นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 779 ข้าชอบที่เจ้าดูงุนงงเช่นนี้
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 779 ข้าชอบที่เจ้าดูงุนงงเช่นนี้
บทที่ 779 มือดำ ข้าชอบแบบที่เจ้าไม่รู้
ความจริงแตกต่างไปจากที่จั่วอั้นคิดอย่างสิ้นเชิง เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ถูกล้อมรอบด้วยองครักษ์เสื้อแพร ตรงกันข้าม องครักษ์เสื้อแพรตกอยู่ในการต่อสู้ที่ยากลำบาก
เพื่อที่จะจับเสด็จอาเก้าละฆ่าเฟิ่งชิงเฉินเพื่อเอารางวัล องครักษ์เสื้อแพรยอมแลกมากับสิ่งมหาศาล ครั้งนี้องครักษ์เสื้อแพรสามร้อยคนถูกส่งไปจับเสด็จอาเก้าละเฟิ่งชิงเฉิน แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่า……
เสด็จอาเก้าคิดแผนตอบโต้ไว้แล้ว ทันทีที่องครักษ์เสื้อแพรเคลื่อนไหว องครักษ์ลับของเสด็จอาเก้า และคนที่แอบโยกย้ายมาก็ลงมือทันที องครักษ์เสื้อแพรเหล่านี้อย่าว่าแต่พาเสด็จอาเก้าไปเลย หากพวกเขาหนีไปได้ก็นับว่าบุญแล้ว
“ให้ตายสิ” จั่วอั้นเข้าใจได้ทันที การที่เสด็จอาเก้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย ต้องขอบคุณเขาจริงๆ หากเขาไม่ได้ยืดเวลาให้เสด็จอาเก้าละเฟิ่งชิงเฉินไว้กว่าครึ่งเดือน สองคนนี้อย่าว่าแต่สามารถจัดการกับองครักษ์เสื้อแพรได้เลย การได้นอนหลับสบายก็ถือว่ายากแล้ว
ตนช่วยมากมายขนาดนี้ แต่อีกฝ่ายกลับขี้เหนียวเอาร่มชูชีพคืนไป เขาไม่เคยเห็นใครขี้เหนียวเช่นนี้มาก่อน
จั่วอั้นเพิกเฉยต่อทั้งสองฝ่ายในการต่อสู้อย่างดุเดือด เขาเดินไปยังทิศทางที่จะออกจากเมือง โชคดีที่มีม้าสองตัวอยู่บนถนนหลวง จั่วอั้นไม่แม้แต่จะคิด เขาก็ขึ้นม้าแล้วจากไป……
ถึงกระนั้นจั่วอั้นก็ไม่ได้รู้ว่าเสด็จอาเก้าตั้งใจทิ้งม้าตัวนี้ไว้ให้เขาโดยเฉพาะ เหตุผลที่มีม้าสองตัวก็เพื่อลดการป้องกันจากเขา เมื่อเขาเห็นม้าสองตัวในแวบแรก เขาก็ไม่ได้คิดว่าม้าทั้งสองตัวนี้ที่ปรากฏตัวขึ้นจะมีปัญหาใด
กุบๆๆ……จั่วอั้นควบม้าอย่างดุเดือด กีบม้าทิ้งรอยไว้ เขาตกหลุมพรางของเสด็จอาเก้าละเฟิ่งชิงเฉินโดยไม่ทันได้คิด
ในเวลานี้เฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้าซึ่งวางแผนต่อต้านจั่วอั้นไว้ ก็ไม่ได้มีความสุขเท่าที่พวกเขาคิด เพราะพวกเขาพบกับคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือ เห็นได้ชัดว่าคน ๆ นี้กำลังรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินจึงได้หยุดม้า
“ตงหลิงจิ่ว” คนที่เอ่ยนั้นสวมชุดเกราะและถือดาบขนาดใหญ่ไว้ในมือ หากไม่ใช่เพราะรังสีอันเยือกเย็นจากร่างกายของเขา มองไปคงดูเหมือนแม่ทัพที่มีชื่อเสียง
