแลก จากนั้น……ใช้เจ้าในการตัดหัวของซีหลิงเทียนเหล่ย
แฮ่ม แฮ่ม……ความคิดอาชญากรรมรุนแรง เรื่องนี้เอาไว้ค่อยพูดแล้วกัน ตอนนี้คิดเรื่องพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์
เฟิ่งชิงเฉินนำยาออกมาออกมาจากห่อบรรจุ แบ่งประเภทไว้เป็นอย่างดี เขียนถึงประโยชน์และวิธีการใช้ยา เนื่องจากตัวยาค่อนข้างมีหลายชนิด เฟิ่งชิงเฉินใช้เวลากว่าสองชั่วโมงถึงจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ในตอนที่นางออกไปด้านนอก นางก็พบว่า……
ศิษย์ของนางกำลังสร้างอนาคตอันสดใส เขารู้จักการขยายอาชีพ
ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินเดินออกมา ซุนซือสิงกำลังตรวจให้กับองครักษ์ของขันทีที่ประกาศกฤษฎีกา จากนั้นทำการจ่ายยา แถมยังบอกให้พวกเขาใส่ใจและกินยาให้ตรงเวลา จากนั้นก็วางยาไว้หน้าของขันทีที่ประกาศกฤษฎีกาผู้นั้นด้วย ดูจากท่าทางแล้วซุนซือสิงก็น่าจะทำการตรวจให้เขาเช่นกัน
หมออย่างซุนซือสิง เป็นคนที่เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นหมอจริงๆ ไม่ว่าจะไปแห่งหนใดก็ไม่เคยลืมจะช่วยเหลือผู้ป่วย แม้แต่คนในพระราชวังเขายังทำการรักษาให้เป็นอย่างดี เขาช่างสุดยอดเหลือเกิน
เหล่าองครักษ์ต่างพูดกันออกมาว่า “หมอเทวดาน้อยซุน” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินแสดงออกถึงความชื่นชม เป็นความรู้สึกภูมิใจที่ศิษย์ของนางสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง แม้เส้นทางของเขาจะต่างจากคนอื่น แต่เขาก็สามารถกลายเป็นคนสำคัญได้เช่นกัน
ในที่สุดวันนี้ก็มีเรื่องดีเกิดขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็สามารถทำให้ความหดหู่ใจกับเรื่องขององค์หญิงเหยาหวาลดลงได้บ้าง
เฟิ่งชิงเฉินยืนเงียบอยู่หน้าประตู ไม่ได้เข้าไปรบกวนซุนซือสิง จะกระทั่งซุนซือสิงทำการรักษาผู้ป่วยคนสุดท้ายเป็นอันเรียบร้อย เฟิ่งชิงเฉินถึงเดินเข้าไป
“อาจารย์ ในที่สุดท่านก็ออกมาแล้ว” ซุนซือสิงเห็นเฟิ่งชิงเฉินราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต รีบเดินเข้าไปทันที
ไม่ถนัดเรื่องเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้คน อาจารย์ให้เขาอยู่เป็นเพื่อนขันทีผู้นี้ เขาไม่รู้จริงๆว่าควรจะพูดอะไรกับอีกฝ่าย ทั้งสองคนนั่งจ้องกันเป็นเวลานาน เงียบอยู่พักใหญ่ ซุนซือสิงเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงลองถามออกไป และหลังจากนั้น……
เขาก็เริ่มทำการรักษาให้กับทุกคน
วิธีการที่ซุนซือสิงค้นพบนั้นยอดเยี่ยมมาก มันช่วยเขาให้ไม่ต้องลำบากในการเข้าสังคมกับคนอื่น แต่……หลังจากตรวจผู้ป่วยคนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินยังไม่ทันเดินเข้ามา ซุนซือสิงกลับร้องไห้
กลุ้มใจอยู่นาน ที่จริงเขาทนต่อความกลุ้มใจเช่นนี้อีกต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่ในตอนที่เขากลั้นใจเงยหน้าขึ้น คิดไม่ถึงว่าจะเห็นเฟิ่งชิงเฉินกำลังเดินเข้ามา แบบนี้เขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร
