นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 731-2 ยุทธจักร ทุกคนกำลังรอให้เสด็จอาเก้าลงมือ
เหยาหวาสูญเสียคุณสมบัติการเป็นแม่ไปตลอดกาล!
หมอหลวงประกาศว่าหลังจากพวกเขาได้ทำการรักษาอย่างสุดความสามารถ องค์หญิงเหยาหวายังคงมีชีวิตรอดต่อไป แต่สูญเสียความสามารถในการให้กำเนิดบุตร ในอนาคตนางไม่สามารถเป็นแม่คนได้ นอกจากนี้ร่างกายของนางได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก และในฤดูหนาวของทุกปีหลังจากนี้ ร่างกายของนางจะได้รับความเย็นมากกว่าปกติ จำเป็นต้องดูแลเป็นอย่างดี ส่วนเมื่อไหร่จะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ บางทีอาจจะใช้ระยะเวลาหนึ่งปี หรือบางทีอาจจะใช้ทั้งชีวิต
สรุปก็คือ ร่างกายขององค์หญิงเหยาหวาได้รับความเสียหายอย่างหนัก เป็นไปได้ว่าใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่อาจดีขึ้น!
หลังจักรพรรดิทราบเรื่อง เขาเพียงพูดออกมาว่า “ข้ารู้แล้ว” ไม่มีการแสดงออกอันใดหลังจากนั้น ไม่มีประสงค์จะปลอบโยนเหยาหวาหรือราชวงศ์ซีหลิงแต่อย่างใด ไม่เพียงเท่านั้น จักรพรรดิยังออกคำสั่งไปอีกว่า ให้กรมพิธีกรรมจัดหาสตรีที่สามารถออกเรือนได้ และวาดภาพของพวกนางออกมา
องค์หญิงเหยาหวาไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ แน่นอนว่าจักรพรรดิไม่มีทางปล่อยให้ตงหลิงจื่อชุนไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเตรียมจัดหาพระชายารองให้ แน่นอน แม้เป็นเพียงพระชายารองแต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพระชายาหลัก เพราะว่า……พระชายาหลักไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้
หลังจากซีหลิงเทียนเหล่ยรู้เรื่อง เขาเพียงแค่ถอนหายใจออกมาเท่านั้น ไม่มีทีท่าจะเข้าไปช่วยเหยาหวา ไม่ใช่เขาไม่อยากแต่เขาไม่มีความสามารถนั้น สำหรับเรื่องนี้ จักรพรรดิยืนอยู่ฝั่งเฟิ่งชิงเฉิน หากเขาไปสร้างความวุ่นวายให้จักรพรรดิ แบบนั้นอาจทำให้ซีหลิงต้องเสียหน้า
ราชวงศ์ซีหลิงยังคงนิ่งเงียบกับเรื่องนี้ แม้จะมีคนไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่ก็ช่วยไม่ได้ ซีหลิงยอมไม่ออกหน้า ช่วงนี้จักรพรรดิซีหลิงเย่อหยิ่งและไม่สนใจใคร แล้วพวกเขาจะไปทำอะไรได้?
ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าช่วงนี้ความแข็งแกร่งของเสด็จอาเก้าลดลงแค่ไหน จักรพรรดิแข็งแกร่งขึ้น การหลีกเลี่ยงกำลังของศัตรูเป็นสิ่งจำเป็น แบบนั้นตงหลิงถึงจะอยู่ในการควบคุมทั้งขึ้นทั้งล่อง
แต่ในบางครั้งคลื่นลูกเล็ก ไม่นานก็จะสลายไป ตัวอย่างเช่น……
ทันทีที่องค์หญิงเหยาหวาตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงของสาวใช้กำลังสงสารนาง บอกว่าหลังจากนี้นางจะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ทันใดนั้นนางก็พุ่งไปหาสาวใช้ เกือบจะฉีกร่างของสาวใช้ออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พร้อมตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“พวกเจ้ากำลังพูดอะไร? ข้าไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้?” ดวงตาคู่นั้นของเหยาหวาเบิกกว้าง ท่าทางของนางเหมือนกับถูกโจมตีอย่างรุนแรง
“องค์……องค์หญิง……” สาวใช้ตกใจมาก คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงเหยาหวาจะฟื้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เสียงคุกเข่าดังขึ้น นางไม่กล้าพูดอะไรออกมา
เสียงคำถามของเหยาหวาดังขึ้นอีกครั้ง “พูดมา ที่พวกเจ้าพูดกันเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ข้าไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้แล้วอย่างนั้นหรือ?” เหยาหวาไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะโหดร้ายกับนางเช่นนี้
“เพ เพคะ เป็นเรื่องจริง องค์หญิง……” สาวใช้ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกความโกรธของเหยาหวาหยุดไว้ “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าพูดจากเหลวไหล พวกเจ้ากำลังโกหก ทำไมข้าจะให้กำเนิดบุตรไม่ได้……”
ตะโกนออกมาด้วยความโกรธพร้อมกับลุกขึ้นยืน สุดท้ายด้วยร่างกายที่ยังไม่แข็งแรงพอ ร่างของนางล้มลงไปบนเตียง สาวใช้ตกใจ รีบเข้าไปพยุงเหยาหวา แต่กลับถูกเหยาหวาผลักอย่างป่าเถื่อน “ไป ไปให้พ้น อย่างมาแตะต้องตัวข้า”
แน่นอนว่าองค์หญิงเหยาหวาไม่เชื่อ และความจริงเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นางจะทำใจให้เชื่อได้
“องค์หญิง องค์หญิง ท่านสงบสติอารมณ์ลงสักเล็กน้อย อย่าทำร้ายร่างกายตนเองเลย” สาวใช้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าทำร้ายเหยาหวา จึงทำได้เพียงปกป้องตัวเอง
“สงบสติอารมณ์? เจ้าจะให้ข้าสงบสติอารมณ์ลงได้อย่างไร ข้าไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ข้าจะสงบลงได้อย่างไร? เฟิ่งชิงเฉินอยู่ที่ไหน? เฟิ่งชิงเฉินอยู่ที่ไหน? ความสามารถทางการแพทย์ของนางดีมากไม่ใช่หรือไง ข้าจะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้อย่างไร เป็นเพราะนางใช่ไหม เป็นเพราะนางต้องการทำร้ายข้าใช่ไหม จึงทำให้ข้าไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้?” องค์หญิงเหยาหวาจับสาวใช้ซึ่งอยู่ด้านข้างไว้แน่นพร้อมกับถามออกมา ดวงตาคู่นั้นของนางดุร้ายราวกับงูพิษ
“องค์หญิง เนื่องจากเพิ่งเสร็จพิธีศพพ่อแม่ของนางจึงไม่เหมาะต่อการเดินทางไปด้านนอก องค์รัชทายาททรงเสด็จไปด้วยพระองค์เองก็ไม่สามารถเชิญตัวนางมาได้ ผู้ช่วยชีวิตท่านคือหมอหลวงแห่งตงหลิง หมอหลวงกล่าวว่าองค์หญิงมาช้าเกินไป ทำให้ร่างกายได้รับความเสียหาย หลังจากนี้จึงไม่สามารถให้เกิดบุตรได้” สาวใช้นึกถึงภาพที่หมอหลวงนำทารกออกมา ร่างกายของทารกเป็นสีดำ แขนขาติดกัน ศีรษะยังคงติดอยู่กับท้อง ร่างกายของนางจึงสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว
หมอหลวงกล่าวว่าทารกขาดอากาศหายใจจนตาย แม้จะเป็นเพียงตัวอ่อนของทารก แต่ก็มีชีวิต คิดว่าน่าจะรู้สึกตกต่ำก่อนสิ้นใจ ดังนั้นจึงทำให้แม่ผู้เป็นแม่ได้รับความเจ็บปวดถึงขนาดนี้
คำพูดของหมอหลวงแทบทำให้เหล่าสาวใช้ตกใจจนเป็นลม แน่นอนว่าพวกนางไม่กล้าทำเรื่องพวกนี้ไปบอกกับองค์หญิงเหยาหวา อีกอย่างบอกไปองค์หญิงก็คงไม่ฟัง
เหยาหวาได้ยินว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้มาช่วยนาง ความโกรธของนางเพิ่มมากขึ้น “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากล้าดียังไงถึงไม่มาช่วยรักษาองค์หญิงอย่างข้า? ทำไมนางถึงได้กล้าขนาดนี้
เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเป็นผู้หญิงชั่วร้าย ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า มันเป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้าข้าจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าคิดว่าเจ้าไปใครถึงกล้าไม่มารักษาข้า เจ้าทำพิธีศพให้กับพ่อแม่ของเจ้าแล้วมันยังไง เชื่อไหมข้าจะสั่งให้คนไปขุดศพพ่อแม่ของเจ้าขึ้นมา และให้พวกเขาไปอยู่ในถิ่นทุรกันดาร”
“อร๊าย……” เหยาหวาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ นางเกลียด นางแค้น นางโกรธ นางแค้น จากนั้นนางทรุดตัวลงพื้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
“ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้แล้วข้ายังเป็นผู้หญิงอยู่หรือเปล่า? ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้แล้วบั้นปลายชีวิตของข้าใครจะมาดูแล? เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามันผู้หญิงสารเลว เห็นข้าเจ็บป่วยแล้วไม่ช่วยเหลือ ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า……เฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินอยู่ที่ไหน ข้าต้องการพบนาง ข้าต้องการพบนาง ได้ยินไหม!”