“จวงฮั่น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดขององครักษ์เสื้อแพร คาดมิถึงว่าเจ้าจะลงมือด้วยตนเอง” เสด็จอาเก้าได้ยินเสียงของอีกฝ่ายจึงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
แม้ว่าจุดประสงค์ของเขาคือการล่อลวงจวงฮั่นออกมา แต่เมื่อเขาเห็นอีกฝ่ายก็ยังตกใจอยู่มาก ดูเหมือนว่าฮ่องเต้ซีหลิงต้องการจับเขาทั้งเป็นจริงๆ
“เฉ้ง……” จวงฮั่นขยับดาบเล่มใหญ่ในมือปักลงกับพื้น “เจ้าฆ่าได้แม้กระทั่งชาโดว์ ข้าคงประเมินเจ้าต่ำเกินไป เสด็จอาเก้าแห่งตงหลิงมิใช่คนธรรมดา ต่อให้ข้ามาจัดการด้วยตนเอง ก็มิได้ถือว่าเสียศักดิ์ศรี”
ไม่ได้เป็นคนดีอะไรเลย แล้วยังแสร้งจะทำเป็นดี เฟิ่งชิงเฉินเม้มปากของนางอย่างเบื่อหน่าย แสดงออกว่านางไม่มีความรักชื่นชอบต่อจวงฮั่นแม้แต่น้อย ผู้นำขององครักษ์เสื้อแพรคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ หน้าหนากว่าคนธรรมดาหลายร้อยเท่า
เห็นได้ชัดว่าเสด็จอาเก้าไม่ชอบคนผู้นี้เช่นกัน เขาไม่ชอบจวงฮั่นเลยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาค่อยๆ ดึงดาบยาวที่เอวของตนออกมาและชี้ไปทางจวงฮั่น “ในเมื่อท่านจวงมาแล้ว เราอย่ารอช้า มาประลองกัน”
“ช่างเป็นน้ำเสียงที่ช่างเย่อหยิ่งเหลือเกินนะ เจ้าช่างเป็นคนใจกล้านัก” จวงฮั่นมีชุดเกราะคุมไว้ จึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา ทำได้เพียงฟังจากน้ำเสียงก็รู้ได้ว่าอารมณ์ไม่ดีนัก
คิดไปคิดว่าก็คงใช่ จวงฮั่นผู้มีชื่อเสียงมาตั้งแต่เนิ่นนาน เขาเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ที่เก่งที่สุดในซีหลิง
จวงฮั่นไม่สนใจพวกจอมยุทธ์ต่างๆ อันที่จริงพวกเขาล้วนเป็นขุนนาง ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเรื่องเหล่านั้น จวงฮั่นยกขาขึ้นเตะดาบเล่มใหญ่ข้างตัวเขาแล้วพุ่งเข้าหาเสด็จอาเก้า
เสด็จอาเก้ารู้จักความร้ายกาจของจวงฮั่นมาเนิ่นนานแล้ว เขาก็เตรียมพร้อมเช่นกัน ทันทีที่จวงฮั่นเคลื่อนไหว เสด็จอาเก้าก็พุ่งไปข้างหน้าและต่อสู้กับจวงฮั่นด้วยดาบของเขา
เช้งๆๆ ดาบเรียวยาวปะทะกับดาบของจวงฮั่น เกิดประกายไฟ เมื่อเสด็จอาเก้าขยับข้อมือ ดาบนั้นก็เลื่อนลงไปตามมือของจวงฮั่น และแทงตรงไปที่หัวใจของจวงฮั่นทันที
ใบหน้าของจวงฮั่นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาถอนมือออกเพื่อสกัดกั้น แต่ก็ทำได้เพียงปิดกั้นปลายดาบของเสด็จอาเก้าไว้ เขาผลักเสด็จอาเก้าออกไปอย่างแรง ทั้งม้าและเขาถอยออกไปหนึ่งก้าว
