นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 735-2 มือสังหาร ข้าอยากสังหารเจ้าเท่านั้น
เฟิ่งชิงเฉินคิดจะโยนหลานอีหลินให้หวังจิ่นหลิง แต่นางรู้ที่ไหนว่าหวังจิ่นหลิงว่องไวกว่านางเสียอีก
“ไป!”
“ชิง……เฉินชิง ฝากแม่นางหลานกับเจ้าด้วย ข้าขอตัวก่อน”
ยะ ยะ ยะ……
ม้าของหวังจิ่นหลิงทะยานผ่านข้างกายของหลานอีหลินไป ไม่มีทีท่าว่าลดความเร็วเลยแม้แต่น้อย ไม่มีความสงสารหรือห่วงใย เท่านี้ก็รู้แล้วว่าหวังจิ่นหลิงรังเกียจหลานอีหลินมากแค่ไหน
เอาเถอะ หวังจิ่นหลิงคงไม่ได้เกลียดคนอย่างหลานอีหลิน เขาแค่เกลียดคำพูดของหลานอีหลินเท่านั้น เขาเกรงว่าหลานอีหลินจะทำให้เฟิ่งชิงเฉินพลอยเสียไปด้วย
เกิดมาครั้งหนึ่งมีคู่ชีวิตเพียงคนเดียวก็ยากมากแล้ว หากมีผัวสามเมียสี่ก็ไปตายเลยเสียดีกว่า หากผู้หญิงมีสามีมากกว่าหนึ่งคน แบบนั้นผู้ชายคนดังกล่าวจะต้องไร้ประโยชน์เพียงใด นี่เป็นเพียงการเหยียบย่ำความภาคภูมิใจของผู้ชายอย่างพวกเขา
หวังจิ่นหลิงรับไม่ได้จากก้นบึ้งของหัวใจ ต่อให้เขารู้ว่าเด็กบางคนต้องไปเป็นโสเพณีเพื่อเอาชีวิตรอด แต่เขาไม่มีทางเป็นอันขาด
คนอย่างเขาหวังจิ่นหลิงฆ่าได้แต่หยามไม่ได้
“อร๊าย……” หลานอีหลินถูกแรงออกตัวของม้ากระแทกจนล้มลงพื้น หันหลังกลับและล้มลงกับพื้นอย่างงดงามโดยท่าหงายหลังหน้ามองท้องฟ้า นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นไม่เคลื่อนไหว
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คิดจะลงจากม้าจะช่วยนาง แค่นั่งอยู่บนม้าและรอหลานอีหลินขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่รอตั้งนานหลานอีหลินก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว
“คงไม่ได้ตายไปแล้วใช่ไหม?” เฟิ่งชิงเฉินตกใจ รีบลงจากหลังม้าเพื่อลงไปตรวจสอบดู
ในวินาทีที่เฟิ่งชิงเฉินลงจากม้า ชายผู้แอบจ้องมองอยู่ตรงมุมในโรงน้ำชาเริ่มเคลื่อนไหว ดวงตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกแหลมคมขึ้นในทันที ทิ้งท่าทางอันซบเซาก่อนหน้านี้ และบินออกมาจากโรงน้ำชาในขณะเดียวกัน
“แม่นางหลาน?” เฟิ่งชิงเฉินลงจากหลังม้า เดินมาด้านข้างของหลานอีหลิน เตรียมจะคุกเข่าลงไปเพื่อตรวจสอบว่าหลานอีหลินตายไปแล้วหรือยัง แต่ในตอนนั้นเอง ไอสังหารอันเยือกเย็นแผ่ซ่านมาทางด้านหลัง ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินแข็งทื่อ “ใครกัน”
ไอสังหารอันเยือกเย็นเข้ามาใกล้เต็มที เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าจะหันกลับไปก็คงไม่ทัน อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ขนาดนี้แล้ว หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินเต้นมาถึงลำคอ หากนางไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้ นางจะต้องตายอย่างแน่นอน
บัดซบเอ๊ย!
เขาเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้ เลือกลงมือกับนางตอนที่เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงจากไปพอดี
เฟิ่งชิงเฉินแน่ใจมากว่าอีกฝ่ายสะกดรอยตามพวกเขามานานมากแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่พบโอกาสที่เหมาะเจาะขนาดนี้ คนผู้นี้สุดยอดมาก สามารถปกปิดลมหายใจของตนเองได้โดยตลอดทางที่ผ่านมาพวกเขาสัมผัสไม่ได้แม้แต่น้อย
ดาบเข้ามาสัมผัสกับผิวหนังแล้ว เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาลังเล เหลือบตามองหลานอีหลินที่นอนอยู่บนพื้น เฟิ่งชิงเฉินไม่คิดมากอีกต่อไป นางหมอบลงกับพื้นโดยตรง คว่ำหน้าลงบนร่างของหลานอีหลิน ใช้การเคลื่อนไหวนี้เพื่อหลบการโจมตี
“อร๊าย……”
เฟิ่งชิงเฉินล้มทับร่างของหลานอีหลินที่นอนอยู่บนพื้น ทับอีกฝ่ายจนแทบอาเจียนออกมา หลานอีหลินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แขนและขาทั้งสี่ตั้งขึ้นและร่วงหล่นลงพื้นอีกครั้ง
ตุบ……แม่นางผู้นี้ยังไม่ตาย
ไม่ปล่อยโอกาสให้เฟิ่งชิงเฉินได้ใช้ความคิด การโจมตีแรกพลาดเป้า อีกฝ่ายจึงรีบเหวี่ยงดาบเข้าหาเฟิ่งชิงเฉินอีกครั้ง เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่สนใจชีวิตของหลานอีหลินแล้ว วางมือทั้งสองข้างลงบนพื้น กลิ้งบนร่างของหลานอีหลินเพื่อหลบการโจมตี
นางหลบการโจมตีได้ แต่คนน่าสงสารกลับกลายเป็นหลานอีหลิน ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินหลบคมดาบ คมดาบที่จะทิ่มแทงนางในตอนแรกก็แทงเข้าไปยังร่างของหลานอีหลิน
“เชือก…..”
เลือดอุ่นพุ่งออกมา เปื้อนไปทั่วเสื้อผ้าของเฟิ่งชิงเฉิน กลิ่นเลือดที่คุ้นเคยทำให้ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินดูตึงเครียด เฟิ่งชิงเฉินอยากจะลุกขึ้นมา แต่อีกฝ่ายไม่ปล่อยโอกาสให้นาง แทงเข้ามาด้วยดาบครั้งแล้วครั้งเล่า เฟิ่งชิงเฉินทำได้เพียงหลบการโจมตีต่อไป ร่างเนื้อของหลานอีหลินถูกนางกดเอาไว้ จากนั้นก็ใช้เป็นโล่กำบังอีกครั้งหากใช้งานมากไปกว่านี้เกรงว่าชีวิตดวงน้อยของนางคงไม่ต่างอะไรกับของเล่น
มือสังหารผู้นี้มาเพื่อจัดการนาง นางใช้หลานอีหลินป้องกันการโจมตีไปแล้วถึงสองครั้ง จะทำอะไรที่มากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เฟิ่งชิงเฉินกลิ้งตัวออกมาสองสามรอบ เป็นอย่างที่คิด มือสังหารละทิ้งหลานอีหลินและไล่ตามเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินหาโอกาสลุกขึ้นไม่เจอ แต่นางมีโอกาสที่จะหยิบปืนออกมา
ขอบคุณพระเจ้า หลังจากนางใช้มันในโรงน้ำชา โชคดีที่นางเก็บมันไว้ในอ้อมแขน ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงนำมันออกมาไม่ทัน
แฮ่ม แฮ่ม……หากเฟิ่งชิงเฉินรู้ว่ามือสังหารผู้นี้รู้ตัวตนของนางเนื่องจากนางใช้ปืน ไม่รู้ว่าจะยังรู้สึกขอบคุณพระเจ้าอยู่อีกหรือเปล่า
“ปัง……ปัง……” ด้วยเวลาที่เร่งรีบ เฟิ่งชิงเฉินไม่มีเวลามาเล็ง ทำได้เพียงยิ่งมั่วออกไป
“นี่คือสมบัติที่เจ้ามีไว้ใช้ป้องกันตัวอย่างนั้นหรือ? น่าขันเป็นบ้า” ดูเหมือนว่ามือสังหารจะเข้าใจถึงกระบวนการทำงานของลูกกระสุน ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินยิงออกไป เขาแค่ก้าวออกไปเพียงก้าวเดียวก็สามารถหลบวิถีกระสุนได้ ไม่เพียงแค่นั้น เขายังสามารถใช้มือจับลูกกระสุนไว้ได้อีกหนึ่งลูก
ฉวยโอกาสที่มือสังหารยังไม่โจมตีเข้ามา เฟิ่งชิงเฉินรีบหนีออกห่างพร้อมกับลุกขึ้นยืนในเวลาเดียวกัน ร่างกายของนางเต็มไปด้วยโคลนและเลือด ผมกระเซอะกระเซิง รับรู้ได้ทันทีว่าเฟิ่งชิงเฉินจนตรอกมากแค่ไหน ในตอนนี้ถูกมือสังหารไล่ต้อนจนดูไม่ได้
ไม่ง่ายกว่าเฟิ่งชิงเฉินจะลุกขึ้นมายืนได้ เล็งปืนไปยังอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายกลับใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับลูกกระสุนเอาไว้ สังเกตมันอย่างละเอียด มือสังหารหมุนลูกกระสุนในมือ แววตาของเขาเผยให้เห็นไอเย็นที่แปลกประหลาด ใบหน้าสีขาวกลายเป็นสีแดงในทันที
ผู้ชายคนนี้……น่ากลัวมา