องค์หญิงเหยาหวาเหมือนคนบ้า ร้องตะโกนออกมาบนพื้น มือคู่นั้นราวกับไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด ใช้แรงทุบพื้นและท้องของตนเอง
“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าต้องการพบเฟิ่งชิงเฉิน……”
ห้องของเหยาหวาเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ผ้าห่มและเตียงถูกดึงกระจายไปทั่ว สาวใช้ที่อยู่ข้างกายของนางถูกนางข่วน หลังซีหลิงเทียนอวี่รู้เรื่องนี้ก็พูดออกมาได้แค่ “ดูแลองค์หญิงให้ดี อย่างให้นางตายเป็นอันขาด”
ใช่ อย่าให้ตาย หากเหยาหวาตายใครจะมาแต่งงานกับตงหลิงเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ ซีหลิงไม่มีองค์หญิงที่อยู่ในวัยอันควรแล้ว ส่วนเหยาหวากำลังโวยวายเพราะอยากพบเฟิ่งชิงเฉิน?
ต้องขอโทษด้วย อย่าว่าแต่องค์หญิงเหยาหวาเลย ตอนนี้ในพระราชวังมีเพียงกี่คนที่สามารถพบหน้าเฟิ่งชิงเฉินได้
ผ้าข้าวด้านนอกของจวนเฟิ่งยังคงติดอยู่ และไม่มีใครกล้าเข้าไปเคาะประตู ส่วนเจ้าพูดเพราะอะไร? นี่ยังต้องถามอีกอย่างนั้นหรือ แม้คำเตือนของจักรพรรดิจะพูดแค่กับตงหลิงจื่อชุนและซีหลิงเทียนเหล่ย แต่มันก็เป็นคำเตือนของคนอื่นด้วยในเวลาเดียวกัน ทุกคนต่างเป็นคนฉลาด จะหาเรื่องใส่ตัวในเวลานี้ได้อย่างไร
และสิ่งที่ทุกคนคิดก็คือ เฟิ่งชิงเฉินได้รับความโศกเศร้าอย่างแสนสาหัส จึงจำเป็นต้องพักฟื้นอยู่ในจวนโดยไม่ออกไปไหน แต่ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้อยู่ในพระราชวังแล้ว
นาง เสด็จอาเก้า และหวังจิ่นหลิง ทั้งสามเดินทางออกจากพระราชวังในค่ำคืนอันเงียบสงบ วันรุ่งขึ้นข่าวการประชวรของเสด็จอาเก้าได้แพร่ออกไป คุณชายใหญ่ตระกูลหวังออกไปเยี่ยมเยือนเพื่อนในฤดูหนาว
ส่วนเจ้าจะเชื่อหรือไม่นั้นมันก็เรื่องของเจ้า แต่ข้าเชื่อ คนในพระราชวังต่างเชื่อ จักรพรรดิเองก็เชื่อ นอกจากนั้นยังกล่าวอีกว่าเฟิ่งชิงเฉินโศกเศร้าเป็นอย่างมาก จนเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน เสด็จอาเก้าเป็นเพราะรักษาอาการป่วยและกำลังพักฟื้น หากไม่มีเรื่องอะไรจำเป็นก็อย่าไปรบกวน คุณชายใหญ่แห่งตระกูลหวังได้ไปเยี่ยมเยือนเพื่อนในฤดูหนาว ช่างสุนทรีย์ยิ่งนัก
ขนาดจักรพรรดิยังพูดเช่นนี้ แล้วใครจะกล้าแสดงความเห็นต่าง