จวงฮั่นไม่เปิดโอกาสให้เสด็จอาเก้าได้หายใจ เขาก้มลงฟันไปที่ขาม้าด้วยดาบเล่มใหญ่ในมือ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เสด็จอาเก้าไม่เพียงไม่ล่าถอย เขากลับยกขาขึ้นควบม้าไปข้างหน้า
“ฉึบ……” จวงฮั่นฟันกีบหน้าของม้า ม้าจึงล้มลงไปข้างหน้าพุ่งตรงไปทางจวงฮั่น จวงฮั่นรีบถอย แต่เสด็จอาเก้าไม่ให้โอกาสเขาหนี เสด็จอาเก้าเบือนหน้าหนีลงจากหลังม้าแล้วกระโจนตามจวงฮั่นไป เมื่อม้าล้มลงไปข้างหน้า เสด็จอาเก้าก็เตะกลับ จวงฮั่นพุ่งไปข้างหน้าชนกับขาม้าจนหัก
เสียงดังลั่น ต่อให้จวงฮั่น จะสวมชุดเกราะ แต่ผลกระทบก็ไม่เบาและจวงฮั่น ก็สามารถรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจของเขาได้
ฉิบหาย
จวงฮั่นโกรธจัด เขาไม่คิดว่าเขาจะเสียเผปรียบเช่นนี้ในการต่อสู้ครั้งแรกกับเสด็จอาเก้า เขาโกรธมาก เขาเหวี่ยงดาบเล่มใหญ่ในมือและฟันไปที่ม้าซึ่งอยู่ข้างหน้าขาดครึ่ง เลือดกระฉูดไหลนองทันที เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าหนังศีรษะของนางเย็นวาบ
การขมวดคิ้วของนางดึงดูดความสนใจของจวงฮั่น จวงฮั่นมองเห็นเฟิ่งชิงเฉินที่อยู่ตรงหน้า มีแสงวาบเข้ามาในดวงตาของเขา จวงฮั่นไม่สนใจเสด็จอาเก้าที่ยืนอยู่ข้างหลัง เขาพุ่งเข้าหาเฟิ่งชิงเฉินรวดเร็วดั่งลม
ในระหว่างการสืบของช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จวงฮั่นเข้าใจเกี่ยวกับตำแหน่งของเฟิ่งชิงเฉินในหัวใจของเสด็จอาเก้าดี หากว่าจับกุมเฟิ่งชิงเฉินได้ เสด็จอาเก้าก็ไม่มีปัญหา
“ให้ตายสิ เจ้ารังแกข้า เพราะเจ้ารู้ว่าข้ามิเก่ง” สายตาอาฆาตพุ่งเข้าหาใบหน้านางและม้าที่อยู่ใต้ร่างของนางก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างกระสับกระส่าย เฟิ่งชิงเฉินไม่มีเวลาจะสนใจม้า นางจึงดึงเชือกให้มันหันหลังกลับ คิดจะหนี
หากนางสู้ไม่ได้ นางก็ต้องหนี!
“คิดจะหนีหรือ? ฝันไปเถอะ!” จวงฮั่นกระทืบเท้าอล้วกระโดดขึ้นไปในอากาศ ราวกับนกตัวใหญ่สยายปีก พุ่งเข้าหาเฟิ่งชิงเฉิน
เขารู้มาก่อนหน้าแล้วว่าเฟิ่งชิงเฉินเก่งเรื่องการซ่อนอาวุธ จวงฮั่นจึงจงใจปรากฏตัวในชุดนี้เพื่อป้องกันอาวุธที่ซ่อนอยู่ของเฟิ่งชิงเฉิน บัดนี้เฟิ่งชิงเฉินวิ่งหนีไปโดยไม่เหลียวหลัง เขามั่นใจมากว่าเขาเดินหมากถูกแล้ว แต่ว่า……
เขาลืมไปว่าเสด็จอาเก้าจะไม่อยู่เฉยแน่เมื่อเขาพุ่งไปหาเฟิ่งชิงเฉิน ทันทีที่จวงฮั่นกระโดดขึ้นไปในอากาศ เสด็จอาเก้าก็เคลื่อนไหวเช่นกัน
