นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 736 ความทะเยอทะยานของตระกูลชุย
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 736 ความทะเยอทะยานของตระกูลชุย
การปรากฏตัวพร้อมกับข่าวสารอันรุนแรงของโจ่วอัน ทำให้พวกเขาเตรียมตัวได้อย่างเต็มที่ อีกฝ่ายไม่ได้อ่อนแอ
อีกฝ่ายไม่สับสนในกลอุบายของพวกเขา ใช้เงินจำนวนมากเพื่อจ้างมือสังหารมาตามหาร่องรอยของพวกเขา ต้องบอกเลยว่าอีกฝ่ายฉลาดมาก และร่ำรวยเป็นอย่างมากด้วย
ทั้งสามคนไม่ได้เอ้อระเหยเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ข่าวที่พวกเขาได้รับจากโจ่วอัน มันทำให้พวกเขาต้องตระหนักเป็นอย่างมาก
เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงไม่ได้ออกเดินทางต่อ แต่หาสถานที่หยุดพักแทน
พวกเขาต้องการสืบให้รู้เรื่องว่าใครคือคนร้ายผู้ซึ่งยอมจ่ายถึงสองแสนแผ่นทองเพื่อเอาชีวิตของเฟิ่งชิงเฉิน
พวกเขาไม่ได้รับข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย โลกแห่งมือสังหารเกิดความโกลาหลมากถึงขนาดนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่รู้อะไรเลย?
บนแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่จะมีสักกี่คนที่มีเงินมากขนาดนี้ และจะมีสักกี่คนที่มีความแค้นต่อเฟิ่งชิงเฉิน ใช้แผ่นทองทั้งหมดเกือบสามแสนเพื่อแลกกับการเอาชีวิตของเฟิ่งชิงเฉิน
หากเป็นการกระทำของเผ่าเสวียนเซียวกง แบบนั้นเซวียนเส้าฉีจะไม่รู้ได้อย่างไร?
และหากไม่ใช่เผ่าเสวียนเซียวกง แล้วจะเป็นใคร?
คำถามมากมายทำให้เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น และซ่อนร่องรอยของตนเองให้ละเอียดขึ้นด้วย
อาการบาดเจ็บของหลานอีหลินไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย หลังทุกอย่างสงบลง เฟิ่งชิงเฉินเข้าไปจัดการบาดแผลภายนอกให้นางทันที และยังมีอาการบาดเจ็บภายในตอนที่ถูกนางกดทับ หรือก็คืออวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ หลังจัดการบาดแผลของหลานอีหลินเป็นอันเรียบร้อย เฟิ่งชิงเฉินถึงเริ่มทำแผลของตนเอง
บาดแผลของนางไม่ได้หนักหนาอะไร มันเป็นเพียงรอยขีดข่วนจากการกลิ้งไปกลิ้งมา แต่ในตอนที่พวกของเฟิ่งชิงเฉินสองคนทำแผลเสร็จ มันก็เป็นเวลาค่ำแล้ว นางกำลังยกน้ำสกปรกออกไปทิ้งด้านนอก เมื่อเปิดประตูออกมาก็เห็นเสด็จอาเก้ายืนอยู่หน้าประตู ร่างของเขาแฝงอยู่ในความมืด ทำให้มองไม่ถึงการแสดงออกของเขา
เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ด้านในประตู ถามออกมาด้วยความสงสัย “มีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”
นางรู้ว่าเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงยุ่งมาก ยุ่งกับการสืบเรื่องมือสังหาร ยุ่งกับการรวมกองกำลัง ตามเหตุแล้ว พวกเขาปลอมตัวเป็นคนของยุทธจักร ประกอบกับส่งให้ลูกน้องเตรียมการทุกอย่างให้ ทุกอย่างถูกทำอย่างละเอียดรอบคอบ การเดินทางของพวกเขาในครั้งไม่ควรจะถูกเปิดเผยโดยเร็วถึงจะถูก