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เป็นตอนกลางวัน แต่ความรู้สึกมืดมนที่สัมผัสได้จากผู้ชายคนนี้นั้นเหมือนกับกำลังอยู่ในค่ำคืนอันมืดมิด ใบหน้าซีดเผือดที่ร้ายกาจประกอบกับรอยคล้ำรอบดวงตา และดวงตาสีแดงเลือด ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่านางกำลังเห็นผีในเวลากลางวัน หากหลานอีหลินยังมีสติอยู่ นางจะต้องพูดออกมาว่า ชายผู้นี้มีลักษณะเฉพาะเป็นอย่างมาก ไม่ต้องแต่งตัวหรือทำอะไรก็สามารถเล่นเป็นผีดูดเลือดได้
ชายผู้นี้น่ากลัวมาก ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่กลับทำให้นางรู้สึกว่ากำลังอยู่ในดงแห่งไอสังหาร มือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงเฉินจับปืนแน่น เล็งไปยังอีกฝ่าย ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย
เฟิ่งชิงเฉินยังไม่ได้กดไกยิง นางรู้ว่าต่อให้นางยิงออกไปก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ แม้อีกฝ่ายจะจ้องมองกระสุนลูกนั้นอยู่ตลอด แต่ก็ระมัดระวังนางอยู่เสมอ
ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน มือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงเฉินกุมปืนไว้แน่น ท่อนแขนยืดตรง ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ดูจากท่าทางคือนางกำลังจับปืนอย่างมั่นคง แต่บนฝ่ามือของนางมีเหงื่อไหลออกมา และกำลังร้องไห้อยู่ในใจ
เสด็จอาเก้า หวังจิ่นหลิง พวกเจ้าสองคนกลับมาสักคนหนึ่งได้ไหม เจ้าพวกบ้า……พวกเจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้ายังไม่ได้ตามไป
บ้าที่สุด ต่อให้ข้ามีอาวุธที่สามารถป้องกันตัวเองได้ แต่ก็จะวางใจทิ้งข้าเอาไว้แบบนี้ไม่ได้
เมื่อเวลาผ่านไป เฟิ่งชิงเฉินเริ่มรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ มือสังหารที่อยู่ตรงหน้าของนางนั้นไม่ธรรมดา นางจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเคยพบกับคนผู้นี้ระหว่างการเดินทาง และคนผู้นี้……
ก็เห็นอยู่ว่าข้างกายของนางยังมีเพื่อนอยู่อีกคนหนึ่ง แต่กลับไม่ได้รีบเร่งในการสังหารนาง แถมยังยืนมองลูกกระสุนอย่างสำราญใจ เมื่อมองดูคนผู้นี้ เขาไม่ได้มีความมั่นใจ แต่เขาเป็นคนบ้าระห่ำ เขาคิดว่าต่อให้เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงกลับมา ก็ไม่มีทางช่วยนางไปจากเนื้อมือของเขาได้
ติ๊ง ติ๊ง……เหนื่อยไหลลงมาจากบนขมับ หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ชายผู้นั้นยังคงไม่เคลื่อนไหว
ฮู้ว……เฟิ่งชิงเฉินแอบถอนหายใจและเตือนตัวเองให้ใจเย็นลง ยิ่งถ่วงเวลาได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีกับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น นางทำได้แค่รอ รอให้พวกของเสด็จอาเก้ากลับมา จากนั้นทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง
คิดถึงจุดนี้เฟิ่งชิงเฉินผ่อนคลายลง แต่ในตอนที่นางผ่อนคลาย อีกฝ่ายก็ยกดาบขึ้น ชี้มาทางเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้เฟิ่งชิงเฉินตกใจและเหนี่ยวไกเบา ๆ แต่มือสังหารก็ยังไม่เคลื่อนไหว กลับพูดออกมาว่า “อาวุธลับของเจ้าช่างสวยงามเหลือเกิน ถือเป็นอาวุธลับที่สวยที่สุดที่ข้าเคยเห็น”
คำพูดนี้เป็นคำชมเชยอย่างแน่นอน เฟิ่งชิงเฉินรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายพูดออกมาจากใจ เฟิ่งชิงเฉินดึงรอยยิ้มอันแข็งทื่อออกมาและพยักหน้าอย่างเย่อหยิ่ง “ขอบคุณสำหรับคำชม”
เห็นได้ชัดว่ามือสังหารคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะตอบกลับมาเช่นนี้ เหลือตามองมาที่นางด้วยความสงสัย จากนั้นก็พูดความต้องการของตนเองออกมา “มอบอาวุธลับนี้ให้ข้า แล้วข้าจะปล่อยเจ้า”
“อะไรนะ? เจ้าต้องการอาวุธลับที่อยู่ในมือข้า? ที่เจ้าจะสังหารข้าเมื่อครู่ คงไม่ใช่เพราะว่าอาวุธลับในมือของข้าใช่ไหม?” หากเป็นเช่นนั้น เฟิ่งชิงเฉินคงอยากจะเอาหัวไปโขกกำแพงตาย
นี่คือการตกเป็นเหยื่อเพราะสมบัติที่ครอบครอง เป็นแค่การปล้น!