นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 774 ต่อกระดูก เสด็จอาเก้าจะเอาชีวิตข้าหรือ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 774 ต่อกระดูก เสด็จอาเก้าจะเอาชีวิตข้าหรือ
ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินถูกชาโดว์เหวี่ยงออกไป เสด็จอาเก้ามีโอกาสที่จะช่วยเหลือเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขาไม่ทำเช่นนั้น ให้เลือกระหว่างช่วยคนกับสังหารคน เขาเลือกสังหารมากกว่า
เสด็จอาเก้าปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินล้มลงไปกับพื้น แม้เขาจะรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ไร้ซึ่งความลังเล ฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของชาโดว์ล่าช้า เสด็จอาเก้าใช้ดาบแทงเข้าไปยังคอของชาโดว์ทันที
“เจ้า……” ชาโดว์ก้มหน้า มองดาบซึ่งแทงเข้ามายังลำคอของตนเอง คิดไม่ถึงว่าชีวิตของตนจะต้องมาจบลงด้วยเนื้อมือขอชายหนุ่มและหญิงสาวสองคนนี้
“ชาโดว์แห่งองครักษ์เสื้อแพรมันก็เท่านั้น ข้าเฝ้ารอการปรากฏตัวของผู้นำของพวกเจ้า” เสด็จอาเก้าบิดข้อมือของเขา ดาบในมือหมุนไปรอบด้าน ตัดคอของชาโดว์อย่างรุนแรง ทันทีที่ตาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายปิดลง หัวหลุดออกมา เสด็จอาเก้าดึงดาบขึ้น จากนั้นร่างของอีกฝ่ายก็ล้มลงบนพื้น
เสด็จอาเก้านำศีรษะของอีกฝ่ายกลับมา เขาไม่สนใจว่าชาโดว์จะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร คนตายไปแล้วจะมีหน้าตาอย่างไรมันก็ไม่สำคัญ
เสด็จอาเก้าเดินมาข้างกายของเฟิ่งชิงเฉิน โอบเอวของนาง อุ้มเฟิ่งชิงเฉินขึ้น เห็นรอยนิ้วบนคอของนาง ดวงตาของเสด็จอาเก้าเต็มไปด้วยความดุร้าย เขาหันกลับและเดินออกจากป่าทันที
เสด็จอาเก้ารู้ว่าตอนนี้กระท่อมไม้นั้นอันตรายมาก แต่เฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าจะอันตรายแค่ไหน เขาก็จำเป็นต้องไป เนื่องจากที่นั่นมือของที่เขาต้องการ
อุ้มเฟิ่งชิงเฉินกลับไปยังกระท่อมไม้ วางเฟิ่งชิงเฉินลงบนเตียง เสด็จอาเก้าไม่ได้ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเฟิ่งชิงเฉินในทันที แต่โน้มตัวไปข้างหน้า จัดผมและเช็ดหน้าให้เฟิ่งชิงเฉินอย่างระมัดระวัง ทำให้เห็นใบหน้าอันขาวซีดของเฟิ่งชิงเฉิน
เสด็จอาเก้าไม่รู้สึกเสียใจ หากให้ย้อนกลับไปอีกครั้งเขาก็ยังคงเลือกจะสังหารชาโดว์ แลกชีวิตของอีกฝ่ายด้วยการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยของตนเอง นี่ถือเป็นสิ่งซึ่งคุ้มค่า
เสด็จอาเก้าใช้มือลูบใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเดินมายังห้องครัว ขุดดินนำกล่องขนาดเล็กหนึ่งกล่องขึ้นมา ด้านในกล่องมียารักษาอาการบาดเจ็บที่เขาต้องการ
เมื่อนึกถึงสิ่งสกปรกบนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นตัดสินใจต้มน้ำร้อน
งานเช่นการจุดไฟและทำอาหารเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับเสด็จอาเก้า และเขาไม่ทำให้พรสวรรค์ของตนเองต้องเปล่าประโยชน์ ไฟยังไม่ทันติด มือของเสด็จอาเก้าก็เกิดบาดแผลเสียแล้ว ไม่ง่ายเลยว่าจะจุดไฟได้ และเนื่องจากไฟแรงเกินไป ทำให้เกือบไหม้คิ้วของเขา
ห้องครัวนี้อันตรายมาก เสด็จอาเก้าไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินทำเช่นไร ตนเองถึงไม่ได้รับบาดเจ็บ
หม้อน้ำขนาดใหญ่ เมื่อต้มเสร็จเสด็จอาเก้าก็ใช้หม้อขนาดเล็กแบ่งมา เสด็จอาเก้ายกน้ำร้อนอันล้ำค่าและยารักษากลับมายังกระท่อมไม้อีกครั้ง เขาถอดเสื้อผ้าของเฟิ่งชิงเฉินออกไป จากนั้นใช้น้ำร้อนเช็ดร่างกายของนาง ประคบตรงคอที่ฟกช้ำ การประคบด้วยน้ำร้อน หวังว่าจะบรรเทาอาการปวดได้บ้าง