เสด็จอาเก้าไม่ได้พูดอะไร รับอ่างไม้ในมือของเฟิ่งชิงเฉิน ทำราวกับว่ามันเป็นหยกอันล้ำค่า เดินออกไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม สาดน้ำที่อยู่ในอ่าง จากนั้นก็ถือมันเดินกลับมา การกระทำทั้งหมดนี้ท่าทางของเสด็จอาเก้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เขา……ราวกับว่าไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมา รับอ่างไม้จากมือของเสด็จอาเก้า จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเสด็จอาเก้าเหมือนกำลังรอให้เสด็จอาเก้าพูดอะไรอยู่
“แฮ่ม แฮ่ม……” เสด็จอาเก้ากระแอมออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ “ออกไปเดินเล่นด้านนอกกันเถิด”
หมู่บ้านชาวไร่ตอนกลางคืน บรรยากาศของมันเงียบสงบ ทั้งหมู่บ้านไร้ซึ่งเสียง ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายอย่างช่วยไม่ได้ เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า เดินออกมาพร้อมปิดประตู
ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันออกไป หวังจิ่นหลิงยืนอยู่หลังชายคา กุมขวดยาไว้ในมือ ถอนหายใจออกมา หันกลับเตรียมจากไป ขวดยาในมือถูกบีบจนแหลกละเอียด เป็นผงธุลีอยู่บนพื้น ไม่รู้ว่าเขาจะไปที่ไหน หรือจะไปทำอะไรใคร
เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินเดินไปตามแม่น้ำในหมู่บ้าน หลังจากที่เดินมาเป็นเวลานานเฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกหนาว เสด็จอาเก้าถึงพูดออกมาว่า “ขอโทษด้วยสำหรับเรื่องในวันนี้”
การที่จะให้เขาพูดขอโทษออกมา มันคือการท้าทายอย่างไม่ต้องสงสัย อย่าว่าแต่เสด็จอาเก้าเลย เฟิ่งชิงเฉินเองก็ตกใจเช่นกัน มองไปยังเสด็จอาเก้าด้วยความแปลกใจ แต่น่าเสียดายที่ท้องฟ้ามืด ทำให้มองไม่เห็นท่าทีของเสด็จอาเก้า
“ไม่เป็นอะไร ท่านอย่าไปใส่ใจ เรื่องในวันนี้เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ขนาดพวกเราปลอมตัวถึงขนาดนี้ยังถูกคนจับได้” เฟิ่งชิงเฉินโบกมืออย่างไม่คิดอะไร เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่ความผิดของเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิง
“อีกอย่าง ได้เจอกับเขาก็ถือเป็นเรื่องดี ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงยังไม่รู้ว่ามีคนยอมจ่ายเงินมหาศาลถึงขนาดนี้เพื่อแลกกับชีวิตข้า” เฟิ่งชิงเฉินเดินเตะก้อนหินข้างริมน้ำพร้อมกล่าวออกมา เรื่องวันนี้ดูเหมือนนางจะไม่ได้ใส่ใจ แบบนี้……เสด็จอาเก้าจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ถูกมือสังหารทั้งโลกไล่ล่า ยังสามารถยิ้มออกมาได้ เฟิ่งชิงเฉินเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ไม่ว่าตัวตนจะมีความลับอันยิ่งใหญ่ต่อโลกแค่ไหนมันก็ไม่สำคัญ
“หลานอีหลิน ข้าจะรีบส่งนางกลับไปให้เร็วที่สุด จะให้นางตามไปกับพวกเราไม่ได้” เสด็จอาเก้าเลิกคิดที่จะค้นหาความเป็นมาของเฟิ่งชิงเฉินอย่างสมบูรณ์
คนแบบเฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางเหมือนกับหลี่เซี่ยงหรือหลานอีหลิน ผู้หญิงที่แปลกประหลาดเหล่านั้น เทียบไม่ได้กับเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย
“ไปส่ง? ส่งที่ไหน? นางเองก็น่าจะเป็นคนที่ถูกมือสังหารตามล่าอยู่ด้วย” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้มีความรู้สึกอันดีแต่อย่างใดกับหลานอีหลิน และก็ไม่ได้รังเกียจ แต่นางเป็นผู้หญิงไร้เดียงสาคนหนึ่ง หากพวกเขาทิ้งหลานอีหลินไป มีความเป็นไปได้สูงว่าหลานอีหลินจะต้องตาย
