นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 781 จุดเริ่มต้น ก่อความวุ่นวายแล้วคิดหนี
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 781 จุดเริ่มต้น ก่อความวุ่นวายแล้วคิดหนี
ไม่ว่าจะเป็นมือสังหารหรือนักการเมืองก็ไม่สามารถใช้คำว่า “คิดไม่ถึง” มาอธิบายความล้มเหลวของตนเองได้ ล้มเหลวก็คือล้มเหลว จะอธิบายออกมาอย่างไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้ และความล้มเหลวในครั้งนี้ มันเพียงพอจะฆ่าพวกเขาหรือลบล้างพวกเขาไปตลอดกาลได้
สำหรับจวงฮั่น คำว่า “คาดไม่ถึง” สองครั้งนี้ของเขา มันเพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของเขาต้องจบลงตรงนี้ ในฐานะผู้บัญชาการขององครักษ์เสื้อแพร มันคือการตัดสินใจที่ผิด และโลภมากคนเกินไปที่จะจับกุมเสด็จอาเก้านอกเขตพื้นที่เมือง
ในฐานะผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร จวงฮั่นคิดเพียงต้องการรับผลประโยชน์จากการจับตัวเสด็จอาเก้า แต่ไม่ได้ถึงว่าหากทุกอย่างล้มเหลว จะทำให้เกิดความวุ่นวายกับองครักษ์เสื้อแพรแห่งซีหลิง และทำให้ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
บางทีในใจของจวงฮั่น การลงมาจับกุมเสด็จอาเก้าด้วยตนเองอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาด แต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น และเรื่องไม่คาดฝันในครั้งนี้ก็บังเอิญมาพรากชีวิตของเขาไป
ช่วงแรกของการร่วมมือกันระหว่างเสด็จอาเก้าและจั่วอั้นอาจดูติดขัดไปบ้าง แต่หลังจากผ่านไปสามกระบวนท่า ภายใต้การร่วมมือของเสด็จอาเก้า จั่วอั้นพบว่ากระบวนท่าของเขาสามารถแสดงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้
จั่วอั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตกใจในความแข็งแกร่งที่เปลี่ยนไปในกระบวนท่าของตนเอง แต่เขาตกใจที่เย่อหยิ่งอย่างเสด็จอาเก้ายอมลดตัวลงมาให้ความร่วมมือกับตนเอง นี่มันไม่ใช่ภาพลักษณ์ของเสด็จอาเก้าคนที่เขารู้จัก
แต่ความประหลาดใจก็คือความประหลาดใจ ภายใต้ความร่วมมือของเสด็จอาเก้า จั่วอั้นปลดปล่อยพลังของมือสังหารอันดับหนึ่งแห่งจิ่วโจวอย่างเต็มที่ แสดงความเย่อหยิ่งอย่างสุดขีดให้เฟิ่งชิงเฉินได้เห็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นคุ้มค่ากับผลตอบแทนมากแค่ไหน
สิบกระบวนท่า
ภายใต้การช่วยเหลือของเสด็จอาเก้า จั่วอั้นสามารถแทงเข้าไปยังคอหอยของจวงฮั่นได้โดยใช้เพียงแค่สิบกระบวนท่าเท่านั้น ตอนนี้ไม่เพียงจั่วอั้นเท่านั้นที่ไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองทำ แม้แต่จวงฮั่นเองก็ไม่เชื่อ ว่าคนอย่างเขาจะมาพ่ายแพ้ให้กับมือสังหารหนุ่มผู้นี้
“เป็นไปไม่ได้” ดาบในมือของจวงฮั่นยังอยู่ในท่าของการฟันลงไป แต่ในตอนนั้นเขาไม่มีแรงที่จะฟันมันลงไปอีกแล้ว
จวงฮั่นก้มหน้าลง ดวงตาของเขาจ้องมองดาบที่แทงอยู่ตรงคอหอยของตนเอง ถึงตอนนี้เขายังไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะต้องมาตายแบบนี้
“ข้าเองก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน แต่ความจริงมันก็เป็นเช่นนี้” จั่วอั้นฟื้นขึ้นมาจากความตกใจของตนเอง พลิกข้อมืออย่างเยือกเย็น ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนที่จะดึงดาบออกมาจากลำคอ
ตุบ……
ทันทีที่ดาบถูกดึงออกมา ดาบใหญ่ในมือของจวงฮั่นตกลงพื้น ร่างของเขายังยืนอยู่อย่างมั่นคง หากไม่มีเลือดซึ่งไหลออกมาจากลำคอของเขาอย่างต่อเนื่อง เสด็จอาเก้าและจั่วอั้นคงสงสัยว่าจวงฮั่นยังไม่ตาย
