นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 751-1 มีเรื่อง ให้ข้าทำตัวเป็นอันธพาลกับเจ้าหรือ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 751-1 มีเรื่อง ให้ข้าทำตัวเป็นอันธพาลกับเจ้าหรือ
บูม……
รู้สึกชาตรงปลายหู ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินอ่อนระทวย นางร้องคร่ำครวญออกมาโดยไม่ตั้งใจ ใบหน้ากลายเป็นสีแดง จนกระทั่งนางได้สติกลับคืนมา ผลักเสด็จอาเก้าออกไปด้วยความโกรธและเขินอาย ต้องการออกจากอ้อมแขนของเขา แต่เสด็จอาเก้าไม่เปิดโอกาสนั้นให้นาง ไม่เพียงแค่ไม่ยอมปล่อย แต่ยังกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม
“ปล่อยข้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” เฟิ่งชิงเฉินดิ้นรนไม่ยอมหยุด ไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้แต่น้อย
มันน่าอายจริงๆ ที่ถูกกอดแบบนี้ ประกอบสิ่งที่เสด็จอาเก้ากระซิบข้างหูของนาง พฤติกรรมอันกำกวมนั้นทำให้ผู้คนอดเพ้อฝันไม่ได้
ภรรยาคนสวยอยู่ในอ้อมแขน มันช่างยั่วยุเหลือเกิน หากเขาไม่มีอารมณ์ตอบสนอง เขาก็คงไม่ต่างอะไรกับขันที แต่วันนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เสด็จอาเก้าจึงพูดออกไปด้วยความอึดอัดใจว่า “เจ้าช่างดื้อดึงเหลือเกิน เด็กดื้อ เด็กดื้อต้องถูกลงโทษ”
ปัง…..เสด็จอาเก้าตบบั้นท้ายของเฟิ่งชิงเฉินหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการลงโทษ
จากเสียงที่ชัดเจน สามารถมั่นใจได้ว่าฝ่ามือที่เสด็จอาเก้าตบลงไปบนบั้นท้ายของเฟิ่งชิงเฉินนั้นรุนแรงแค่ไหน เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแสบร้อนที่บั้นท้ายของนาง พูดออกมาด้วยความโกรธว่า “หลานจิ่วชิง เจ้ากล้าตีข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าคนสารเลว”
เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมาด้วยความโกรธและเขินอาย ตั้งแต่เกิดมาจนถึงทุกวันนี้ยังไม่เคยมีใครตีก้นของนางมาก่อน มันช่างน่าอับอายเหลือเกิน
นี่ไม่ใช่วิธีการที่ใช้สำหรับคนสนิท แต่มันก็เป็นอารมณ์โกรธอย่างแท้จริง การลงโทษด้วยการตีทำให้เฟิ่งชิงเฉินทั้งโกรธและอับอาย
“ข้าก็ไม่เคยเป็นสุภาพบุรุษมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เจ้าบอกว่าข้าเลว ข้าก็จะเลวให้ยิ่งกว่า นอกจากคำว่าเลวแล้ว เจ้ายังด่าคำอื่นเป็นอีกหรือไม่?” เสด็จอาเก้าไม่ได้ขอโทษกับสิ่งที่เขาทำลงไป แต่เขาตบลงไปอีกครั้ง
ครั้งนี้คือการลงโทษที่เฟิ่งชิงเฉินทำตัวเย็นชาใส่เขาในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขายอมรับว่าตนเองทำผิด แต่เขาขอโทษและรับปากเป็นอันเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินเองก็บอกว่าจะไม่สนใจ แต่ผลที่ออกมาคือ?