บนโลกอันโหดร้ายนี้ ไม่ใช่โลกที่เด็กผู้หญิงเพียงคนเดียวสามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง เด็กแบบหญิงแบบนั้นนาง ต่อให้ไม่ได้แซ่หลานก็อยู่ได้อีกไม่นานเหมือนกัน
“เมื่อกลางวันลองถามพวกที่มาจับตัวนางไป สามารถแน่ใจได้ว่านางหนีออกมาจากตระกูลชุย” ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เสด็จอาเก้าพบว่าเขาสามารถพูดคุยปรึกษากับเฟิ่งชิงเฉินได้แล้ว
“ตระกูลชุย? ตระกูลชุยซ่อนคนของตระกูลหลานของราชวงศ์ก่อนเอาไว้อย่างนั้นหรือ พวกเขาต้องการอะไร?” เฟิ่งชิงเฉินหยุดฝีเท้าอีกครั้ง หันมาถามเสด็จอาเก้า
คงไม่ได้เป็นอย่างที่นางคิดใช่ไหม? หากเป็นเช่นนั้น ตระกูลชุยช่างน่ากลัวเหลือเกิน ทะเยอทะยานยิ่งนัก
“หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น รอหลานอีหลินฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยถามนาง พยายามถามสิ่งที่มีประโยชน์ออกมาให้ได้มากที่สุด ข้าได้แจ้งไปทางตระกูลชุยแล้ว หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกสองวันคนของตระกูลชุยก็จะมารับนางไป” ตระกูลชุยให้ความสำคัญในตัวหลานอีหลินเป็นอย่างมาก ส่วนเพราะอะไร เสด็จอาเก้าก็พอจะเข้าใจ
ตระกูลชุยไม่มีทางยอมทุ่มเททุกอย่างให้กับคนของตระกูลหลาน แต่……หากเด็กสาวแซ่หลานคนนี้มีสายเลือดของตระกูลชุยอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง นั่นมันก็ไม่แน่
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า บ่งบอกว่าพร้อมรับภารกิจนี้
หลานอีหลินไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูดออกมา แต่พูดในสิ่งที่ตนเองต้องการ แต่สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินคิดไม่ถึงก็คือ……
หลังจากหลานอีหลินฟื้นขึ้นมาแล้ว นางราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูฉลาดและระมัดระวังตัวมากขึ้น เฟิ่งชิงเฉินลองใช้วิธีมากมายในการสอบถามเรื่องเกี่ยวกับตัวของนาง แต่นางตอบกลับมาอย่างชาญฉลาด พูดออกมาเพียงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าลึกเกินไปก็เปลี่ยนหัวข้อคำถามทันที
นางบอกว่าตนเองความจำเสื่อม ฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในจวนขนาดใหญ่ ไม่สามารถออกไปด้านนอกได้ นางเป็นคนหนีออกมา และเมื่อถามว่าทำไมถึงหนีออกมา นางก็พูดวกไปวนมา ตอบไม่ตรงคำถาม แทบไม่พูดเรื่องของตระกูลชุยสักคำ ดูจากท่าทางนางดื้อรั้นต่อตระกูลชุยเป็นอย่างมาก
เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเด็กคนนี้เติบโตขึ้นจากสถานการณ์ที่ผ่านมาไม่น้อย และเข้าใจถึงความเป็นจริงบนโลกใบนี้ สมองของนางปราดเปรียว แหลมคมไม่แพ้อาวุธมีดในมือของศัตรู
ถามมาตั้งนาน ไม่ต้องอะไรกลับไปเลย เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจว่าหลานอีหลินคิดว่าพวกเขารู้ถึงตัวตนของนางแล้ว ดังนั้นจึงพูดคุยกับหลานอีหลินแต่โดยดี บอกให้นางฟักผ่อนให้เต็มที่ ไม่นานตระกูลชุยก็จะมาพาตัวนางกลับไป
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้กระทบจุดอ่อนของหลานอีหลิน เมื่อนางถึงตระกูลชุย หลานอีหลินก็ไม่แสร้งทำเป็นเจ็บปวดอีกต่อไป มองมาที่นางด้วยดวงตากลมโต “พวกเจ้ารู้แล้วหรือว่าข้ามาจากที่ไหน?”
