นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 753-2 ไม่ยอมถอย เจ้าวางแผนประทุษร้ายผู้ร่วมมือ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 753-2 ไม่ยอมถอย เจ้าวางแผนประทุษร้ายผู้ร่วมมือ
แน่นอนใช้คำว่าโง่กับเซวียนเส้าฉีมันก็ออกจะดูมากเกินไปหน่อย แบบเซวียนเส้าฉีต้องเรียกว่าซื่อสัตย์ และซื่อตรง ที่ผ่านมาเสด็จอาเก้าชื่นชมในความเป็นสุภาพบุรุษของหวังจิ่นหลิงมาโดยตลอด ตอนนี้เขาเริ่มชื่นชมในความซื่อตรงของเซวียนเส้าฉี และในใจของเขาหวังว่าทั้งสองคนจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ความแข็งแกร่งของเผ่าเสวียนเซียวกงจะลดลงเป็นอย่างมาก ในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้จะยุ่งมาก และเขามีทหารสามหมื่นนาย ประกอบกับกลไกและกับดักของเผ่าเสวียนเซียวกง การกำจัดกองทัพทั้งหมดของฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่เรื่องยาก แน่นอนเพื่อความปลอดภัย เขาจะดึงเผ่าเสวียนเซียวกงเข้ามามีส่วนร่วม
“เผ่าเสวียนเซียวกงยังมีลูกศิษย์อีกจำนวนเท่าไหร่ที่สามารถออกไปสู้ได้” เสด็จอาเก้าไม่รู้จักคำว่าเกรงใจ เขาเอ่ยปากของความร่วมมือจากเซวียนเส้าฉี
เซวียนเส้าฉีมองมายังเสด็จอาเก้าด้วยใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความตกใจ “นี่เจ้าคิดจะกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามงั้นหรือ?”
หากไม่เป็นเช่นนั้นเสด็จอาเก้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาถามเขาว่ามีกองกำลังอีกเท่าไหร่ที่ยังสามารถสู้ได้ หรือมาถามเขาว่ามีศิษย์อีกกี่คนที่สามารถออกรบได้
คำพูดนี้ของเสด็จอาเก้าหมายความว่าให้เขาใช้กำลังทั้งหมดของเผ่าเสวียนเซียวกง การจ่ายในราคาสูงเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องทำลายฝ่ายตรงข้ามให้ไม่เหลือซาก
“ทำไม? ไม่ได้งั้นหรือ?”
เซวียนเส้าฉียอมรับว่าตนเองใจเต้นแรงเพราะคำพูดของเสด็จอาเก้า แต่ความจริงก็คือ “มันมีอะไรยาก”
เสด็จอาเก้าหัวเราะโดยไม่ส่งเสียง พูดออกมาอย่างเฉยเมย “เจ้าวังเซวียน เฟิ่งชิงเฉินสามารถกำจัดกองทัพของเจ้าได้ตั้งแต่อยู่ตรงตีนเขา แน่นอนว่าเจ้าเองก็สามารถกำจัดกองทัพของทั้งสามประเทศได้ที่ตีนเขาเช่นกัน”
เสด็จอาเก้าไม่ได้พูดว่า “พวกเรา” เขาพูดถึงเซวียนเส้าฉีเพียงแค่คนเดียว ซึ่งหมายความว่าชื่อเสียงและความดีความชอบทั้งหมดของการต่อสู้ในครั้งนี้เป็นของเซวียนเส้าฉีแต่เพียงผู้เดียว
แต่อย่าลืมไปว่าขณะที่ได้ชื่อเสียงมาก็จะได้ศัตรูกลับมาเช่นกัน แม้จะกล่าวว่าเผ่าเสวียนเซียวกงกับตงหลิง ซีหลิง และหนานหลิงเป็นศัตรูกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหมดหนทางในการคลี่คลาย หากแต่เผ่าเสวียนเซียวกงจัดการกองทัพอีกฝ่ายเพียงผู้เดียว แบบนั้นก็ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายไม่มีวันคลี่คลาย
เสด็จอาเก้ากำลังใช้ประโยชน์จากทุกคนจนถึงขีดสุด คำพูดเหล่านี้ปลุกเลือดในตัวให้พลุ่งพล่าน ง่ายที่จะทำให้คนเห็นด้วย แต่โชคดีที่เซวียนเส้าฉีไม่หมกมุ่นอยู่กับการเอาชนะจนมากเกินไป เมื่อได้ยินคำพูดของเสด็จอาเก้า เขาตั้งสติและใช้ความคิด คิดถึงข้อดีข้อเสียของการทำสงครามครั้งนี้
หวังจิ่นหลิงยิ้มโดยไม่พูดอะไร ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินดูน่าเกลียด ในใจของนางเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทนไม่ไหวจนต้องกล่าวออกมาว่า “แบบนี้จะดีอย่างนั้นหรือ? ทำลายกองทัพหนึ่งแสนนายของอีกฝ่ายจนสิ้นซาก แบบนั้นจะไม่เป็นการทำให้อีกฝ่ายโกรธอย่างนั้นหรือ? กองทัพหนึ่งแสนนายเผ่าเสวียนเซียวกงสามารถต้านทานไว้ได้ แต่สามแสนนาย? ห้าแสนนายเล่า? คิดว่าเผ่าเสวียนเซียวกงจะต้านทานไว้ได้อย่างนั้นหรือ?”