“ลำบากเจ้าแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มอย่างชื่นชม จากนั้นหันไปหาขันทีที่ประกาศกฤษฎีกาและกล่าวว่า “กงกง สิ่งที่มอบให้กับเหนียงเหนียงทั้งสองท่าน ชิงเฉินได้จัดเตรียมไว้เป็นอันเรียบร้อย และยังมีของกำนัลชิ้นเล็กอยู่อีกชิ้นหนึ่ง นั่นเป็นสิ่งที่มอบให้กับกงกง ขอกงกงได้โปรดรับไว้”
นี่เป็นสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินตัดสินใจ สำหรับนางแล้วราคายาไม่สำคัญอะไร มันเทียบไม่ได้กับบุญคุณหรือความสัมพันธ์อันดี
ขันทียิ้มออกมาด้วยความดีใจอย่างที่คิด “ได้ ได้ ได้เลย นี่ก็ได้เวลาแล้ว พวกข้าเองก็คงต้องกลับไปวัง”
ตอนที่เขาเห็นของกำนัลซึ่งเฟิ่งชิงเฉินเตรียมไว้ให้เขา ขันทีชื่นชมในความสามารถในการจัดการเรื่องราวของเฟิ่งชิงเฉิน เขามีหน้าที่นำของกลับไปมอบให้สนมเอกเซี่ยและพระสนมเวิน ก็จริงอยู่ว่าเขาได้ความดีความชอบอยู่แล้ว แต่เจ้าเฟิ่งชิงเฉิน เจ้าก็ต้องแสดงออกถึงอะไรบางอย่างสักเล็กน้อยอย่างที่เจ้าทำ ไม่อย่างนั้นคงยากที่เขาจะกลับไปรายงานผล
อย่างที่คิด เฟิ่งชิงเฉินฉลาดหลักแหลมมาก นางไม่ได้เอ่ยถึงผลประโยชน์แต่อย่างใด แค่มอบของกำนัลให้เขาเท่านั้น เหมือนกับว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อย สตรีเช่นนี้……
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหล่าเหนียงเหนียงในวังถึงได้ชอบใจนาง สตรีผู้มีจิตใจงดงามเช่นนี้จะไม่ให้ชอบได้อย่างไร
หลังจากพวกของขันทีที่ประกาศกฤษฎีกากลับไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้โดยตรง
วันนี้นางเหนื่อยมาก เหนื่อยทั้งกายและใจ ตอนนี้นางไม่อยากขยับตัวเลยแม้แต่น้อย แต่สุดท้ายเรื่องทุกอย่างก็จบลงด้วยดี ในระยะเวลาอันสั้นนี้ เหยาหวาผู้สร้างความวุ่นวายน่าจะไม่สามารถออกมาโลดแล่นได้
“อาจารย์……ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” ซุนซือสิงก้าวมาด้านหน้า นำอุปกรณ์ทำแผลวางลงบนถาด
“ข้าไม่เป็นไร แค่รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย” เฟิ่งชิงเฉินนั่งตัวตรงและนวดขมับตนเอง
ซุนซือสิงวางถาดในมือเขา หยิบเก้าอี้มานั่งข้างเฟิ่งชิงเฉินพร้อมกล่าวว่า “งั้นอาจารย์ ท่านพักผ่อนไปก่อน ข้าช่วยล้างแผลที่มือให้เอง”
หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายมามากมาย มือซึ่งได้รับบาดเจ็บของเฟิ่งชิงเฉินยังคงถูกพันด้วยผ้าสีขาวพื้นเดียวกับที่ไปสุสาน
สำหรับมือของตนเอง เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ปฏิเสธ นางยื่นมือออกมาพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “รบกวนหมอเทวดาน้อยซุนด้วย”
“อาจารย์ ท่านอย่ามาแกล้งข้า” ได้ยินคำเรียกดังกล่าว สีหน้าของซุนซือสิงแดงขึ้นมาเล็กน้อย
