นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 782 อาจารย์ไม่อยู่ ศิษย์ตัวน้อยต้องทุกข์ทรมาน
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 872 อาจารย์ไม่อยู่ ศิษย์ตัวน้อยต้องทุกข์ทรมาน
ตอนแรกเฟิ่งชิงเฉินคิดว่าการที่จักรพรรดิเรียกตัวเสด็จอาเก้าไปเข้าเฝ้าในพระราชวังกลางดึกเช่นนี้ เป็นเพราะจักรพรรดิไม่พอใจเสด็จอาเก้า และต้องการตักเตือนเสด็จอาเก้า แต่เมื่อกลับมาถึงจวนเฟิ่ง เฟิ่งชิงเฉินถึงเข้าใจว่า ที่จักรพรรดิเรียกเสด็จอาเก้าเข้าวังนั้นไม่ได้เพียงเพราะต้องการตักเตือนเสด็จอาเก้า แต่เป็นการตักเตือนนางด้วย
ช่วงเวลาที่นางไม่อยู่ในพระราชวัง มีผู้กล้ามากมายลงมือเพื่อเอาชีวิตนาง จักรพรรดิเรียกเสด็จอาเก้าเข้าไปในพระราชวังเช่นนี้ มันก็เหมือนปิดประตูการช่วยเหลือของนาง
ทันทีที่กลับมาถึงจวนเฟิ่ง สิ่งที่ต้อนรับการกลับมาของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ใช่รอยยิ้ม แต่มันเป็นใบหน้าที่มืดมน ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินก้าวเข้ามาในประตู ทงจือและทงเหยาก็เหมือนกับได้เห็นผู้กอบกู้ พวกเขาวิ่งไปด้านหน้าด้วยดวงตาอันแดงก่ำ “คุณหนู คุณหนูกลับมาแล้ว คุณหนูกลับมาแล้ว”
“คุณหนู หากคุณหนูยังไม่กลับมา พวกข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรต่อไป”
สาวใช้สองคนร้องไห้อยู่อย่างนั้น ชิวฮว่า เซี่ยหว่าน ชุนฮุ่ย และตงชิงเองก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุด ทุกคนในจวนเฟิ่งไม่มีใครแสดงรอยยิ้มออกมาเลย
ในตอนนั้นเฟิ่งชิงเฉินไม่มีเวลาจะไปสนใจจั่วอั้น นางรีบถามสาวใช้ทั้งสองไปทันที “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมพวกเจ้ายังไม่นอน? ซือสิงอยู่ที่ไหน?”
นางกลับมาจวนยามดึกโดยไม่ได้แจ้งให้ใครรู้ล่วงหน้า แต่คนในจวนกลับยังไม่หลับนอน เฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องคิดก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นทงจือและทงเหยาสองคนนี้คงไม่ตื่นตระหนกจนผิดสังเกต
และสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินกังวลมากที่สุดก็คือ ทุกคนในจวนเฟิ่งต่างอยู่ที่นี่ แล้วทำไมซุนซือสิงถึงไม่อยู่
“คุณหนู” ทงจือเช็ดน้ำตาและกล่าวว่า “คุณหนู คุณชายซุน? เกิดเรื่องขึ้นแล้ว คุณชายซุน? ถูกองครักษ์เสื้อโลหิตพาตัวไป ถูกขังอยู่ในคุกแห่งองครักษ์เสื้อโลหิต”
“ซือสิง? เจ้าบอกว่าซือสิงถูกคนขององครักษ์เสื้อโลหิตจับตัวไป? มันเกิดอะไรขึ้น?” มือและเท้าของเฟิ่งชิงเฉินเย็นขึ้นในทันที เลือดบนใบหน้าจางลง ประกอบกับความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ทำให้เฟิ่งชิงเฉินดูซีดเซียวเป็นพิเศษ
จั่วอั้นยักไหล่ รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่า “ซือสิง” เป็นใคร
แม้ว่าเขาจะเคยตรวจสอบเกี่ยวกับเฟิ่งชิงเฉิน แต่เรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินรับศิษย์เข้ามาเลี้ยงดูนั้นไม่ได้แพร่งพรายออกไปด้านนอก ผู้ที่รู้เรื่องนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนสนิทที่เฟิ่งชิงเฉินเชื่อใจ
เห็นน้ำตาที่หลั่งไหลลงมาของเฟิ่งชิงเฉินเหมือนกับสูญเสียเลือดเนื้อของตนเองไป ทงจือหยุดร้องไห้ในทันที และเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น “คุณหนู ช่วงระยะเวลาที่คุณหนูไม่อยู่จวน พวกข้าระมัดระวังกันเป็นอย่างมาก แทบจะไม่ออกไปนอกจวนเลย เนื่องจากว่ากลัวจะทำให้เกิดเรื่องขึ้น แต่ไม่ว่าพวกเราจะระวังตัวมากแค่ไหน สุดท้ายก็ถูกจับได้อยู่ดี
สามวันก่อนหน้านี้มีคนจากจวนซุ่นหนิงโหวเดินทางมาเพื่อพบคุณชายซุน ต้องการให้คุณชายซุนไปรักษาหนิงโหวของพวกเขา แน่นอนว่าคุณชายไม่ยินยอม จนกระทั่งคนของจวนหนิงโหวพูดออกมาว่า หนิงโหวของพวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีกับหมอหลวงซุน ก่อนหมอหลวงซุนจากไป เขาได้วางบางสิ่งบางอย่างไว้ในจวนหนิงโหว บอกว่าวันใดที่หนิงโหวผู้นี้มีปัญหาสามารถมาหาคุณชายซุนได้ทุกเมื่อ เอาของสิ่งนั้นมา บอกว่าหลังจากคุณชายซุนได้เห็นของสิ่งนั้นแล้วก็จะเข้าใจทันทีว่าทำไมหมอหลวงซุนถึงจากไป
เมื่อข้าได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล ตอนแรกข้าอยากบอกจะบอกกับคุณชายซุนว่าอย่าไป จนกระทั่งคุณชายซุนกล่าวว่าหมอหลวงซุนมีมิตรภาพที่ดีกับจวนซุ่นหนิงโหวจริง เขาเคยพูดต่อหน้าคุณชายซุน ว่าซุ่นหนิงโหวเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การผูกมิตรด้วย ดังนั้นข้าจึงรู้สึกโล่งใจ และเดินก้าวออกไปพร้อมกับคุณชายซุน
จนกระทั่งถึงจวนซุ่นหนิงโหวทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี หล่าวหนิงโหวร่างกายไม่แข็งแกร่ง คุณชายซุนบอกว่าเขาเป็นโรคหอบหืด จึงได้จัดยาให้เพื่อรักษาอาการ
หลังจากดูอาการให้หล่าวหนิงโหวเป็นที่เรียบร้อย คนของจวนซุ่นหนิงโหวก็พาคุณชายซุนไปดูของที่หมอหลวงซุนทิ้งไว้ สิ่งนี้ไม่สามารถให้คนนอกรับรู้ได้ ดังนั้นข้าจึงถูกปิดกั้นไปด้านนอก
ข้ารออยู่ด้านนอกเป็นเวลานาน ก็ไม่เห็นวี่แววของคุณชายซุน เกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับคุณชายซุน จึงฝ่าประตูเข้าไป แต่ในตอนนั้น คนของจวนซุ่นหนิงโหวกลับเปิดประตูออกมาพอดี มีผู้มากวรยุทธ์สองสามคนปรากฏออกมา โจมตีจนข้าสลบไป ในตอนที่ข้าฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินคนของจวนซุ่นหนิงโหวพูดกันว่าคุณชายซุนข่มขืนคุณหนูของหนิงโหว จึงส่งคุณชายซุนไปให้เจ้าหน้าที่เพื่อรับโทษสถานหนัก
เดิมทีหากทางการเป็นคนจัดการเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงอะไร มีองค์ชายใหญ่อยู่ คุณชายซุนไม่มีทางไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ทันทีที่คุณหนูของหนิงโหวฟื้นขึ้นมา นางก็วิ่งออกมาด้านนอก ชนกำแพงเสียชีวิต ก่อนตายนางตะโกนออกมาดังลั่นว่าคุณชายซุนเป็นคนที่มีหัวใจเหมือนสัตว์เดรัจฉาน ชิงความบริสุทธิ์ของนางไป ชีวิตนี้ต่อให้นางเป็นผีก็ไม่มีวันปล่อยให้คุณชายซุนได้มีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข
เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น แน่นอนว่าคุณชายซุนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก คนของจวนซุ่นหนิงโหวยิ่งหยิ่งยโสมากขึ้น ตอนแรกบอกว่าจะส่งทางการ ตอนนี้เมื่อถึงกับชีวิต จึงนำไปส่งองครักษ์เสื้อโลหิต ต่อให้ข้าตายก็ไม่เชื่อว่าคุณชายซุนจะไปข่มขืนคุณหนูของหนิงโหวอะไรนั่น ตอนนี้อีกฝ่ายตายไปแล้ว ตายไปพร้อมหลักฐาน ตอนนี้คุณชายซุนอยู่กับองครักษ์เสื้อโลหิต ข้าจึงไร้หนทางช่วยเหลือ”
ทงจือพูดจบ เสียงคุกเข่าดังขึ้น “คุณหนู ทั้งหมดเป็นเพราะข้าไม่ดี ข้าไร้ความรับผิดชอบ คุณชายซุนถึงต้องถูกจับเข้าไปอยู่ในคุกเช่นนี้”
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า” เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น รู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนการอยู่ในใจ ต่อให้ทงจือเก่งกาจแค่ไหนก็แค่ตัวคนเดียว จะไปต่อต้านจวนโหวได้อย่างไร
“คุณหนู……” ทงจือได้ยินว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ตำหนินาง นางร้องไห้ออกมาทันที หลายวันที่ผ่านมานางเอาแต่โทษตนเอง โทษตนเองที่ไม่สามารถปกป้องซุนซือสิงให้ดีได้ ถึงทำให้ซุนซือสิงต้องตกไปอยู่ในพื้นที่ต่ำช้าเช่นนั้น
“งี่เง่า” จั่วอั้นได้ยินคำพูดของทงจือก็พูดออกอย่างไม่ไว้หน้า
เรื่องนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าคนของจวนซุ่นหนิงโหววางแผนที่จะทำร้ายคุณชายซุนอะไรนั่น แผนง่าย ๆ แบบนี้คนที่ถูกเรียกว่าคุณชายซุนกลับหลงกล จั่วอั้นรู้สึกในใจว่าคนที่ชื่อคุณชายซุนอะไรนั่นช่างไร้สมองเหลือเกิน
คนรอบข้างของเฟิ่งชิงเฉินโง่เขลาถึงขนาดนี้ นี่ทำให้จั่วอั้นรู้สึกตะลึงเป็นอย่างมาก
“ซือสิงไม่ได้โง่ เขาแค่ไร้เดียงสาจนเกินไป ขาเชื่อในความดีของมนุษย์ เขาไม่ระวังตัวจากอีกฝ่าย คิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้จะมีผู้คนที่โหดร้าย ไม่ใช่ความโง่เขลาของซือสิง แต่มันเป็นความไร้ยางอายของจวนซุ่นหนิงโหว” เฟิ่งชิงเฉินได้ยินคำตำหนิของจั่วอั้นที่มีต่อซุนซือสิง นางตอบโต้กลับไปทันที
แม้ว่านางจะรู้สึกว่าซุนซือสิงไร้เดียงสาเกินไป แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาด่าเขาว่าโง่ เด็กคนนี้เป็นเด็กที่มีจิตใจเมตตา นี่ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เป็นความผิดของผู้ซึ่งใช้วิธีการน่ารังเกียจเช่นนี้
“ไม่ใช่คนโง่แล้วจะเป็นอะไร หากเขาฉลาดกว่านี้ ต่อให้อีกฝ่ายไร้ยางอายแค่ไหนก็ไม่มีทางทำอะไรเขาได้ ถูกคนล่อลวงไปง่าย ๆ แบบนี้ ตัวถ่วง? คนรอบกายของเจ้ามีแต่พวกไร้สมองงั้นหรือ?” ในฐานะเด็กที่ไม่เคยมีใครสนใจ การแสดงออกของจั่วอั้น เขาดูอิจฉาซุนซือสิงที่ถูกปกป้องและดูแลโดยเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างมาก
เพื่ออะไร ก็แค่เด็กโง่เพียงคนเดียว ทำไมถึงได้มีคนเป็นห่วงมากมายขนาดนั้น และทำไมความเป็นความตายของคนอย่างเขาจั่วอั้น ถึงไม่มีใครสนใจแม้แต่คนเดียว
“คนที่ไม่มีแผนการในหัวใจ ติดกับคนที่มีแผนการอันชั่วร้าย ฉลาดแล้วยังไง? เจ้าไม่รู้จักซุนซือสิง เจ้าไม่เข้าใจว่าซือสิงฉลาดแค่ไหน แต่แค่ซือสิงเอาความฉลาดของเขาทั้งหมดไปใช้ในเรื่องของการช่วยเหลือผู้คน ไม่ใช่การทำร้ายผู้คน หรือป้องกันตัวเอง เขาเป็นเด็กใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่ง การสมรู้ร่วมคิดของคนชั่วทำให้เขาต้องสูญเสียพ่อแม่ไปเมื่อไม่นานมานี้ ซุ่นหนิงโหวใช้พ่อแม่ของเขาเป็นเหยื่อล่อ เขาหลงเชื่อก็เป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ ซือสิงไม่อยากเป็นตัวถ่วงของใครแน่นอน ต่อให้ข้าไม่สนใจเขา เขาก็ไม่มีทางตำหนิข้า” สามวัน นึกถึงชีวิตความเป็นอยู่ของซุนซือสิงในคุกแห่งองครักษ์เสื้อโลหิตสามวันที่ผ่านมา นึกถึงความโหดเหี้ยมขององครักษ์เสื้อโลหิต เฟิ่งชิงเฉินกังวลเป็นอย่างมาก
การลงโทษดังกล่าว นางทนไม่ได้ ซือสิงเป็นเด็กที่ไม่เคยผ่านความลำบากมาก่อนจะทนไหวได้อย่างไร ผู้มีอำนาจ แต่กลับทำร้ายเด็กที่ไร้ซึ่งพ่อแม่ เจ้าคิดว่าเด็กที่ไม่มีพ่อแม่แล้ว จะไม่มีใครรักเขาแล้วหรืออย่างไร?
จวนซุ่นหนิงโหว ข้าไม่สนว่าเจ้ารับคำสั่งมาจากใคร ซือสิงตกอยู่ในมือขององครักษ์เสื้อโลหิต ข้าเฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ ขนาดจวนกั๋วกงข้าเฟิ่งชิงเฉินยังไม่กลัว ทำไมข้าจะต้องมากลัวจวนโหวเล็ก ๆ อย่างเจ้า!