แม้ทั้งสามจะเป็นบุคคลอันยิ่งใหญ่ในพระราชวัง แต่การจากไปของพวกเขาไม่ได้ทำให้เกิดความปั่นป่วนมากนัก ไม่ได้เป็นที่จับตามองของใครมากมาย
พระราชวังยังคงรุ่งเรืองเฟื่องฟู ไม่ได้เงียบเหงาเพราะการจากไปของพวกเขาทั้งสามคน องค์รัชทายาทและเหล่าเสนาบดียังคงครื้นเครงในยามค่ำคืน หมกมุ่นอยู่กับการเอาชนะใจผู้คน คนเหล่านี้ไม่ได้ทิ้งชีวิตอันหรูหราเพราะการจากไปของพวกเขา
หลังจากซีหลิงเทียนเหล่ยและหนานหลิงจิ่นฝานรู้ข่าวนี้แล้ว แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น……
ในที่สุดมันก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว พวกเขารอมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็รอมาถึงวันที่ทั้งสองจะลงมือกับเผ่าเสวียนเซียวกง พวกเขาไม่ได้เชื่อหลานจิ่วชิงจนสนิทใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ปล่อยโอกาสที่จะสร้างโชคลาภ
เผ่าเสวียนเซียวกงเปรียบเสมือนเนื้อชิ้นหนึ่ง มีพ่อค้าเนื้อจำนวนมากกำลังถือมีดเพื่อแล่มัน แน่นอนว่ามันไม่มีทางหนีชะตากรรมแห่งการแบ่งแยกครั้งนี้ได้ แม้ว่าจะมีคนจำนวนมากกำลังหันมีดเข้าใส่ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางได้เนื้อชิ้นใหญ่ไปครอง แต่รับรองได้เลยว่ามีเนื้อราคาถูกให้เลือก เช่นเดียวกับตระกูลหยุน
ทั้งสี่ประเทศถือมีดเข้าหาตระกูลหยุนในพร้อมกัน ตระกูลหยุนสำหรับทั้งสี่ประเทศก็เป็นเหมือนก้อนเนื้อ ตอนนี้เผ่าเสวียนเซียวกงสำหรับพวกเขาแล้วมันก็เช่นเดียวกัน หากตอนนี้ยังไม่ลงมือแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้สมอง
จักรพรรดิยอมหลับตาข้างหนึ่งให้กับการกระทำของเสด็จอาเก้า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเสด็จอาเก้าได้ทำการเก็บกวาดกองกำลังในพระราชวังของเขาไป ทำให้จักรพรรดิกลายเป็นผู้ทรงอำนาจเพียงหนึ่งเดียวในพระราชวัง จักรพรรดิคนไหนยอมลดทอนอำนาจตนเอง จักรพรรดิคนนั้นจะต้องทำการแก้แค้นหรือไม่ก็ทำตามแผนที่ได้วางไว้
แม้กล่าวว่าการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจไม่มีความเท่าเทียบ แต่การแลกเปลี่ยนทุกคนต้องรักษาสมดุลเป็นธรรมดา ไม่สามารถกินคนเดียวได้ เสด็จอาเก้าเก็บกองกำลังในตงหลิง จักรพรรดิวางใจและไม่สนว่าเขาจะระบายอารมณ์กับเผ่าเสวียนเซียวกงเช่นไร
ใช่ ระบายอารมณ์!
เสด็จอาเก้ากับเผ่าเสวียนเซียวกงมีความแค้นต่อกันงั้นหรือ?