ต้องรู้ก่อนว่านี่คือการร่วมมือกันของสามประเทศ เผ่าเสวียนเซียวกงสามารถเปิดศึกกับประเทศใดประเทศหนึ่งได้ แต่ไม่มีทางเปิดศึกกับทั้งสามประเทศพร้อมกันได้ หากเป็นเช่นนั้น มันก็ถึงเวลาที่เผ่าเสวียนเซียวกงจะหายไปจากประวัติศาสตร์ของแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่
“ไม่ใช่หนึ่งแสน แค่สามหมื่น สำหรับเผ่าเสวียนเซียวกงอาจเป็นหนึ่งแสน แต่สำหรับพวกซีหลิงมีเพียงแค่สามเท่านั้น ซีหลิงเทียนเหล่ยกับหนานหลิงจิ่นฝานจะรู้สึกเจ็บใจเพราะทหารสามหมื่นนายอย่างนั้นหรือ อีกอย่างพวกเขาไม่มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายทหารจำนวนมากกว่านี้แล้ว ส่วนตงหลิง? ข้ารับประกันว่า หากตงหลิงยังมีข้าอยู่ ทหารของตงหลิงไม่มีวันบุกมายังเผ่าเสวียนเซียวกง” เสด็จอาเก้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยทหารแสนนายนี้มีชีวิตรอดกลับไป และเขายังให้คำสัญญาที่มีแต่จักรพรรดิแห่งตงหลิงเท่านั้นที่ทำได้
หลังจากการต่อสู้ครั้งผู้ที่ถูกโกรธเคืองไม่ใช่เซวียนเส้าฉีแต่เป็นหลานจิ่วชิง ต้องรู้ก่อนว่าซีหลิงเทียนเหล่ยและหนานหลิงจิ่นฝานถูกยุยงโดยหลานจิ่วชิงถึงยกทัพมายังเผ่าเสวียนเซียวกง สุดท้ายไม่เพียงไม่ได้ผลประโยชน์อะไร แต่ยังต้องสูญเสียทหารทั้งหมด ด้วยอารมณ์และนิสัยของสองคนนั้น พวกเขาจะต้องไปคิดบัญชีกับหลานจิ่วชิงอย่างแน่นอน
“แต่มันก็ยังอันตรายเกินไป อย่างลืมว่าซีหลิงเทียนเหล่ยเป็นองค์รัชทายาทแห่งซีหลิง หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย เขาจะต้องเป็นผู้ครอบครองบัลลังก์ แม้ตอนนี้เขายังไม่สามารถแก้แค้นได้ แต่เมื่อวันที่เขาได้ขึ้นครองบัลลังก์ การที่เขาจะยกทัพมาจัดการกับเผ่าเสวียนเซียวกงก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แบบนั้นเผ่าเสวียนเซียวกงจะทำอย่างไร?” เซวียนเส้าฉีไม่ได้กังวล แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับเป็นคนยกหัวข้อที่ควรเป็นกังวลขึ้นมา
บางครั้งการต่อสู้ก็อาศัยเพียงความบ้าคลั่งอย่างเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น การกำจัดทหารแสนนาย ผลลัพธ์ที่ได้นั้นหนักหนาเกินกว่าเผ่าเสวียนเซียวกงจะรับได้ เผ่าเสวียนเซียวกงไม่มีทางรับไหวอย่างแน่นอน
แต่กองทัพจำนวนแสนนายนี้ เสด็จอาเก้าไม่มีทางยอมปล่อยให้พวกเขาได้กลับไปอย่างแน่นอน เสด็จอาเก้าหันมาถามเฟิ่งชิงเฉินว่า “งั้นเจ้ามีความคิดอะไรที่ดีกว่านี้หรือไม่? ให้พวกเขาถอยทัพ? พวกเขาจะยอมอย่างนั้นหรือ?”
