นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 743-2 สงครามเย็นดำเนินต่อไป
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 743-2 สงครามเย็นดำเนินต่อไป
เซวียนเฟยเกลียด เกลียดพ่อของนาง และเกลียดแม่ของนางด้วย หากนางเป็นลูกสาวของลู่อี่โม่ นางก็จะถูกทุกคนเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมราวกับไข่ในหิน กลายเป็นองค์หญิง เป็นที่ชื่นชอบขององค์ชายใหญ่ ไม่ใช่เฟิ่งชิงเฉิน
“เพราะอะไร เพราะอะไรข้าถึงไม่ใช่ลูกสาวของลู่อี่โม่ ไม่จริง ไม่จริง แม่ของข้าคือลู่อี่โม่ พวกเจ้าปล่อยข้าออกไป ท่านพี่ ท่าปล่อยข้าออกไป” นี่คือสิ่งที่เซวียนเฟยพูดในทุกวัน และสิ่งที่ผู้นำคนเก่าพูดในทุกวันก็คือ “เพราะอะไร เพราะอะไร ทำไมเจ้าไม่ใช่อี่โม่”
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ว่าตอนนี้ลู่อีหรานจะเป็นบ้าไปแล้วหรือไม่ แต่สุดท้ายอีกไม่นานนางก็ต้องเป็นบ้าอยู่ดี
มีเพียงเซวียนเส้าเจี๋ยที่ต้องทนทุกข์ ไม่เพียงต้องดูแลแม่ซึ่งเป็นบ้า แต่ยังมีพ่อที่โหดร้ายและน้องสาวที่เสียสติ ชีวิตของครอบครัวสี่คนนี้ มันไม่ใช่ความวุ่นวายแบบธรรมดา
ต่อมาหลังจากนั้น ผู้นำคนเก่าได้สติกลับคืนมา เขาเรียกองครักษ์ผู้หนึ่งเข้าไปบอกว่าอยากพบกับเฟิ่งชิงเฉิน
เซวียนเส้าฉีเข้ามาถามความเห็นของเฟิ่งชิงเฉิน แต่น่าเสียดาย เฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องการเห็นหน้าผู้นำคนเก่า แต่นางก็ยังไม่ลืมฝากข้อความผ่านเซวียนเส้าฉีไปว่า “หากเขาสามารถทำให้ลู่อีหรานยกเลิกสัญญาณการจ้างสังหารข้าได้ ข้าจะยอมพบกับท่าน”
ลู่อีหรานยอมนำทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลลู่เพื่อเอาชีวิตของหลานสาวตระกูลลู่ สองแสนแผ่นทองได้ถูกส่งไปยังดินแดนมือสังหารแล้ว ขอแค่มีคนทำสำเร็จ ก็สามารถไปรับรางวัลได้ทันที
นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ทำระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง แต่มันเป็นสัญญาณที่มีลักษณะเหมือนกับการล่าค่าหัว หากต้องการยกเลิกสัญญานี้ จะต้องนำสัญญาระหว่างลู่อีหรานกับโลกของมือสังหารออกมา แต่……
ลู่อีหรานได้กลืนกระดาษสัญญาณแผ่นนั้นไปแล้ว ตอนนี้……
เกรงว่าแม้แต่ตัวลู่อีหรานเองก็ไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ และหากสัญญาณไม่ถูกยุติ มันก็จะอยู่แบบนั้นตลอดไป และเฟิ่งชิงเฉินก็จะตกอยู่ในอันตราย ถูกตามล่าไปทั้งชีวิต
พวกเขาเชื่อเพียงตัวสัญญาไม่ใช่บุคคล นอกจากเฟิ่งชิงเฉินตาย ไม่อย่างนั้นสัญญาก็จะคงอยู่ตลอดไป เงื่อนไขที่เฟิ่งชิงเฉินเสนอออกมาครั้งนี้ มันก็แค่สร้างความลำบากใจให้แก่ผู้นำคนเก่า
และทำให้ผู้นำคนเก่ามีเรื่องอะไรให้ทำ สิ่งที่เขาต้องทำในทุกวันก็คือหาวิธีการข่มขู่ หลอกล่อให้ลู่อีหรานยกเลิกสัญญา ร่วมมือกับการแสดงของลู่อีหรานว่านางคือลู่อี่โม่ตัวจริง!