มี เนื่องจากเซวียนเฟย ด้วยดอกบัวหิมะพันปีเพียงดอกเดียว เสด็จอาเก้าถึงกับต้องทำสงครามกับเผ่าเสวียนเซียวกง ประกอบกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคู่หมั้นเฟิ่งชิงเฉิน เซวียนเส้าฉีแห่งเผ่าเสวียนเซียวกง ทำให้ความขัดแย้งของเสด็จอาเก้ากับเผ่าเสวียนเซียวกงเพิ่มมากขึ้น
เสด็จอาเก้าไม่ได้ปิดบังความโกรธของตนเองเลยแม้แต่น้อย ความเย่อหยิ่งและบ้าคลั่งของเขาแสดงออกมาอย่างเต็มที่ เขาประกาศสงครามกับเผ่าเสวียนเซียวกงในฐานะผู้ถือไพ่เหนือกว่า ทำให้นายท่านน้อยไม่สามารถเข้าร่วมงานศพของแม่ทัพเฟิ่งและเฟิ่งฮูหยินได้ จึงต้องกลับพระราชวังก่อนกำหนด
สำหรับเรื่องนี้ จักรพรรดิรู้เองก็รู้ดี การกระทำของจักรพรรดิบ่งบอกว่าเขาสนับสนุนอยู่ห่างๆ
การดำรงอยู่ของเผ่าเสวียนเซียวกงถือเป็นภัยต่อจักรพรรดิ หากเสด็จอาเก้าและคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหวังร่วมมือกัน ถอนรากถอนโคนของเผ่าเสวียนเซียวกง หรือไม่ก็ทำให้เผ่าเสวียนเซียวกงเสียหายอย่างหนัก ถอนตัวจากยุทธจักร นั่นถือเป็นเรื่องดีสำหรับจักรพรรดิ
เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจากไป ไม่ว่าท้ายที่สุดใครจะเป็นผู้พ่ายแพ้ สำหรับจักรพรรดิแล้วเขาคือผู้ชนะคนสุดท้าย อย่าคิดว่ามีแค่ซีหลิงเทียนเหล่ยและหนานหลิงจิ่นฝานที่ต้องการผลประโยชน์จากครั้งนี้ จักรพรรดิเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
ในวันที่เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงออกเดินทาง จักรพรรดิออกคำสั่งลับให้นำทหารม้าสามหมื่นนายไปซุ่มอยู่ที่ตีนเขาของเผ่าเสวียนเซียวกง
การกระทำลับๆของจักรพรรดิ มีคนรู้ไม่มาก และไม่ได้ขัดขวางทุกคนที่คิดจะไขว่คว้าผลประโยชน์ในครั้งนี้ พวกเขาต่างตั้งตารอคอย รอการต่อสู้แห่งความต่างระหว่าง เสด็จอาเก้าหวังจิ่นหลิง กับเผ่าเสวียนเซียวกง
ตอนที่ทุกคนรู้ว่าทำไมยักษ์ใหญ่สองตนนี้ถึงสู้กัน พวกเขาต่างพากันเลื่อมใสในตัวของผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกง ผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกงให้กำเนิดบุตรสาวที่ดี นางไม่ได้แต่งงานออกไปสร้างปัญหาให้ครอบครัวอื่น แต่กลับสร้างปัญหาให้ครอบครัวของตนเอง
มีความสามารถในการพิพากษาเสด็จอาเก้าและคุณชายใหญ่ในพร้อมกัน ให้พวกเขาไปยังเผ่าเสวียนเซียวกงด้วยตัวเอง นี่ก็ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง คนธรรมดาไม่สามารถทำได้
เรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุทธจักรตอนนี้ก็คือเรื่องของเผ่าเสวียนเซียวกงกับเสด็จอาเก้า เรื่องการสงครามของคุณชายใหญ่ ต่อให้ไม่สามารถหยิบจับผลประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ได้ แต่แค่ได้มองก็ยังดี ยุทธจักรไม่เคยขาดแคลนผู้รักในการชื่นชมความสนุก
คนจำนวนมากกำลังจับจ้อง ว่าท้ายสุดแล้วจะเป็นเผ่าเสวียนเซียวกงผู้ทรงอำนาจเก่า หรือจะเป็นเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิง สองอัจฉริยะแห่งแผ่นดินที่ต้องพ่ายแพ้จนไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้