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า “ใช่ คนของตระกูลชุยกำลังมา พรุ่งนี้จะมาพาตัวเจ้ากลับไป”
หลานอีหลินรับคำพูดที่ได้ยินไม่ไหว ร่างของนางทรุดลง กอดเฟิ่งชิงเฉินและร้องไห้ออกมา “ไม่ ไม่เอา ข้าไม่อยากกลับไป ข้าจะไม่กลับไป พวกเจ้าอย่าไม่ต้องให้คนของตระกูลชุยมารับข้า ที่นั่นไม่ใช่บ้านของข้า พวกเขาไม่ใช่คนในครอบครัวของข้า
ข้าไม่อยากกลับไปตระกูลชุย อย่าให้ข้าไปแต่งงานกับเจ้าอ้วนบ้านั่น อย่าให้ข้าไปมีลูกกับเขา เฉินชิง เฉินชิง เจ้าช่วยข้าด้วย อย่าส่งข้ากลับไป เจ้าเชื่อข้า ข้าสุดยอดมาก ข้าสามารถช่วยเจ้าทำเงินได้มากมาย ขอแค่พวกเจ้าอย่าส่งข้ากลับไปหาตระกูลชุย ข้าสัญญาว่าข้าจะเชื่อฟังคำสั่งของพวกเจ้าเป็นอย่างดี ข้าไม่อยากกลับตระกูลชุย ไม่อยากแต่งงานกับเจ้านั่น……”
เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าแผนการของนางได้ผล รีบนั่งลงและพูดปลอบใจหลานอีหลิน “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว แค่กลับไป พวกเขาไม่มีทางทำอะไรเจ้า ที่นั่นเป็นบ้านของเจ้า คนในครอบครัวของเจ้าอยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือไง?”
เฟิ่งชิงเฉินเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน แต่ไม่ว่าอย่างไรหลานอีหลินก็ไม่ฟัง นำมือของเฟิ่งชิงเฉินออก ไม่สนว่าบาดแผลของตนเองจะเป็นอย่างไร ร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่น “ไม่ ไม่ใช่ ที่นั่นไม่ใช่บ้านของข้า ข้าไม่มีทางกลับไป พวกเขาเลี้ยงดูข้าเหมือนสัตว์เลี้ยง ทุกวันข้าไม่สามารถขยับตัวได้เลย ทำอะไรก็ผิดไปหมด บางครั้งพวกเขาไม่พอใจก็ไม่ให้ข้าวข้ากิน แถมยังจะให้ข้าไปแต่งงานกับเจ้าอ้วนบ้านั่นอีก ต้องการให้ข้ามีลูกกับเขา หลังจากนั้นก็กำจัดข้าทิ้ง
ฮือ ฮือ ฮือ……พวกเขาน่ากลัวมาก ข้ายังมีน้องชายอยู่อีกคนหนึ่ง แต่เขาโง่มาก สมองช้า อายุสิบกว่าปีแล้วยังพูดไม่ได้ ทุกวันทำได้แค่นั่งมองคนอื่น คนอื่นให้กินอะไรก็กิน ข้าได้ยินพวกเขาคุยกันว่า ตอนนี้เหลือแค่ข้ากับน้องชายเพียงแค่สองคน คนอื่นตายไปหมดแล้ว มีแค่น้องชายงี่เง่าของข้าที่ชีวิตมาได้ แล้วก็ข้า…..แต่พวกเขาต้องการให้ข้าแต่งงาน ข้าไม่ต้องการแบบนั้น ก่อนหน้านั้นเจ้านั่นใช้ชีวิตสนุกไปวัน ๆ หลังจากข้ามา ข้าบอกไปแล้วว่าข้าไม่อยากแต่งงาน พวกเขาก็ยังไม่ปล่อยข้าไป ต้องการให้ข้าแต่งงานให้ได้
เฉินชิง เฉินชิง ที่นั่นไม่ใช่บ้านของข้า พวกเจ้าอย่าส่งข้ากลับไปจะได้ไหม? ข้าไม่อยากกลับไป พวกเขาน่ากลัวมาก น่ากลัวเหลือเกิน……