หัวหน้าผู้รายงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในซีหลิง ผู้ควบคุมอำนาจมืดในซีหลิงจวงฮั่นต้องมาตายแบบนี้ แม้จะมีการวางแผนสังหารจวงฮั่น แต่เมื่อจวงฮั่นตายไปจริง ๆ เสด็จอาเก้าก็ยังกลับรู้สึกเสียดาย
นี่คือบุคคลที่มีบทบาทในการปกครองของซีหลิงมามากกว่ายี่สิบปี ในมือไม่รู้ว่ากุมความลับไว้มากมายแค่ไหน สุดท้ายต้องมาตายลงทั้งที่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
หากจักรพรรดิแห่งซีหลิงรู้เรื่องนี้ เกรงว่าคงจะดีใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ อย่างน้อยจวงฮั่นก็ตายไปโดยที่ไม่ได้เผยความลับของซีหลิงออกมาเลย
จวงฮั่นเสียชีวิตลง อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินที่จะเดินทางออกจากซีหลิงก็ได้หายไป ทั้งสองถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้ว่าในช่วงระยะเวลาอันสั้น พวกเขาไม่มีทางถูกคนของซีหลิงไล่ล่า
หลังจากจวงฮั่นตายไป ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์เสื้อแพรหรือทางการของซีหลิง ความโกลาหลจะเกิดขึ้นมาชั่วขณะ ในระยะเวลาอันสั้นคนของซีหลิงคงไม่มีกะจิตกะใจไล่ล่าเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถออกเดินทางได้อย่างปลอดภัย
“ไปกันเถอะ” เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินขี่ม้าไปด้วยกัน จั่วอั้นขี่ม้าของตนเอง แน่นอนว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องสื่อสารอะไรกันมา หลังจากทั้งสามขึ้นบนหลังมา พวกเขาก็เดินทางไปตามถนนอย่างเป็นทางการ
พวกเขาต้องการออกจากซ่างจิงให้เร็วที่สุด ยิ่งห่างจากซ่างจิงได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี ส่วนศพซึ่งกองอยู่ด้านหลัง ทั้งสามไม่สนใจ คนตายเพียงคนเดียวไม่สามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้
คนตายไม่สามารถเปลี่ยนโลกได้ คนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นถึงสามารถทำได้ ตอนเช้าตรู่จักรพรรดิแห่งซีหลิงรับรู้ถึงการจากไปของเสด็จอาเก้า และข่าวการตายของจวงฮั่น เขาโกรธจนบ้วนน้ำล้างปากออกมา ทำให้รังนกนางแอ่นด้านหน้าของเขาแหลกสลาย รีบสั่งการออกไปทันทีให้แม่ทัพบริเวณชายแดนทำการปิดทางเข้าออกชายแดนไว้ จับตัวเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย
เจ้าบ้า สร้างความวุ่นวายให้กับซีหลิงแล้วคิดหนี ในโลกนี้มันไม่มีเรื่องง่ายขนาดนั้นอยู่หรอก
คนในวิ่งรีบออกไปส่งข่าวให้แม่ทัพซึ่งประจำการอยู่ในเขตชายแดนระหว่างซีหลิงกับตงหลิง แต่เสด็จอาเก้ากลับได้รับข่าวเร็วกว่าแม่ทัพในเขตชายแดนอยู่ก้าวหน้า
ดังนั้นแม่ทัพแห่งซีหลิงจึงรออยู่บนเขตชายแดนของตงหลิง รอมาเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน สุดท้ายเขาไม่พบบุคคลที่คล้ายกับเสด็จอาเก้าแม้แต่คนเดียว แม่ทัพหมดทางเลือก ทำได้เพียงเขียนรายงานกลับมาหาจักรพรรดิ บอกว่าเขาไม่พบตัวของเสด็จอาเก้า
ส่วนเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินและจั่วอั้น พวกเขาเปลี่ยนเส้นทางไปตั้งแต่แรก ไปทางชายแดนของซีหลิงและหนานหลิง จากนั้นใช้เส้นทางของหนานหลิงในการเดินทางกลับไปยังตงหลิง ด้วยเหตุนี้ถึงแม้จะเสียเวลาอยู่บ้าง แต่มันก็ปลอดภัยว่าไม่น้อย
ไม่ว่าเสด็จอาเก้าและจั่วอั้นจะเก่งกาจมากขนาดไหน แต่พวกเขาก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับกองทัพ การต่อสู้กับสิงโตนับล้านเพียงคนเดียวอาจดูเหมือนกล้าหาญ แต่มันคือการกระทำที่โง่เง่า ต่อให้สามารถเอาชนะได้ มันก็คงเป็นชัยชนะอันยากลำบาก เสด็จอาเก้ากับจั่วอั้นเป็นคนขี้เกียจอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาไม่อยากมีปัญหา อีกอย่างใช้เส้นทางของหนานหลิงมันก็ไม่ได้ไกลมากมายเท่าไหร่นัก และก็น่าจะมีคงรอรับพวกเขาอยู่ในหนานหลิง
ทั้งสามคนเดินทางผ่านทางชายแดนระหว่างซีหลิงและหนานหลิง เข้าสู่ดินแดนของหนานหลิงโดยสมบูรณ์ ในช่วงเวลาที่ระมัดระวัง ทั้งสามไม่ได้เข้าไปในเมืองซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน แต่เดินทางไปยังเส้นทางเลียบชายแดน เดินทางทั้งวันทั้งคืน รีบกลับไปยังตงหลิงในเร็วที่สุด เพื่อไปให้ทันวันก่อนขึ้นปีใหญ่ในพระราชวังตงหลิง
เมื่อเห็นประตูเมืองอันสูงส่ง เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ช่วงเวลาที่พวกเขาออกจากไปเมืองแห่งนี้มันอันตรายเหลือเกิน โชคดีที่พวกเขายังมีชีวิตกลับมา เมื่อกลับมาเห็นประตูที่ไม่ได้ดูโดดเด่นหรือดึงดูดใจบานนี้ เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินดูสบายตาขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
“เจ้าเมืองกันเถอะ” เสด็จอาเก้าขี่ม้านำไปด้านหน้า บ่งบอกให้จั่วอั้นซึ่งอยู่ด้านหลังตามไป
สำหรับฉากที่เห็นเสด็จอาเก้าสั่งให้เปิดประตูเมืองกลางดึก จั่วอั้นเองก็ไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด ในระหว่างทางที่ผ่านมา เขาได้เห็นแล้วว่าเสด็จอาเก้าสุดยอดเพียงใด
เส้นสายของเสด็จอาเก้านั้นกว้างไกล เส้นทางจากซีหลิงมาถึงหนานหลิง มีคนคอยมาต้อนรับพวกเขาไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นม้า อาหารหรือเสื้อผ้า มีคนเตรียมไว้ให้พวกเขาหมดแล้ว
แม้จั่วอั้นจะเป็นผู้ซึ่งมีความรู้กว้างขวาง เขาก็ยังตกใจกับความลับและพลังอันยิ่งใหญ่ของเสด็จอาเก้า นี่มันต้องใช้เวลาวางแผนนานแค่ไหนถึงสามารถเตรียมเส้นทางหลบหนีที่ดีขนาดนี้ได้
ไม่นาน ก็แค่สามปี
สามปีก่อนหน้านี้เสด็จอาเก้าตัดสินใจแทรกซึมเข้าซีหลิงอย่างลับ ๆ เพื่อปูทางไว้ให้โอวหยางเฉิงอัน และสามปีที่ผ่านมาเข้าใช้เวลาในการเตรียมพร้อม แน่นอนว่าเส้นทางหลบหนีเขาไม่ได้มีแค่เส้นทางเดียว
สิ่งที่จั่วอั้นเห็นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และส่วนนี้จะถูกทิ้งหลังจากใช้งานไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นแม้จั่วอั้นจะได้เห็นมัน แต่มันก็ไม่มีประโยชน์
เข้าเมืองยามดึก เสด็จอาเก้าไม่ได้เผยถึงสถานะของตนเอง แต่เขายื่นป้ายสัญลักษณ์ของกองพลทหารเสินจีออกมา ทหารเฝ้าประตูเห็นแบบนั้นก็รีบเปิดประตูให้ทันที ให้พวกของเสด็จอาเก้าทั้งสามคนเข้าเมืองไป
หลังจากเข้าเมืองมาแล้ว ตอนแรกเสด็จอาเก้าอยากพาเฟิ่งชิงเฉินไปส่งที่จวน แต่ทันทีที่เข้าเมืองกลับมีคนของพระราชวังมารอรับเขา บอกว่าจักรพรรดิสั่งให้ตนเข้าพบโดยด่วน
เห็นได้ชัดว่ารู้เส้นทางของเสด็จอาเก้าเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถส่งคนมาเชิญทันทีที่ตนเองเข้าเมืองมา
สำหรับเรื่องนี้ เสด็จอาเก้าไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย หากจักรพรรดิไม่รู้ว่าตนเองกลับมาถึงตงหลิงแล้ว แบบนั้นจักรพรรดิคนนี้ก็คงมีชีวิตอยู่อย่างไร้ความหมาย
เสด็จอาเก้าหันไปพยักหน้าให้เฟิ่งชิงเฉิน เพื่อบอกนางว่าไม่มีอะไร ให้นางกลับจวนไปอย่างสบายใจ
แม้เฟิ่งชิงเฉินจะกังวล แต่ก็ทำได้แค่พยักหน้า จากนั้นกลับจวนไปพร้อมกับจั่วอั้น
เรื่องนี้นางช่วยอะไรเสด็จอาเก้าไม่ได้ ตอนที่อยู่เผ่าเสวียนเซียวกง เสด็จอาเก้าทำให้ตงหลิงต้องสูญเสียทหารถึงสามหมื่นนาย เรื่องนี้จักรพรรดิต้องคิดบัญชีกับเขา แต่คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิจะรีบร้อนถึงขนาดนี้ ถึงกับส่งคนมาตามเสด็จอาเก้าทันทีที่เสด็จอาเก้าเข้ามาในเมือง