นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 800 พยานเท็จ ถึงคราวฟ้องร้องของเฟิ่งชิงเฉิน
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 800 พยานเท็จ ถึงคราวฟ้องร้องของเฟิ่งชิงเฉิน
หลังจากบุกเรือนจำ เฟิ่งชิงเฉินคิดจะส่งคนไปยังจวนซู่ชินอ๋องเพื่อไปพบตี๋ตงหมิง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอาจจะตบตาคนอื่นได้ แต่มิอาจตบตาคนที่รับผิดชอบดูแลคอกม้าอย่างตี๋ตงหมิงได้ มีตี๋ตงหมิงคอยปกป้อง เรื่องทุกอย่างจะง่ายขึ้นอีกหลายเท่า
แต่สิ่งที่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินไม่ทำเช่นนั้นก็คือ ประการแรก การกระทำเช่นนั้นมันเด่นชัดเกินไป ประการที่สอบซู่ชินอ๋องอาจจะไม่ยอมพบคนของนางก็ได้ ซึ่งต่างจากการใช้ให้หวังจิ่นหลิงออกหน้าไปแทน จิ่นหลิงสามารถเข้าออกจวนซู่ชินอ๋องได้อย่างอิสระ และมีวิธีที่จะเข้าพบตี๋ตงหมิง
จิ่นหลิงยอดเยี่ยมอย่างที่คิด รู้ว่าจุดประสงค์ที่นางไปขอยืมตัวทนายจากตระกูลหวังนั้นเป็นเพราะเหตุใด รอยยิ้มของเฟิ่งชิงเฉินปรากฏออกมาเต็มใบหน้า คนพวกนี้จะมองตี๋ตงหมิงอย่างไร คิดอย่างไรกับการที่เขามาที่นี่ด้วยตัวเอง มีตี๋ตงหมิงอยู่ คำให้การของทหารสองนายนั้นจะต้องพลิกกลับในไม่ช้า……
คำกล่าวหาของทหารทั้งสองรวมถึงคนทรยศของจวนเฟิ่งเกินความคาดหมายของเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อคืนนี้มันยุ่งเกินไป ไม่ว่านางจะรอบคอบแค่ไหน สุดท้ายก็ยังมีช่องโหว่ และมีบางส่วนที่มองข้ามไปบ้าง ถึงตรงนี้ต้องบอกเลยว่าองครักษ์เสื้อโลหิตนั้นสุดยอดมากที่สังเกตเห็นของบกพร่องของนางทันทีที่ลงมือ
ในความเป็นจริงนางจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนนี้นางเข้าเมืองมาตอนไหน เพราะความคิดอยากกลับบ้าน พวกเขาเดินทางต่อไปแม้ท้องฟ้าจะมืดมิด ดังนั้นนางจึงไม่ได้สังเกตเห็นความแตกต่างหรือความผิดปกติของทหารที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูเมือง
การปรากฏตัวของตี๋ตงหมิงนั้นอยู่ในความคาดหมายของเฟิ่งชิงเฉิน นางรู้ว่าองครักษ์เสื้อโลหิตจะต้องส่งคนไปตรวจสอบองครักษ์ที่ได้รับบาดเจ็บของนาง การปรากฏตัวของตี๋ตงหมิงในตอนนี้เห็นมีประโยชน์อย่างชัดเจน
แต่นางคิดไม่ถึงว่า การปรากฏของตี๋ตงหมิงไม่เพียงแค่ทำให้ศาลต้าหลี่ไม่ส่งคนไปตรวจสอบจวนของนาง แต่ยังสามารถลบล้างคำสารภาพของทหารทั้งสองนายได้อีกด้วย เฟิ่งชิงเฉินยิ้มและมองไปยังตี๋ตงหมิงด้วยความพึงพอใจ ในเมื่อตี๋ตงหมิงมาช้าถึงขนาดนี้ เขาจะต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
เป็นอย่างที่เฟิ่งชิงเฉินคิด ตี๋ตงหมิงมาพร้อมกับการเตรียมตัวเป็นอย่างดี หลังจากตี๋ตงหมิงเดินเข้ามา เขาไม่ได้มองมายังเฟิ่งชิงเฉิน แต่มองไปยังผู้พิพากษาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามของศาลต้าหลี่ พยักหน้าเปรียบเสมือนทำความเคารพ
สถานะของตี๋ตงหมิงสูงส่ง แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าไม่พอใจ ผู้พิพากษาทั้งสามรีบประสานมือรับการเคารพ ซึ่งทำให้ประชาชนที่อยู่ในห้องถึงกับตะลึง ตัวตนของชายหนุ่มผู้นี้สูงศักดิ์แค่ไหน แล้วเขามาที่นี่ทำไม? หรือว่ามาเพื่อก่อกวน?