นอกจากอาการบาดเจ็บตรงคอ เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รับบาดแผลที่เป็นอันตรายจุดอื่นบนร่างกาย เฟิ่งชิงเฉินรู้วิธีการปกป้องชีวิตของตนเองเป็นอย่างดี เมื่อตกลงมือจากที่สูง มีเพียงข้อมือเท่านั้นที่หัก ส่วนหลังและซี่โครงเป็นเพียงแค่แผลฟกช้ำเท่านั้น
สำหรับวิธีการต่อกระดูกเสด็จอาเก้าก็พอเป็นอยู่บ้าง แต่ทุกครั้งที่เขาทำคือการต่อกระดูกของตนเอง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาต่อกระดูกให้คนอื่น
เมื่อสัมผัสผิวอันเรียบเนียนและบอบบางของเฟิ่งชิงเฉิน ดวงตาของเสด็จอาเก้าไม่มีร่องรอยของเสน่หา มีเพียงความเจ็บปวดและทุกใจต่อการบาดเจ็บของเฟิ่งชิงเฉิน
ในความทรงจำของเสด็จอาเก้า เขาไม่เคยใช้ยาสลบก่อนต่อกระดูกมาก่อน ความเจ็บปวดในตอนต่อกระดูกสำหรับเขาแล้วมันไม่ได้อะไรเลย การต่อกระดูกจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา เขาจับมือของเฟิ่งชิงเฉิน “คลิก” เสียงเชื่อมต่อดังขึ้น
“อร๊าก……” เฟิ่งชิงเฉินซึ่งสลบไสลจากความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางกลับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตอนแรกลิ้นของนางได้รับบาดเจ็บ เฟิ่งชิงเฉินจึงปิดปากของตนเองมาโดยตลอด เพื่อเป็นการห้ามเลือด แต่ในตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินร้องออกมา เลือดจำนวนมากพุ่งออกมาจากปากของนาง ทำให้เปื้อนบนร่างกายของเสด็จอาเก้าและตัวนางเอง และเป็นการขยับบาดแผลที่ลิ้นของตัวนางเองด้วย
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเป็นอะไร?” เสด็จอาเก้ารีบพยุงเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมาทันที เช็ดเลือดตรงปากของเฟิ่งชิงเฉินอย่างต่อเนื่อง แต่เช็ดเท่าไหร่มันก็ไหลออกมาไม่ยอมหยุด
รอยยิ้มของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นางส่ายหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็อ้าปากของนางอีกครั้ง เพื่อบ่งบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ นางไม่อยากฆ่าตัวตาย ดังนั้นจึงไม่ได้กัดแรงมาก
ส่วนความเจ็บปวดจากการต่อกระดูก ไม่นานมันก็หาย แต่เหงื่อเย็นที่ไหลออกมาจากหน้าผากของนางนั้นไม่ยอมหยุด ทำให้ร่างกายของนางในตอนนี้มีอุณหภูมิลดลง รู้ได้เลยว่าอาการของนางนั้นยังไม่ดีขึ้น
“บาดเจ็บตรงลิ้น? ให้ข้าดูหน่อย” เสด็จอาเก้าเปิดปากของเฟิ่งชิงเฉิน ในปากของเฟิ่งชิงเฉินเป็นสีแดง มองอะไรไม่เห็น เสด็จอาเก้าจึงจิบน้ำและป้อนเข้าไปในปากของเฟิ่งชิงเฉินโดยการจูบ
หากลิ้นได้รับบาดเจ็บ การที่มีน้ำเข้าไปจะทำให้ความเจ็บปวดนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เสด็จอาเก้าใช้ปากของตนป้อนน้ำให้เฟิ่งชิงเฉินเพื่อหวังว่าเฟิ่งชิงเฉินจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้
น้ำถูกป้อนเข้าไปในปากของเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อบ้วนออกมายังคงกายเป็นสีแดง เสด็จอาเก้าทำแบบเดิมซ้ำอยู่หลายครั้ง แต่น้ำมันก็ยังคงเป็นสีแดงอยู่
เสด็จอาเก้าเข้าใจทันทีว่าลิ้นของเฟิ่งชิงเฉินนั้นได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างมาก แม้ว่าบาดแผลไม่ใหญ่ แต่เลือดนั้นไหลไม่ยอมหยุด เสด็จอาเก้าไม่ป้อนน้ำให้เฟิ่งชิงเฉินอีกต่อไป เขาป้อนยาห้ามเลือดให้นางแทน เพื่อทำการหยุดเลือดของเฟิ่งชิงเฉิน