จวงฮั่นแค่สวมชุดเกราะไม่ใช่เหรอ เขาคิดจริงหรือว่าสามารถป้องกันกระสุนได้ ไม่ต้องพูดถึงกระสุน แม้แต่กรงเล็บเสือบินที่สามารถเจาะกำแพงได้ เสื้อผ้าของจวงฮั่นก็ไม่สามารถป้องกันพวกมันได้แล้ว
เมื่อเสด็จอาเก้ากดลงไปที่กรงเล็บพยัคฆ์บินบนข้อมือของเขา ก็ได้ยินเสียงหวีดร้อง แล้วกรงเล็บแหลมคมก็พุ่งตรงเข้าสะบักไหล่ของจวงฮั่น เสด็จอาเก้าดึงมันอย่างแรง จ้วงฮันหงายหลังตกลงมาจากอากาศ เขาล้มลงสู่พื้นเสียงดังสนั่น
เสด็จอาเก้าไม่อ่อนข้อให้ เขากดปุ่มดึงและลากจวงฮั่นไปข้างกายเขา ในเวลาเดียวกันก็พุ่งไปข้างหน้า จับที่คอของจวงฮั่นด้วยดาบอ่อนของเขา ดึงหมวกเหล็กบนใบหน้าของจวงฮั่นออก
จวงฮั่นเป็นคนที่มีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย ทันทีที่หมวกหลุดออกหัว จวงฮั่นก็หันกลับมาและกระโดดขึ้นจากพื้น เขาหันมือกลับไปต่อสู้ พยายามดิ้นให้หลุดจากเสด็จอาเก้า
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าดาบเล่มใหญ่จะเด้งกลับมา เส้นยึดติดที่อยู่ข้างหลังเขาไม่ขยับเลย ใบหน้าของจวงฮั่นเปลี่ยนไป เมื่อดาบยาวของเสด็จอาเก้าเข้ามาอีกครั้ง จ้วงฮันจับเส้นนั้นด้วยมือแล้วดึง เสียงดังฉึบ จ้วงฮันดึงกรงเล็บที่แหลมคมบนหลังของเขาออกมา
ลวดเหล็กบินผ่านมือของเขาอย่างรวดเร็ว ทิ้งบาดแผลที่ยังไม่ได้รักษาไว้บนฝ่ามือ ฉึบ…… กรงเล็บรูปสามเหลี่ยมคว่ำติดอยู่ที่มือของจวงฮั่น แทงมือของจวงฮั่นอย่างแรง เขารู้สึกเจ็บปวดและรีบปล่อยออกไป กรงเล็บนั้นบินเข้าไปในแขนเสื้อของเสด็จอาเก้า พร้อมกับเสียงหวด
“ชาวตงหลิงนั้นฉลาดแกมโกงจริงๆ ทำเรื่องน่าละอายได้เช่นนี้” น้ำเสียงของจวงฮั่นไม่ดีนัก หลังจากสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้
“ไม่เป็นไร หากมันได้ผล ข้าแค่ต้องการผล ตราบเท่าที่ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ จะหาว่าข้าใช้วิธีลับๆ ก็ไม่เป็นไร” เสด็จอาเก้า พูดอย่างไม่อยากเชื่อ เขายกมือซ้ายชี้ไปที่จวงฮั่น แล้วทำท่าทางไม่พอใจ
“ข้าแค่แกล้งเจ้า ท่านจวงไม่ตลกเลย มันน่าเบื่อยิ่งนัก” เสด็จอาเก้าพูดอย่างเย็นชา จวงฮั่นได้ยินดังนั้น ความโกรธที่ใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาก็แดงก่ำ
ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดขององครักษ์เสื้อแพร ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาเช่นนี้ นี่คือการยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด
จวงฮั่นโกรธมาก ไม่ว่าบาดแผลข้างหลังเขาจะยังมีเลือดไหลอยู่มากมายเพียงใด เขาก็ยกมีดขึ้นและพุ่งไปหาเสด็จอาเก้าอีกครั้ง ครั้งนี้จวงฮั่นใช้ท่าสังหารโดยตรงและดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจับเสด็จอาเก้าทั้งเป็น