ผู้หญิงขี้น้อยใจ
ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น เรื่องตอนที่ตนเองอยู่หุบเขาไท่ลู่เก๋อ เขาก็ไม่ใส่ใจ
“เจ้า เจ้า เจ้า……ออกไป ออกไปให้ห่างจากข้า ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินกลายเป็นสีแดง ทุบตีเสด็จอาเก้าด้วยความรุนแรง
คนเลว เจ้าบ้า เจ้าคนต่ำช้า เฟิ่งชิงเฉินสาปแช่งเสด็จอาเก้าอยู่ในใจ
แต่ดูเหมือนว่าเสด็จอาเก้าจะไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะออกแรงมากแค่ไหน เขาก็ไม่เคลื่อนไหว จนกระทั่งเฟิ่งชิงเฉินทุบตีจนรู้สึกเหนื่อย ลดความเร็วในการทุบตีลง เสด็จอาเก้าถึงพูดขึ้นมาว่า “พอแล้วหรือยัง? หากยังไม่พอก็เชิญเลย ครั้งนี้ระบายความโกรธทั้งหมดของเจ้าออกมา เก็บความอึดอัดใจไว้กับตัวเองในทุกวัน ไม่กลัวจุกอกตายหรือไง”
“ข้ามีอะไรแบบนั้นเสียที่ไหน” เฟิ่งชิงเฉินพึมพำอย่างไม่พอใจ เสด็จอาเก้าจ้องมองนางแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อเห็นมือทั้งสองข้าของเฟิ่งชิงเฉินบนหน้าอกของเขาเริ่มสั่นไหว เสด็จอาเก้าจึงตีไปตรงมือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงเฉินเพื่อบ่งบอกว่าหยุดได้แล้ว นี่ทำให้เขาโกรธ เขาจึงลงโทษเฟิ่งชิงเฉินในทันที
“ปัง……” เสียงไม่ได้ดังมาก มันไม่สามารถหยุดความดื้อดึงของเฟิ่งชิงเฉินได้ ชั่วพริบตา เฟิ่งชิงเฉินอ้าปาก คิดจะกัดไปที่แขนของเสด็จอาเก้า แต่เมื่อเห็นท่าทางอันเคร่งขรึมของเสด็จอาเก้า นางก็หยุดการกระทำนั้น
หยุดเถอะ พอแค่นี้เถอะ อย่าไปเถียงกับผู้ชายใจแคบคนนี้เลย หากดื้อรั้นต่อไป เสด็จอาเก้าคงได้จับตนเองโยนออกไปแน่ นางไม่อยากเปลี่ยนผู้ชายคนใหม่ ดังนั้นถอยกลับมาสักก้าวมันจะเป็นการดีกับทั้งสองฝ่าย
ผู้หญิงฉลาดรู้จักการรุกและรับ นางรู้ดีว่าเสด็จอาเก้าใจกว้างมากพอที่จะให้อภัย
เฟิ่งชิงเฉินยอมแพ้ น้ำมูกไหล มือทั้งสองข้างจับไปบนเสื้อผ้าของเสด็จอาเก้า เคลื่อนไหวในอ้อมแขนของเขา หาตำแหน่งที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
เสด็จอาเก้าเห็นการเคลื่อนไหวของเฟิ่งชิงเฉินก็รู้ได้ทันทีว่านางยอมแพ้แล้ว อารมณ์ของเขาลดลงในที่สุด
ผู้หญิงคนนี้เข้าถึงการทรมาน
แต่เสด็จอาเก้านั้นดีใจเร็วเกินไป หลังเฟิ่งชิงเฉินหาตำแหน่งที่ผ่อนคลายได้แล้ว นางสั่งขี้มูกออกมา ทำให้น้ำมูกและน้ำลายของนางเปื้อนบนเสื้อผ้าของเขา
เอ่อ……สกปรก
หนังศีรษะของเสด็จอาเก้ารู้ด้านชา ใบหน้าของเขาย่นลง พยายามเป็นอย่างมากเพื่อจะไม่ผลักเฟิ่งชิงเฉินออกไป เขาบอกตนเองอยู่ในใจ นี่คือเฟิ่งชิงเฉิน นี่คือเฟิ่งชิงเฉิน แม้แต่น้ำลายของนางเขาเองก็เคยกินมาแล้ว ทำไมจะต้องมาใส่ใจเรื่องพวกนี้ด้วย
แต่นี่มันน้ำมูก?
เอาเถอะ คงทำได้แค่ปลอบใจตนเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และแน่นอนว่ามันคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย คุ้นชินกับมันก็เป็นเรื่องดี
ฮ่า ฮ่า……เมื่อเห็นร่างอันแข็งทื่อของเสด็จอาเก้า รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินสว่างและสดใสมากขึ้น
เจ้าบุกเข้ามาในห้องของข้า และยังมาตีก้นข้าอีก ข้าเกลียดจนแทบอยากจะฆ่าเจ้า
แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินเข้าใจเป็นอย่างดีว่าความอดทนของเสด็จอาเก้านั้นมีขีดจำกัด หลังจากหยอกล้อเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินก็นอนอยู่ในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็กล่าวออกไปว่า “อะไรคือการเก็บปัญหาไว้ในใจ เจ้าเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ทั้งตัวเต็มไปด้วยความลับ”
“เจ้าสามารถถามออกมาได้ ขอแค่เจ้าถามออกมา ข้าไม่มีทางปิดยังเจ้า” เฟิ่งชิงเฉินหยุดถูน้ำลายและน้ำมูกบนเสื้อผ้าของเขา ทำให้เสด็จอาเก้ารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