เขาบอกคนพวกนั้นว่าอย่างเรียกเขาแบบนั้น แต่คนพวกนั้นกลับพูดติดตลกออกมาว่า “ไม่เรียกว่าหมอเทวดาน้อยซุน งั้นให้พวกข้าเรียกท่านว่าหมอเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ซุนหรืออย่างไร? ตอนนี้ยังไม่ได้ อายุของท่านยังน้อยไป รออีกอีกสักสองสามปีพวกข้าจะเรียกท่านว่าหมอเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ซุน”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ซุนซือสิงก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้ออกไปเช่นไร
“ไม่ได้ล้อเจ้าเล่น อาจารย์ดีใจมา หมอเทวดาน้อยซุน ชื่อนี้ยอดเยี่ยม แต่มันค่อนข้างไม่ลื่นปาก อาจารย์หวังว่าเจ้าจะนำคำว่าน้อยออกไปในเร็ววัน กลายเป็นหมอเทวดาซุน” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวด้วยความชื่นชมอย่างแท้จริง ชื่อเสียงและคะแนนของเขาของซุนซือสิงมากขึ้นเท่าไหร่ นางก็ยิ่งดีใจขึ้นเท่านั้น
นางไม่ใช่พวกอาจารย์ที่กลัวว่าศิษย์จะแซงหน้าตนเอง ซุนซือสิงเก่งกว่านาง นี่ถึงสามารถทำให้นางมีความสุขได้ คลื่นลูกเก่าต้องดีกว่าคลื่นลูกใหม่ หากศิษย์ของนางไม่สามารถทำได้ นางผู้เป็นอาจารย์คงต้องช้ำใจ
“อาจารย์ ข้าจะพยายาม” ครั้งนี้ซุนซือสิงไม่ได้พูดว่าไม่ออกมา แต่พยักหน้าออกมาอย่างแน่วแน่
วันนี้เจ้าเด็กคนนี้ถูกทำให้ตกใจสุดขีด
“ความพยายามเป็นเรื่องดี แต่อย่าฝืนตัวเองมากเกินไป เจ้าแค่ทำในสิ่งที่เจ้าชื่นชอบก็เพียงพอ ตั้งใจศึกษาวิชาแพทย์ เรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องห่วง เจ้าศึกษาทางด้านการแพทย์ไม่ใช่ราชการ ข้าชอบเจ้าในสภาพแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเอง หากเปลี่ยนมันจะไม่ใช่เจ้า” หากจวนเฟิ่งมีผู้บริสุทธิ์เพียงคนเดียว นางหวังว่าคนผู้นั้นจะเป็นซุนซือสิง
“อาจารย์ ข้าเข้าใจแล้ว” จิตวิญญาณการต่อสู้ของซุนซือสิงหายไปทันที เขาเข้าใจถึงความหมายในสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินพูด ด้วยนิสัยและความสามารถของตนเอง คิดจะปกป้องเฟิ่งชิงเฉิน มันแทบไม่มีทางเป็นไปได้!
“ซือสิง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงอาจารย์ อาจารย์ไม่มีทางเป็นอะไรอย่างแน่นอน อาจารย์ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ใครบงการได้โดยง่าย วันนี้ถูกซีหลิงเทียนเหล่ยบีบบังคับจนแทบหมดหนทาง แต่นั่นเป็นเพราะอาจารย์ขาดความเตรียมพร้อม ถูกเขาลงมืออย่างกะทันหัน แน่นอนว่าไม่มีทางมีครั้งต่อไป” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวปลอบใจโดยหวังว่าซุนซือสิงจะโล่งใจลงบ้าง นางไม่อยากให้จิตใจของซุนซือสิงยุ่งเหยิงเพราะเรื่องพวกนี้
อ่า
ซุนซือสิงพยักหน้า ทำความสะอาดบาดแผลของเฟิ่งชิงเฉินอย่างทะนุถนอม เฟิ่งชิงเฉินเห็นซุนซือสิงสงบลง จึงพูดถึงสิ่งที่ตนเองคิดออกไป “ซือสิง ครั้งนี้จักรพรรดิส่งให้ข้าพักผ่อนอยู่บ้านโดยปราศจากการรบกวน น่าจะเป็นระยะเวลานานพอสมควรที่ไม่มีใครมาหาข้า ข้าจึงอยากใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้เดินทางไปยังเผ่าเสวียนเซียวกง เมื่อถึงเวลานั้นจวนเฟิงขอมอบให้เจ้า”