เฟิ่งชิงเฉินขี้เกียจเกินกว่าจะไปสนใจโศกนาฏกรรมของครอบครัวสี่คนนี้ ลู่อีหรานชดใช้นิ่งที่นางทำทุกอย่าง เซวียนเฟยเองชดใช้ในความเย่อหยิ่งและความโหดร้าย ส่วนผู้นำคนเก่ากับเซวียนเส้าเจี๋ย…..
พวกเขาเป็นเพียงเหยื่อของการแย่งชิงอำนาจ เซวียนเส้าฉีต้องการครองบัลลังก์ สองคนนี้ไม่มีทางมาขวางทางของเขาได้
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน เซวียนเส้าฉีสามารถควบคุมเผ่าเสวียนเซียวกงได้ และทั่วทั้งเผ่าเสวียนเซียวกงถูกชำระล้างโดยเซวียนเส้าฉี หากไม่ใช่เพราะปู้จิงหยุนได้รับข่าวมาก่อนหน้านี้ เกรงว่าเขาคงไม่สามารถหลีกหนีหายนะครั้งนี้ไปได้
เมื่อมองเผ่าเสวียนเซียวกงถูกควบคุมได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงถึงกับต้องพูดออกมาว่าเซวียนเส้าฉีเป็นคนแปลกประหลาด ปกติแล้วเขาดูเป็นคนสงบ แต่เมื่อลงมือเข้าจริงกลับโหดร้ายและแม่นยำเป็นอย่างมาก
แน่นอน ในตอนที่เซวียนเส้าฉีจัดการเผ่าเสวียนเซียวกง พวกเขาไม่ได้สร้างความวุ่นวายให้เซวียนเส้าฉีแต่อย่างใด แถมพวกเขายังให้ความช่วยเหลือเซวียนเส้าฉีไปไม่น้อย เนื่องจากตอนนี้พวกเขาเป็นพันธมิตรกัน
พวกเขาไม่คิดจะทำลายเผ่าเสวียนเซียวกงด้วยตัวเองอยู่แล้ว เนื่องจากราคามันสูงเกินไป พวกเขาไม่ต้องการเสียทหารจำนวนมาก และตอนนี้พวกเขาได้เห็นสถานที่อันตรายในเผ่าเสวียนเซียวกงทั้งหมดแล้ว เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงไม่อยากเอาทหารของตัวเองมาทิ้ง
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้นำของเผ่าเสวียนเซียวกงถึงไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ที่แท้……เผ่าเสวียนเซียวกงเป็นเมืองคุ้มกันชั้นยอด ยากจะโจมตี หากต้องการยกทัพมาตีเผ่าเสวียนเซียวกงจริง ความเสียหายที่จะได้รับมันคงไม่ใช่ธรรมดา
เผ่าเสวียนเซียวกงตั้งอยู่บนภูเขา ยกเว้นด้านหน้า อีกสามด้านเป็นหน้าผาทั้งหมด ด้านล่างของหน้าผามีหมอกหนามองเห็นได้ไม่ลึกเท่าไหร่ รู้แค่เพียงไม่ว่าคนตายหรือคนเป็น เมื่อถูกโยนลงไปแล้วก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
ใช่ ครั้งนี้เซวียนเส้าฉีชำระล้างเผ่าเสวียนเซียวกงด้วยโลหิต ร่างของผู้ที่ต่อต้านถูกโยนลงไปหน้าผาด้านล่าง ว่ากันว่านี่คือกฎของเผ่าเสวียนเซียวกง คนทรยศจะถูกโยนลงไปที่ก้นหน้าผา แต่นี่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว หน้าผาแห่งนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะเต็ม