ยาห้ามเลือดสัมผัสกับบาดแผล ประกอบกับแรงซึ่งเสด็จอาเก้าใช้ ร่างทั้งร่างของเฟิ่งชิงเฉินกระตุกด้วยความเจ็บปวด
นี่มันเป็นการช่วยคนเสียที่ไหน มันคือการทรมานชัด ๆ
ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินไร้เรี่ยวแรง เจ็บมือ เจ็บปาก เจ็บไปทั้งร่างกาย ถูกเสด็จอาเก้าทรมานเช่นนี้ยิ่งทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดจนแทบอยากตาย หากไม่ใช่เพราะนางไม่มีแรง นางคงผลักเสด็จอาเก้าออกไปตั้งนานแล้ว
เสด็จอาเก้าเห็นนางเป็นคนป่วยเสียที่ไหน เขาทำราวกับว่านางเป็นอาวุธทดลอง นางจะต้องเป็นคนแรงที่ถูกเสด็จอาเก้าช่วยชีวิตอย่างแน่นอน เนื่องจากเสด็จอาเก้าไม่มีการเบามือเลยสักนิด
ถูกทรมานอยู่นาน ในที่สุดเลือดตรงบาดแผลบนลิ้นของเฟิ่งชิงเฉินก็หยุดไหล เสด็จอาเก้าถอนหายใจด้วยความโล่งอก วางเฟิ่งชิงเฉินลง หาไม้สองสามท่อนเพื่อดามแขนที่หักของเฟิ่งชิงเฉิน หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฟิ่งชิงเฉินเป็นอันเรียบร้อย เสด็จอาเก้าไม่ได้พักผ่อน เขาช่วยประคบบาดแผลฟกช้ำด้านหลังของเฟิ่งชิงเฉินให้
การประคบจำเป็นต้องใช้แรง ซึ่งเสด็จอาเก้าไม่ใช่บัณฑิต เขาเป็นคนมือหนัก เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าตนเองมีความสามารถอันแข็งแกร่ง สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ แต่ภายใต้ความโหดเหี้ยมของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินพึมพำออกมาด้วยความเจ็บปวดจนแทบจะกัดลิ้นของตนเองอีกครั้ง
ถูกทรมานเช่นนั้นจนกระทั่งถึงรุ่งสาง ทั้งสองไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน แต่โชคดีที่สถานที่ที่พวกเขาเลือกนั้นอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน ไม่เช่นนั้นหากคนในหมู่บ้านได้ยินเสียงซึ่งดังจากกระท่อมของพวกเขาตลอดทั้งคืน คงถูกหัวเราะเยาะจนตาย
ฟ้าสว่าง แม้ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินยังคงได้รับบาดเจ็บ แต่พวกเขาจำเป็นต้องออกเดินทาง ชาโดว์และพวกที่มาลอบสังหารพวกเขา ผ่านมาหนึ่งคืนแล้วยังไม่กลับไป ทางด้านขององครักษ์เสื้อแพรจะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพวกเขา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาน่าจะส่งคนมาเพิ่มแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินยังคงอ่อนแอมาก เสด็จอาเก้าตัดสินใจแบกเฟิ่งชิงเฉินไว้บนหลัง สำหรับสิ่งของในกระท่อม เสด็จอาเก้าไม่คิดจะเก็บกวาดอยู่แล้ว หลังจากเขาจากไป แน่นอนว่าต้องเผากระท่อมหลังนี้
แต่พวกเขาประเมินความสามารถขององครักษ์เสื้อแพรต่ำเกินไป ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังเดินออกจากประตู พวกเขาก็ได้ยินเสียงเกือกม้า……
“พวกมันมาแล้ว ดูเหมือนว่าจะช้าไปก้าวหนึ่ง” เสด็จอาเก้ากลับเข้าไปในกระท่อม วางเฟิ่งชิงเฉินลงบนเตียง จูบไปบนริมฝีปากของนาง “พักผ่อนไปก่อน ข้าจะออกไปจัดการให้เร็วที่สุด”
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า หยิบมันออกมาและส่งให้เสด็จอาเก้า “เจ้าเอามันไปใช้”
“เจ้าเก็บไว้ป้องกันตัวเองเถิด” เสด็จอาเก้าไม่ได้รับมันไว้ นี่คือสิ่งของป้องกันตัวของเฟิ่งชิงเฉิน
“สภาพข้าในตอนนี้ไม่สามารถใช้มันได้ เจ้าเอามันไปเถิด รีบไปจัดการคนด้านนอก เจ้าน่าจะรู้ว่ามันใช้งานอย่างไร”
เสด็จอาเก้าคิดไปคิดมาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถือปืนเดินออกไปด้านนอก……
องครักษ์เสื้อแพรแห่งซีหลิง มันสมควรตาย!