“ท่านอาจารย์ ท่านจะไปอีกแล้วงั้นหรือ” ซุนซือสิงตกใจจนมือสั่น จนทำให้แหนบหนีบไปยังบาดแผลของเฟิ่งชิงเฉิน
“อร๊าย……” เฟิ่งชิงเฉินร้องออกมาในทันที
ซุนซือสิงลุกขึ้นยืนในทันที แหนบในมือของเขาหล่นลงพื้น ซุนซือสิงรีบจับมือของเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมา ก้มหน้าลงและเป่าไปที่บาดแผลของเฟิ่งชิงเฉิน “ท่านอาจารย์ ขอโทษ ข้าขอโทษ มือของท่าน ข้าทำให้มือของท่านต้องเป็นแผล”
“ไม่เป็นไร แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ต้องกังวลไป” เฟิ่งชิงเฉินเองก็ลุกขึ้นตาม ไม่สนใจแผลบนมือ กล่าวปลอบโยนซุนซือสิงออกไป
บาดแผลไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่ได้แผลเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งจุด เลือดไหลออกมา แต่ไม่ได้เจ็บปวดถึงชั้นกระดูก ไม่มีผลกระทบต่อนิ้วมือของนางในการใช้ชีวิต แต่ในระยะเวลาอันสั้นคงไม่สามารถจับมีดได้
“อาจารย์ ทั้งหมดเป็นเพราะข้าไม่ดี ข้าเกือบลายมือของท่านแล้ว” ซุนซือสิงเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลของเฟิ่งชิงเฉิน เขารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก แต่โชคดีที่ไม่ได้เป็นแผลใหญ่โตอะไร
มือของอาจารย์จำเป็นต้องจับมีด แบบนี้เกรงว่านางคงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
“ไม่ได้รุนแรงอะไร แค่บาดแผลเล็กๆเท่านั้น อาจารย์ของเจ้าไม่ได้งอแงขนาดนั้น มือของข้าได้รับบาดเจ็บ ข้าจะได้พักผ่อนสักช่วงระยะหนึ่ง หากเจ้ารู้สึกผิดและต้องการรับผิดชอบ งั้นช่วงเวลาที่ข้าไม่อยู่ เจ้าช่วยดูแลจวนเฟิ่งแทนข้า อย่าให้ใครมาเผาจวนเฟิ่งเป็นอันขาด” เฟิ่งชิงเฉินรีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา หากพูดถึงเรื่องอาการบาดเจ็บเกรงว่าซุนซือสิงคงรู้สึกผิดเจียนตาย
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะซุนซือสิง หากเป็นคนอื่นมาทำให้มือของนางได้รับบาดเจ็บ นางคงไม่สนใจว่าอีกฝ่ายเป็นใครและเรียกข้าเสียหายพร้อมการดูแลอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ได้ขอรับอาจารย์ ท่านวางใจ ข้าจะดูแลจวนเฟิ่งให้ดีที่สุด” ในตอนนี้ซุนซือสิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสงบจิตสงบใจ ตอบรับคำสั่งของเฟิ่งชิงเฉิน
“อาจารย์เชื่อในตัวเจ้า ตอนนี้ช่วยข้าทำแผลให้เสร็จก่อนแล้วกัน” ที่เฟิ่งชิงเฉินพูดออกไปเช่นนี้ก็เพราะในจวนเฟิ่งยังมีทงจือและทงเหยาดูแลอยู่ ปกติแล้วไม่มีทางมีเรื่องที่ทำให้ซุนซือสิงปวดหัว
เนื่องจากอุบัติเหตุครั้งก่อน เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าพูดกับซุนซือสิง ซุนซือสิงเองก็ระมัดระวังมากขึ้น เกรงว่าจะทำให้เฟิ่งชิงเฉินต้องบาดเจ็บอีก
ในระหว่างที่ซุนซือสิงกำลังทำแผลในเฟิ่งชิงเฉิน อีกด้านหนึ่ง หมอหลวงสามคนกำลังช่วยกันทำการรักษาองค์หญิงเหยาหวาอย่างสุดความสามารถ ในที่สุดก็สามารถปกป้องชีวิตขององค์หญิงเหยาหวาเอาไว้ได้ แต่……