หากคิดโจมตีเผ่าเสวียนเซียวกงก็คงยกทัพมาได้เพียงทางด้านหน้าเท่านั้น และการยกทัพมาด้านหน้า……คนของเผ่าเสวียนเซียวกงได้ขุดหลุมสร้างกับดักจำนวนมากไว้ตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นกองทัพทหารหรือยอดฝีมือ หากไม่มีคนนำทาง คิดจะรอดพ้นจากกับดักทั้งหมดก็คงไม่มีทาง
“โชคดีที่พวกเราไม่คิดจะทำลายเผ่าเสวียนเซียวกง ไม่อย่างนั้นครั้งนี้พวกเราคงต้องเสียเลือดเนื้อเป็นจำนวนมาก” หวังจิ่นหลิงมองแผ่นดินซึ่งเต็มไปด้วยกับดัก ถึงกับพูดออกมาเลยว่าบรรพบุรุษของเผ่าเสวียนเซียวกงนั้นช่างยิ่งใหญ่ เส้นทางเพียงไม่กี่พันเมตรแต่กลับทำเป็นสถานที่ฝังศพจำนวนนับไม่ถ้วน
“ข้าไม่เคยคิดจะโจมตีเผ่าเสวียนเซียวกงอยู่แล้ว” กับดักพวกนี้ ปู้จิงหยุนได้วาดแผนที่ส่งให้เขาตั้งนานแล้ว แต่เมื่อได้เห็นด้วยตาตนเองก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย
“เสด็จอาเก้าเปี่ยมล้นไปด้วยความสามารถ ฉลาดเหลือเกิน” หวังจิ่นหลิงกล่าวออกมาอย่างไม่จริงใจ น้ำเสียงมีแต่การประชดประชัน
ฉลาด? หากฉลาดจริง ผ่านมาเดือนกว่าแล้วทำไมถึงยังไม่ได้รับการยกโทษจากเฟิ่งชิงเฉิน
ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินยังคงเยือกเย็นต่อเสด็จอาเก้า นอกจากความเคารพแล้วมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เจ้าบอกว่าเจ้ามีความผิด แต่เจ้ากลับไม่สามารถแยกแยะว่าอะไรคือการกระทำตามมารยาทได้ นอกจากนี้ที่นี่คือเผ่าเสวียนเซียวกง และเสด็จอาเก้าไม่ต้องการให้เซวียนเส้าฉีรู้ว่าเขากับเฟิ่งชิงเฉินกำลังทำสงครามเย็นกันอยู่ ดังนั้น……
ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก อย่างน้อยหวังจิ่นหลิงก็รู้สึกได้ว่ามันแปลกประหลาดกว่าที่ผ่านมาก ราวกับเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินกำลังแข็งขันกันอยู่ว่าใครเยือกเย็นกว่าใคร และใครจะสุภาพกว่าใคร
แต่หวังจิ่นหลิงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าเสด็จอาเก้าจะต้องพ่ายแพ้ เรื่องจากช่วงนี้เฟิ่งชิงเฉินหลงใหลในกับดักและการศึกษาของเผ่าเสวียนเซียวกง
หลังจากเซวียนเส้าฉีรับรู้เรื่องนี้ นอกจากเขาจะไม่ขัดขวางแล้วเขายังสั่งให้คนพาเฟิ่งชิงเฉินไปเดินเที่ยวโดยรอบ ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินทำตามใจต้องการ ท่าทางของการไว้เนื้อเชื่อใจเช่นนี้ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
ต้องรู้ก่อนว่านางอยู่ฝั่งเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิง หากนางทำลายกับดักทั้งหมดในเผ่าเสวียนเซียวกง หรือไม่ก็นำข้อควรระวังเหล่านี้ไปบอกกับเสด็จอาเก้า ทำให้เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงสามารถหลบหลีกและเข้าตีได้