สะเพร่าจริง
เสด็จอาเก้ามองจ้วงฮันอย่างดูถูกเหยียดหยามแล้วชักดาบออกมา แล้วแอบคิดอยู่ในใจ หากจวงฮั่นโกรธมาก ผลของยาอาจออกฤทธิ์เร็วขึ้น
ใช่แล้ว เฟิ่งชิงเฉินสัมผัสยาบนกรงเล็บของอาวุธ นางไม่ชอบใช้ยาทำร้ายผู้คน นางคิดว่ามันขัดต่อคำสอนของอาจารย์ แต่หลังจากที่จั่วอั้นถูกนำตัวไป เฟิ่งชิงเฉินก็ต้องใช้ความคิดเรื่องยา
ฝืนคำสอนดีกว่าตายตอนนี้ นางเป็นอย่างไรบ้าง นางเหมือนเดินอยู่บนขอบหน้าผา
นางไม่อยากตาย ดังนั้นคนที่ต้องการฆ่านางควรตาย…
เฟิ่งชิงเฉินถอยห่างออกไปหลายสิบเมตรเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ถูกจวงฮั่นจัดการอีก จากนั้นก็หยุด เมื่อหยุดแล้วก็ได้ยินเสียงเกือกม้าข้างหลัง เฟิ่งชิงเฉินยกไฟฉายขึ้นและกวาดไปที่ร่างนั้นซึ่งรู้ว่าเป็นใคร
จู่ๆ แสงจ้าก็ส่องมา ไม่ต้องพูดถึงจั่วอั้นแม้แต่ม้าที่อยู่ใต้ร่างของเขาก็ทนแสงกะทันหันนี้ไม่ได้ ม้าตกใจร้องและเกือบกระแทกจั่วอั้นจนเฟิ่งชิงเฉินปิดไฟฉาย มันจึงเงียบลง
จั่วอั้นไม่โกรธ หลังจากรู้สึกประหลาดใจ แต่รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น โดยคิดว่าการเดินทางของเขาคุ้มค่า
จั่วอั้นเร่งฝีเท้าไปข้างหน้ามาหาเฟิ่งชิงเฉิน และถามอย่างกระตือรือร้น “เฟิ่งชิงเฉิน สิ่งเรืองแสงที่เจ้าเพิ่งเอาออกมานั้นคืออะไร”
ในความมืด ดวงตาของจั่วอั้นลุกโชนราวกับขโมย หากเขาไม่รู้นิสัยใจคอของจั่วอั้นเฟิ่งชิงเฉิน คงจะสงสัยว่าเขาได้พบกับสิ่งลี้ลับ ดวงตาของจั่วอั้นนั้นน่ากลัว
เฟิ่งชิงเฉินฉลาด นางถอนความคิดอย่างรวดเร็ว เขย่าไฟฉายในมือของนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “เจ้าไม่รู้ว่านี่คืออะไร?”
น่าเสียดายที่จั่วอั้นซึ่งทุ่มเทพลังงานทั้งหมดให้กับไฟฉายกลับไม่เห็นผล จั่วอั้นส่ายหัวอย่างจริงใจ “ข้าไม่รู้ว่านี่คืออะไร ทำไมมันสว่าง นี่มันสว่างมากกว่าแสงสว่างที่ข้าเคยเห็น”
จั่วอั้นตื่นเต้นมาก และยิ่งเขาตื่นเต้นมากเท่าไหร่ เฟิ่งชิงเฉินก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็สดใสขึ้น สายตาของนางที่มองมาที่จั่วอั้นก็อ่อนลง
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าแค่ชอบท่าทางงุนงงของเจ้า จั่วอั้น เจ้าอยากรู้ไหม?” ในเวลานี้ เฟิ่งชิงเฉินเป็นเหมือนหมาป่าตัวใหญ่ที่จะลักพาตัวหนูน้อยหมวกแดงไป
ส่วนตัวเขานั้น แม้จะโมโหที่เฟิ่งชิงเฉินตำหนิว่าเขางุนงง แต่ในความจริงแล้ว เขาก็ไม่อาจหาคำใดมาหักล้างได้ อีกอย่าง เขาก็อยากรู้มาก……