จะสู้กันหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ต่อให้เผ่าเสวียนเซียวกงจะถอยก็ถอยไม่ได้
“ไม่ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเกิดการต่อสู้ แต่จะให้เผ่าเสวียนเซียวกงรับผิดชอบคนเดียวไม่ได้” ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเบิกกว้าง จ้องมองไปยังเสด็จอาเก้าอย่างไม่ลดละ ต้องการบอกกับเสด็จอาเก้าอย่างแน่วแน่ว่า อย่าโยนความผิดทั้งหมดให้กับเซวียนเส้าฉีแต่เพียงผู้เดียว
“อ่า? งั้นจะสู้อย่างไร?” ด้วยท่าทางนี้ เสด็จอาเก้ายินดีที่จะถอยให้ก้าวหนึ่ง
“ก็สู้ตามที่เสด็จอาเก้ากล่าวไว้ในตอนแรก แต่ผลลัพธ์ของการต่อสู้ที่เกิดขึ้นจะไม่ตกอยู่ที่เผ่าเสวียนเซียวกงเพียงลำพัง แต่พวกเราทุกคนจะต้องรับผิดชอบ เสด็จอาเก้าเจ้าจะต้องร่วมมือกับเผ่าเสวียนเซียวกงจนถึงวินาทีสุดท้าย” แบกรับความโกรธของทั้งสามประเทศ จะปล่อยให้เซวียนเส้าฉีแบกรับคนเดียวได้อย่างไร เสด็จอาเก้าตีน้ำขุ่น แต่กลับต้องการเดินจากไปอย่างใสสะอาด มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ
หวังจิ่นหลิงและเซวียนเส้าฉีมองไปยังทั้งสองคนที่กำลังเผชิญหน้ากัน รอยยิ้มปรากฏออกมาอย่างกะทันหัน เมื่อเทียบกับเมื่อคืน ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินดูน่ารักกว่ามาก
โชคดีที่เฟิ่งชิงเฉินยังเป็นเฟิ่งชิงเฉิน นางไม่ได้หลงรักเสด็จอาเก้าหัวปักหัวปำจนลืมตาไม่ขึ้น มิฉะนั้นพวกเขาสองคนจะต้องเสียใจมาก แต่เมื่อทั้งสองคนมีความสุข เสด็จอาเก้าก็ไม่มีความสุข ขมวดคิ้วและถามออกมาว่า “เหตุผลคืออะไร?”
ใช่ เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงต้องการโจมตีเผ่าเสวียนเซียวกงอย่างอุกอาจ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ร่วมมือกับเผ่าเสวียนเซียวกงเพื่อโจมตีตงหลิง ซีหลิง และหนานหลิง นี่มันเรื่องอะไรกัน พูดออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ
แน่นอนจักรพรรดิแห่งตงหลิง ซีหลิงเทียนเหล่ยและหนานหลิงจิ่นฝานจะเชื่ออย่างแน่นอน แต่พวกเขาจะต้องเกลียดเสด็จอาเก้าอย่าสุดหัวใจ คิดว่านี่เป็นแผนการที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของเสด็จอาเก้าและเผ่าเสวียนเซียวกงเพื่อจัดการพวกเขา
“ฮูหยินแห่งผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกงคือน้าของข้า เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินยกหน้าผากขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์
ความงามเป็นรากเหง้าของความชั่วร้าย นางเฟิ่งชิงเฉินไม่รังเกียจที่จะถูกใส่ร้ายว่าเป็นนางมารร้าย เป็นเพราะนางเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงจึงยอมจำนน
อย่างไรก็ตามความขัดแย้งระหว่างนางกับซีหลิงเทียนเหล่ยและหนานหลิงจิ่นฝานได้เกิดขึ้นแล้ว ต่อให้มากกว่านี้นางก็ไม่กลัว
“มันก็ดูมากเกินไปหน่อย” เสด็จอาเก้ากระแอมออกมา เห็นสายตาแห่งการแจ้งเตือนของเฟิ่งชิงเฉิน เขาพูดออกอีกประโยคว่า “ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
แต่ว่าเขาจะต้องโชคร้ายมากกว่าเดิม หลานจิ่วชิงจำเป็นต้องแบกรับความแค้นของซีหลิงเทียนเหล่ยและหนานหลิงจิ่นฝาน และยังต้องเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหาของทั้งสามประเทศ เหตุผลทั้งหมดเพียงเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำให้เขาละทิ้งผลประโยชน์ทั้งหมด
เสด็จอาเก้าหัวโตขึ้นมาทันที และเขาต้องกลืนผลไม้รสขมผลนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว
“ในเมื่อเป็นไปได้ งั้นก็ตกลงเช่นนี้ ตอนนี้ก็ใกล้เวลา พวกเราเองก็ควรเริ่มลงมือ” เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางก็กลัวว่าเสด็จอาเก้าจะไม่เห็นด้วย หากเขาไม่เห็นด้วย แบบนั้นนางควรทำเช่นไร?
เสด็จอาเก้าพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ หันไปถามเซวียนเส้าฉีว่า “เจ้าวังเซวียนล่ะ? มีความเห็นอะไรหรือไม่?”
แม้บอกว่าการทำเช่นนี้เขาจะต้องแบกรับอันตรายมากที่สุด แต่หากปล่อยทหารห้าหมื่นนายนี้ไป แบบนั้นจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากกว่า
เมื่อคืนวานเซวียนเส้าฉีได้ใช้ทหารของเขาไปแล้ว แม่ทัพของซีหลิง ตงหลิงและหนานหลิงจะต้องรู้ว่าเขาร่วมมือกับเผ่าเสวียนเซียวกงตั้งแต่แรก หากปล่อยให้พวกเขามีชีวิตกลับไป ถึงเวลาคงมีเรื่องมากมายต้องถูกเปิดเผย
หลังจากชั่งน้ำหนักถึงข้อดีและข้อเสียแล้ว เสด็จอาเก้าทำได้เพียงเห็นด้วยกับความคิดของเฟิ่งชิงเฉิน แบกรับภาระนี้ไว้ส่วนหนึ่ง……