ได้ยินคำพูดนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน เซวียนเส้าฉียิ้มออกมา เขาไม่ได้พูดอะไร เขาดื่มด่ำกับการได้อยู่กับเฟิ่งชิงเฉินต่อไป จนกระทั่งถูกเฟิ่งชิงเฉินถามออกมา เซวียนเส้าฉีจึงกล่าวออกไปว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางทำเช่นนั้น”
ใช่ ไม่มีทาง……
เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางเป็นคนแบบนั้น นางไม่มีทางเอาความเชื่อใจของตนเองไปเอประโยชน์ให้กับชายสองคนนั้น และชายสองคนนั้นก็ไม่มีทางรับไว้
“ข้าไม่มีทางทำร้ายความเชื่อใจของเจ้า” ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเป็นสีแดงเล็กน้อย มองไปยังเซวียนเส้าฉีด้วยความแน่วแน่
ใช่ นางไม่มีทางขายเซวียนเส้าฉี นางแค่เพียงสนใจกับดักและกลไกต่าง ๆ เหล่านี้ แต่นางไม่ได้พูดอะไรในตอนแรก พูดเพียงว่านางต้องการเห็นโครงสร้างภายในของกับดักและกลไกเหล่านี้ เซวียนเส้าฉีไม่ได้ถามอะไร บอกความลับเกี่ยวกับกลไกและกับดักในเผ่าเสวียนเซียวกงให้นางฟัง ความเชื่อใจนี้ช่างหนักแน่น ทำให้คนรู้สึกซาบซึ้งเป็นธรรมดา
เมื่อเทียบกับเซวียนเส้าฉี เฟิ่งชิงเฉินสาปแช่งเสด็จอาเก้าออกมาว่า “เสด็จอาเก้า เจ้ามันคนระยำ”
เสด็จอาเก้าจ้องมองเฟิ่งชิงเฉินเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร
ขอแค่เฟิ่งชิงเฉินมีความสุข อย่าว่าแต่คนระยำเลย ต่อให้ดุด่าว่าเขาเป็นสัตว์เดรัจฉานเขาก็รับได้ แต่เมื่อเฟิ่งชิงเฉินด่าออกมาจบนางก็เดินจากไป ทิ้งเสด็จอาเก้าไว้เพียงลำพัง
หลังจากนั้น
เฟิ่งชิงเฉินทิ้งเสด็จอาเก้า หวังจิ่นหลิง และเซวียนเส้าฉีทั้งสามคนไป นอกจากกินข้าวและนอนหลับ นางเอาเวลาทั้งหมดไปอยู่กับกลไกและกับดัก ในตอนแรกชายทั้งสามกังวลว่านางจะไม่ทานข้าว ไม่หลับไม่นอน ไม่อยากให้นางหมกมุ่นอยู่กับมันทั้งวัน เพราะสภาพแบบนั้นมันเหมือนกับปลาที่ว่ายลงสู่ทะเล
ในตอนเริ่มแรก เหล่าผู้ที่ดูแลกลไกและกับดักไม่ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับนาง แต่หลังจากเข้ากันได้แล้ว พวกเขาพบว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เพียงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเท่านั้น แต่ยังมากด้วยสวรรค์ ทั้งวันพัวพันอยู่กับเฟิ่งชิงเฉิน รวมกลุ่มกันทะเลาะเรื่องแผ่นภาพกลไก แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับสนุกกับมัน
เฟิ่งชิงเฉินต่างจากผู้หญิงทั่วไป นางไม่ได้ชอบเล่นดนตรี วาดภาพ หรืออ่านหนังสือ นางชอบเรื่องพวกนี้ ชอบสนามรบ ชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสงคราม
ใช่ สงคราม เผ่าเสวียนเซียวกงจะชนะศึกใหญ่ในอีกไม่ช้า……