พูดถึงตรงนี้ เสียงร้องไห้ของหลานอีหลินก็ดังขึ้นมาจนสุดเสียง เฟิ่งชิงเฉินกอดนางไว้แน่น “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านอยู่ที่ไหน พวกท่านอยู่ที่ไหน พวกท่านรีบมาช่วยข้า ข้าจะไม่ทำตัวเหลวไหลอีกต่อไปแล้ว ข้าจะตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน พวกท่านอย่าทิ้งข้าไป ที่นี่มันน่ากลัวเหลือเกิน……ใครบอกว่านางเอกจะไม่ตาย พวกเขาต่างโกหกทั้งเพ เมื่อสักครู่ข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอด ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากลัวเหลือเกิน……ข้าไม่อยากกลับไปตระกูลชุย ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูก ไม่อยาก……”
คำพูดหลังจากนั้นหลานอีหลินไม่ทันได้พูดออกมา เฟิ่งชิงเฉินลงมือทำให้นางสลบไป
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว หากพูดออกมามากกว่านี้นางเกรงว่าตัวตนของหลานอีหลินคงถูกเปิดเผย ถึงเวลานั้นทุกคนคงลำบาก และเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่รู้ว่าถึงความผิดปกติของหลานอีหลิน จึงได้เตือนตระกูลชุยไปแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินวางหลานอีหลินลง ห่มผ้าให้นาง ลูบหน้าผากของนางเบา ๆ ถอนหายใจออกมา “เด็กน้อย เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าเป็นผู้หญิงต้องเข้มแข็ง และทุกอย่างจะดีเอง”
แม้นางรู้ว่าหลังจากหลานอีหลินกลับไปจะกลายเป็นของเล่นของตระกูลชุย ไม่ต้องพูดถึงหลานอีหลินที่เป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ต่อให้นางเข้าไปอยู่ในตระกูลชุยด้วยตัวเอง ก็คงทำแค่ปฏิบัติตามความต้องการของตระกูลชุย……
ตระกูลชุยทะเยอทะยานยิ่งนัก วิธีการที่ตระกูลชุยใช้กับราชวงศ์ก่อนอย่างตระกูลหลานช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
เลี้ยงดูทายาทของตระกูลหลานแห่งราชวงศ์ก่อนอย่างกับหมูกับหมา ผู้เป็นชายถูกสังหารทั้งหมด เหลือไว้แค่ผู้หญิงเพื่อให้แต่งงานกับคุณชายตระกูลชุย และให้กำเนิดบุตรแห่งตระกูลชุยที่มีสายเลือดของตระกูลหลาน
ครั้งนี้ที่ตระกูลชุยตัดสินใจเข้าร่วมแผ่นการของเผ่าเสวียนเซียวกงอย่างกะทันหันก็น่าจะเป็นเพราะต้องการตามหาตัวของหลานอีหลิน สุดท้ายคิดไม่ถึงเลยว่า หลานอีหลินจะตกมาอยู่ในมือของพวกเขา จึงทำให้พวกเขาพบเบาะแส……
แบบนี้ตระกูลชุยน่ากลัวเป็นอย่างมาก เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจเป็นแน่ว่า ตระกูลชุยคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา!