นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 786 ชิงคน ข้าจะฟ้องพวกเจ้าใช้อำนาจผิด
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 786 ชิงคน ข้าจะฟ้องพวกเจ้าใช้อำนาจผิด
หลังจากใต้เท้าหลินรู้สึกตัว ในตอนที่พาเหล่าองครักษ์เสื้อโลหิตออกมาด้านนอกก็ได้เห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามาพร้อมกับเหล่าองครักษ์ มันเหมือนกับเด็กเกเรที่ยกพวกมาตี มองดูท่าทางของเฟิ่งชิงเฉิน นางมาที่นี่เพื่อชิงคนไปจากองครักษ์เสื้อโลหิต
“เฟิ่ง เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจะทำอะไร?” แม้ใต้เท้าหลินต้องการสร้างปัญหาในนามของเฟิ่งชิงเฉิน เพื่อจัดการเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขาก็ไม่อยากถูกกล่าวหาว่าการป้องกันของเขาหละหลวม
หากปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินพาตัวซุนซือสิงออกไป โชคร้ายคงตกมาอยู่ที่เขา ขุนนางซึ่งทำงานร่วมกับเขาก็คงโยนความผิดให้เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แววตาของใต้เท้าหลินเผยให้เห็นถึงความกังวล รู้สึกเสียใจที่ต้องมาแบกรับภารกิจในค่ำคืนนี้
ทำอะไร?
เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะอย่างเยือกเย็น กวาดสายตามองใต้เท้าหลิน ไม่ได้สนใจเขา โบกมือให้กับองครักษ์ที่อยู่ด้านหลัง “ไป ไปพาตัวคุณชายซุนออกมา ใครขวางก็จัดการได้ทันที ทำอะไรก็ระวังหน่อย อย่าถึงขั้นทำให้อีกฝ่ายเสียชีวิต หากพิการจวนเฟิ่งของข้าจะเลี้ยงดูเอง”
“รับทราบ” ทงจือและทงเหยาพาคนมาไม่มาก แต่คนเหล่านี้ไม่ใช่พวกที่องครักษ์เสื้อโลหิตซึ่งเอาแต่อยู่ในพระราชวังจะต่อกรได้ พวกเขากระหายเลือด ยอมแลกทุกอย่างเพื่ออนาคตอันสดใสของพวกเขา
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากล้าอย่างนั้นเหรอ เจ้ากล้า……” ใต้เท้าหลินตกใจจนใบหน้าซีดขาว มือของเขาสั่นเทา ตอนแรกคิดว่านี่เป็นเรื่องดีเนื่องจากทำให้เขาได้ผลงาน คิดไม่ถึงเลยว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นคนไม่กลัวตายเช่นนี้
“ใต้เท้าหลิน เจ้าดูเอาเองแล้วกันว่าข้ากล้าหรือไม่ ตอนนี้เจ้าจะนำคนของข้าออกมาได้แล้วหรือยัง ขอแค่เจ้าพาตัวซือสิงออกมา เรื่องในคืนนี้ พวกเราก็สามารถพูดคุยกันได้” เฟิ่งชิงเฉินยื่นมือออกมาผ่านสายลมที่รุนแรง นำปิ่นเฟิ่งซึ่งเป็นสิ่งของจากจักรพรรดิองค์ก่อนปักไว้บนศีรษะ ทำให้ความโกรธในใจของนางสงบลงเล็กน้อย
“เฟิ่งชิงเฉิน การบุกรุกเรือนจำของซุนซือสิงเพื่อชิงตัวผู้ต้องสงสัยเป็นโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต” ใต้เท้าหลินพร้อมกับเหล่าองครักษ์เสื้อโลหิตถอยหลังไปทีละก้าวเมื่อองครักษ์ของเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาใกล้
“ผู้ต้องสงสัย? เจ้าบอกว่าศิษย์ของข้าเป็นผู้ต้องสงสัย หากเขาเป็นผู้ต้องสงสัยจริง เจ้ามีหลักฐานอะไร? ใต้เท้าหลิน เจ้าบอกว่าข้าบุกรุกเรือนจำองครักษ์เสื้อโลหิต ข้ายังไม่ได้ฟ้องเจ้าข้อหาใช้อำนาจกับข้าในทางที่ผิด และกักขังผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีเหตุผล
ชื่อเสียงของลูกศิษย์ข้าในพระราชวังคืออะไร แล้วชื่อเสียงขององครักษ์เสื้อโลหิตอย่างพวกเจ้าคืออะไร เรื่องนี้หากถามว่าใครเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด ขนาดคนธรรมดายังเข้าใจ องครักษ์เสื้อโลหิตของเจ้าร่วมมือกับจวนซุ่นหนิงโหวเพื่อใส่ความลูกศิษย์ของข้า ตอนนี้ยังคงทรมานศิษย์ของข้าเพื่อให้แผนการสำเร็จ ใต้เท้าหลิน เจ้ารอก่อน เช้าเมื่อไหร่ข้าจะเดินทางไปศาลต้าหลี่เพื่อฟ้องร้องเจ้า มาดูกันว่าเรื่องนี้ใครผิดใครถูก”
เฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามาทีละก้าว ตะโกนออกไปอย่างเฉียบขาด เมื่อเห็นว่าองครักษ์ด้านหลังของนางไม่เคลื่อนไหว จึงหันกลับมาและพูดว่า “จะยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นทำไม หากคุณชายซุนเป็นอะไรไป ข้าจะไม่ไว้ชีวิตพวกเจ้า”
“ขอครับ ขอครับ” องครักษ์ไม่ลังเลอีกต่อไป รีบวิ่งไปข้างหน้าโดยถือดาบและโล่ หากลองมองให้ดีจะพบว่าดาบในมือของพวกเขายังไม่ถอดออกจากฝัก ดาบแบบนี้ฟันลงไปก็ยากจะเอาชีวิตอีกฝ่าย
ด้วยทางเดินที่แคบยาวของซุนซือสิง เมื่อองครักษ์แห่งจวนเฟิ่งสู้กับองครักษ์เสื้อโลหิต แม้องครักษ์เสื้อโลหิตจะมีคนมากกว่า แต่ด้วยเส้นทางขนาดเล็ก ทำให้จำนวนคนที่มากกว่าแทบไม่เกิดประโยชน์ หากไม่ระวังก็อาจทำร้ายกันเอง
องครักษ์เสื้อโลหิตเสียเปรียบในจุดนี้มาก ประกอบกับอาวุธที่องครักษ์เสื้อโลหิตใช้คือหอกยาว ทำให้ไม่สะดวกในการใช้งาน บางครั้งถูกพวกเดียวกันขวางทาง ในตอนนั้นองครักษ์ของเฟิ่งชิงเฉินบุกเข้ามา ยกโล่ในมือขึ้นกระแทกเข้ากับองครักษ์เสื้อโลหิต ยกสันดาบทุบไปยังศีรษะของพวกเขา
ปัง ปัง……เสียงดังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เสียงศีรษะแตก แต่เป็นเสียงข้อมือหัก องครักษ์แห่งจวนเฟิ่งเหมือนสัตว์ป่าที่ดุร้าย ยกโล่ขึ้นมาป้องกันหอกทางฝ่ายขององครักษ์เสื้อโลหิต ภายใต้การป้องกันของสหายร่วมรบ คนด้านหลังยกดาบขึ้นและฟันออกไป หากไม่ใช้แรงมากพอก็ไม่สามารถเอาชีวิตของอีกฝ่ายได้
เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ด้านหลัง เฝ้าดูการต่อสู้ด้วยสายตาเย็นชา ฉากนองเลือดตรงหน้าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนางเลย นางแค่เฝ้ามองอยู่เงียบ ๆ มองคนเหล่านี้สู้กันเพื่อเอาชีวิตรอด
หลังจากรออยู่ที่องครักษ์เสื้อโลหิตเป็นเวลานาน ลู่เส้าหลินเองก็ยังไม่ปรากฏตัว เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจว่าเรื่องของซือสิงครั้งนี้ไม่ธรรมดา ยิ่งซือสิงอยู่ในพื้นที่ขององครักษ์เสื้อโลหิตนานเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ไม่แน่ว่าเมื่อมีคนรู้ว่านางกลับมาแล้ว อาจถึงขั้นต้องการเอาชีวิตของซุนซือสิง
ต้องรู้ก่อนว่า พ่อแม่ของซุนซือสิงนั้นไม่อยู่แล้ว แม้ว่าจะมีคนใช้อำนาจของพระราชวังเพื่อมาเอาชีวิตของซือสิง ก็ไม่มีใครออกมาพูดแทนเขาสักคำ
นี่คือเด็กที่ไม่มีพ่อและแม่เหมือนนางในตอนนั้น แม้ว่าศพของนางจะกองอยู่ข้างถนน เกรงว่าก็คงไม่มีใครสนใจ
เสียงการต่อสู้ในเรือนจำองครักษ์เสื้อโลหิตดังกึกก้อง จำนวนองครักษ์เสื้อโลหิตหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ พวกของเฟิ่งชิงเฉินถูกล้อมไว้จากทั้งภายในและภายนอก และในตอนนั้นเองเสียงระเบิดก็ดังขึ้น ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ
“นี่มันเสียงอะไร?”
คำพูดของใต้เท้าหลินเพิ่งจะจบลง เสียงระเบิดก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงของผนังที่พังทลาย
“ระเบิดเทียนเหล่ย? เป็นเสียงของระเบิดเทียนเหล่ย” มีคนได้กลิ่นดินปืน ทันทีที่เสียงระเบิดดังขึ้น เหล่าองครักษ์เสื้อโลหิตก็วุ่นวายในทันที
ระเบิดเทียนเหล่ย? มันจะมีระเบิดเทียนเหล่ยมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร มุมปากของเฟิ่งชิงเฉินเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งความดูถูก ฉวยโอกาสตอนที่องครักษ์เสื้อโลหิตกำลังวุ่นวาย หันไปโบกมือให้องครักษ์ของจวนเฟิ่ง บ่งบอกให้พวกเขาถอยกลับไป
แล้วการชิงตัวซุนซือสิงเล่า?
ยังต้องชิงตัวอะไรอีก คนก็ถูกช่วยไปแล้วไม่ใช่หรือไง
ฝ่ายองครักษ์เสื้อโลหิตถูกระเบิดเทียนเหล่ยทำให้ตกใจ ฝ่ายองครักษ์ของจวนเฟิ่งใช้โอกาสนี้ในการถอยกลับ หากไม่มีการชิงตัวผู้ต้องสงสัย ต่อให้องครักษ์ของจวนเฟิ่งถอยกลับไป องครักษ์เสื้อโลหิตก็ไม่มีทางไล่ตาม อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ อาชญากรรมของเฟิ่งชิงเฉินในการรวบรวมฝูงชนเพื่อบุกเข้าไปในเรือนจำองครักษ์เสื้อโลหิตได้รับการตัดสินแล้ว คนของทางการจะมานำตัวเฟิ่งชิงเฉินไปสอบสวนในวันพรุ่งนี้
องครักษ์จำนวนไม่น้อยของจวนเฟิ่งได้รับบาดเจ็บ เฟิ่งชิงเฉินพาคนที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านี้ออกมาจากองครักษ์เสื้อโลหิต คนที่ไม่เข้าใจต่างคิดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ นางพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แต่ทงจือและทงเหยาซึ่งอยู่ในรถต่างรู้ดีว่าการต่อสู้ในวันนี้ พวกเขาได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ เนื่องจาก……
คุณชายซุนได้มาอยู่บนรถม้าของพวกเขาแล้ว
ไม่ ทงจือและทงเหยากำลังคุกเข่าอยู่บนรถม้า รับใช้องครักษ์เสื้อโลหิตซึ่งร่างกายเต็มไปด้วยเลือดอย่างระมัดระวัง ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินก้าวขึ้นมา คนขับรถม้าที่ก้มหน้ามาโดยตลอดก็พูดว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจำไว้ว่าเจ้าติดหนี้ข้าเพิ่มอีกครั้งหนึ่งแล้ว”
“จั่วอั้น ทำไมถึงเป็นเจ้า?” เท้าของเฟิ่งชิงเฉินแข็งทื่อในทันที ยืนอยู่ด้านล่างของรถม้า ลืมตัวว่าตนเองต้องก้าวขึ้นไป
จั่วอั้นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาอันเปล่งประกายจ้องมองมายังเฟิ่งชิงเฉิน ถามออกไปด้วยใบหน้ามึนงง “ทำไมจะเป็นข้าไม่ได้?”
“ข้าไม่ได้ใช้ให้เจ้าออกมา” เห็นกันอยู่ว่านางสั่งให้ทงจือและทงเหยาพาเหล่าสายลับทั้งหมดในจวนเฟิ่งออกมา ทำไมเหล่าสายลับถึงไม่ลงมือ แต่กลับให้ตัวผลาญเงินผู้นี้มาลงมือแทน
“ข้าช่วยพาคนของเจ้าออกมา และสร้างสถานการณ์ให้เหมือนกับระเบิดเทียนเหล่ย ภารกิจสำเร็จ ทำไม? เจ้าไม่คิดจะตอบแทนข้าอย่างนั้นหรือ?” จั่วอั้นหรี่ตาลงด้วยประกายแสงที่เป็นอันตราย
หากเฟิ่งชิงเฉินกล้าพูดว่าไม่ให้ เขาจะต้องเปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามืออย่างแน่นอน
“ตอบแทน ข้าจะจ่ายให้เจ้า เจ้าต้องการเท่าไหร่” เฟิ่งชิงเฉินพบว่าการมีจั่วอั้นอยู่ข้างกาย แม้ชีวิตของนางจะปลอดภัย แต่กระเป๋าเงินของนางน่าเป็นห่วงแน่นอน
“เจ้าบอกข้ามาว่าระเบิดเทียนเหล่ยนั้นทำยังไง” จั่วอั้นไม่ต้องการเงิน หากเขาต้องการเงินเขาคงไปเป็นมือสังหาร ไม่จำเป็นต้องมาช่วยใคร
“ข้าทำไมเป็น” เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธออกไปโดยไม่ต้องคิด
“โกหก หากเจ้าใช้ระเบิดเทียนเหล่ยไม่เป็น เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่ากลิ่นของระเบิดเทียนเหล่ยเป็นอย่างไร” จั่วอั้นนำมือกอดอก ขวางอยู่หน้ารถม้า ท่าทางของเขาบ่งบอกว่าหากเจ้าไม่ยอมบอกข้า เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ไปจากตรงนี้
เรื่องนี้เอาไปหลอกเด็กจะดีกว่า
เฟิ่งชิงเฉินถึงเข้าใจว่าตอนนี้ตนเองได้ก่อหายนะครั้งใหญ่ขึ้นแล้ว……