“ถาม? ถามอะไร?” เฟิ่งชิงเฉินเอียงศีรษะและครุ่นคิด
“ถามในสิ่งที่เจ้าอยากรู้” การแสดงออกของเสด็จอาเก้านั้นนิ่งสงบ แต่จิตใจของเขาตึงเครียด เขาไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะถามอะไร และคาดหวังในคำถามของเฟิ่งชิงเฉิน
แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากเฟิ่งชิงเฉินคิดอยู่พักใหญ่ เฟิ่งชิงเฉินก็ล้มเลิกความคิดนี้ โอบกอดไปที่เอวของเสด็จอาเก้า และกล่าวด้วยเสียงอู้อี้ “ช่างมันเถอะ ไม่ถามแล้ว ไม่รู้คงจะดีกว่า ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางทำร้ายข้า แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
นางมีเพียงแค่ชีวิตเดียว เสด็จอาเก้าไม่มีทางเอาชีวิตของนาง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“เจ้า เจ้าเด็กโง่” ความเฉลียวฉลาดทำให้คนเป็นทุกข์
เสด็จอาเก้ายื่นมือออกไปลูบบนศีรษะของเฟิ่งชิงเฉิน แววตาส่วนลึกของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ไม่รู้คงดีกว่า คนมากมายบนโลกเข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี หากเป็นไปได้ เขาเองก็เลือกที่จะไม่รู้อะไรเลยจะดีกว่า แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงต้องแบบรับภาระอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ไว้
“จริงอยู่ที่ข้าโง่ หากไม่โง่คงไม่ถูกเจ้าหลอกมาบนเตียงแบบนี้” เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้ายิ้มโดยไม่พูดอะไร เขายังคงลูบศีรษะของเฟิ่งชิงเฉินต่อไป จนตอนนี้ผมบนศีรษะของเฟิ่งชิงเฉินไม่ต่างอะไรกับรังนก
ทันทีที่เสด็จอาเก้าหยุดการเคลื่อนไหวของเขา เฟิ่งชิงเฉินก็ลุกขึ้นมาจากอ้อมแขนของเสด็จอาเก้า ผลักเขาออกไปและกล่าวออกมาว่า “พูดออกมาเถอะ เจ้ามีเรื่องอะไรจึงมาหาข้าคืนนี้?”
นั่งอยู่บนเตียง รู้สึกเจ็บตรงก้น เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นจากเตียงทันที ไม่สนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น ด่าเสด็จอาเก้าออกไป “คนเลว จะตีก็ดี แต่ทำไมต้องรุนแรงขนาดนี้ ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เจ็บก้นมาก
เฟิ่งชิงเฉินมองไปยังเสด็จอาเก้าด้วยความโกรธ และทำหน้ามุ่ยอย่างไม่รับได้ความเป็นธรรม
แฮ่ม แฮ่ม……หูของเสด็จอาเก้าเปลี่ยนเป็นสีแดง กระแอมออกมาด้วยความเขินอาย โบกมือไปทางเฟิ่งชิงเฉินและกล่าวว่า “มานี่ ข้าจะช่วยนวดให้เจ้า”
เอาเถอะ ตอนนี้เขาเองก็รู้สึกเสียใจ ไม่ได้เสียใจเพราะลงมือรุนแรงเกินไป แต่เสียในที่เมื่อสักครู่ไม่ได้ช่วยนวดให้เฟิ่งชิงเฉิน
“ออกไป เจ้ามันพวกอันธพาล……” ทำเรื่องร้ายแต่คิดจะเป็นคนดี ที่ไหนมันจะมีเรื่องดีขนาดนั้นอยู่ เฟิ่งชิงเฉินถอยไปด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการเข้าใกล้เสด็จอาเก้า
“อันธพาลงั้นหรือ? นี่เจ้ากำลังต้องการให้ข้าทำตัวเป็นอันธพาลกับเจ้าอย่างนั้นหรือ?” เสด็จอาเก้าขมวดคิ้วและลุกขึ้นยืนทันที ทำให้เฟิ่งชิงเฉินโกรธจนหน้าแดง
เฟิ่งชิงเฉินค้นพบด้วยความโศกเศร้า ไม่ว่าจะใช้มารยาหญิง หรือคำพูดในการทะเลาะกับฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าวิธีใดนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสด็จอาเก้า
เมื่อสูญเสียความกล้าหาญในการต่อสู้ เฟิ่งชิงเฉินก็ก้มหน้าลงและกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรง “พูดออกมาเถอะ เจ้ามาหาข้าคืนนี้มีเรื่องอะไรกันแน่ เจ้าอย่าพูดเป็นอันขาดว่ามาหาข้าเพื่อตีก้นข้า เพราะหากเจ้าพูดออกมาข้าก็ไม่มีทางเชื่อ”
นางไม่เชื่อว่าเสด็จอาเก้ามาที่นี่ในคืนนี้เพื่อเอาใจนางและคืนดีกับนาง เสด็จอาเก้าสามารถทำเช่นนั้นได้ตั้งนานแล้ว ทำไมต้องรอให้ถึงวันนี้……