ในตอนนี้ ตี๋ตงหมิงเป็นเพียงคนเดียวที่เปล่งประกายอยู่ในห้องพิจารณาคดี เฟิ่งชิงเฉินถอยออกไปด้านข้างตั้งแต่แรกเพื่อหลบทาง และมอบเวทีนี้ให้กับตี๋ตงหมิง
ตี๋ตงหมิงไม่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินผิดหวัง แม้เขาจะเข้าสังคมไม่เก่ง คำพูดคำจาอาจฟังดูไม่ไพเราะ แต่สิ่งแรกที่เขาพูดออกมาก็คือ คำพูดของทหารเฝ้าประตูทั้งสองเป็นเท็จ
“ใต้เท้า นี่คือรายชื่อของทหารยามเฝ้าประตูเมืองของเดือนนี้ ผู้เฝ้าประตูเมืองเมื่อคืนไม่ใช่สองคนนี้ ไม่สนว่าเมื่อวานใครจะเข้าเมืองมาบ้าง แต่สองคนนี้ไม่มีทางเห็นอย่างแน่นอน ใต้เท้าโปรดดู บัญชีรายชื่อไม่ได้ถูกเขียนขึ้นในวันนี้ เนื่องจากรายชื่อของผู้เฝ้าประตูทั้งหมดนี้ถูกจัดและเขียนออกมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว” หลังจากพูดจบ ตี๋ตงหมิงส่งสัญญาณให้ผู้ติดตามด้านหลังของเขานำใบรายชื่อออกมา
สมุดเล่มหนาเล่มใช้บันทึกรายชื่อและช่วงเวลาของทหารยามเฝ้าประตูเมืองในระยะเวลาหนึ่งเดือน ทุกอย่างถูกเขียนไว้ชัดเจน ไม่เพียงแค่ชื่อของผู้ซึ่งเข้ายามเมื่อวานเท่านั้น แต่ยังมีรายชื่อของผู้ที่เคยเข้าไปแล้ว และยังไม่ได้เข้าเขียนไว้ด้วย
สมุดเล่มนี้ไม่อนุญาตให้ทำการแก้ไขหรือเขียนขึ้นมาใหม่ ดังนั้นหากเป็นของปลอมก็สามารถดูออกได้อย่างง่ายดาย หากเพิ่งเขียนขึ้นเมื่อวาน เป็นไปไม่ได้ที่กลิ่นหมึกจะไม่หลงเหลืออยู่
หัวหน้าศาลต้าหลี่ตรวจสอบรายชื่อพร้อมกับพยักหน้า จากนั้นก็ให้ผู้ช่วยของเขาเป็นคนตรวจสอบวันเวลา และหลังจากยืนยันแล้วว่าสมุดเล่มนี้ถูกเขียนมานานกว่าสิบวัน ไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด เขาก็มอบมันคืนให้กับตี๋ตงหมิง
นี่คือสิ่งซึ่งเป็นความลับ ยิ่งคนเห็นน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ถึงตอนนี้ ทางฝ่ายขององครักษ์เสื้อโลหิตไม่มีอะไรจะพูด พวกเขาทำได้เพียงเบิกตากว้าง จ้องมองตี๋ตงหมิงบิดเบือนกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และเป็นพยานเท็จให้กับเฟิ่งชิงเฉิน
ปัง……แรงกดดันจากด้านล่างรุนแรงเหลือเกิน หัวหน้าศาลต้าหลี่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทุบค้อนตัดสินในมือของเขา ทำให้ทหารสองนายด้านล่างและหมิงเตี่ยนตกใจกลัว ทหารทั้งสองไม่รอให้หัวหน้าศาลต้าหลี่เอ่ยปากออกมา พวกเขาก้มหัวลงกับพื้นและพูดออกมาทันทีว่า “ใต้เท้า ข้าถูกใส่ความ ข้าน้อยถูกใส่ความ ชื่อลำดับการเข้ายามหน้าประตูเมืองของข้าคือเมื่อวานนี้ ใต้เท้า ข้าไม่ได้โกหก หากใต้เท้าไม่เชื่อ ท่านสามารถส่งคนไปถามยามผลัดก่อนหน้าของข้าได้ ใต้เท้า ข้าถูกใส่ความ ข้าถูกใส่ความ”
“ใส่ความ? พูดแบบนี้ก็หมายความว่าข้าใส่ความเจ้าอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้าจะไม่ยอมรับใช่ไหม ได้ วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้าพูดไม่ออก เข้ามา พาทหารยามที่เฝ้าประตูเมืองเมื่อวานนี้เข้ามา” ตี๋ตงหมิงกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
แค่พยานเท็จทำไมจะทำไม่ได้ ขนาดรายชื่อทหารยามยังสามารถปลอมแปลงได้ แค่สร้างพยานตัวปลอมขึ้นมามันจะไปยากอะไร โบกมือ ทหารยามเฝ้าประตูเดินออกมา หลังจากก้มหน้าทำความเคารพผู้พิพากษาทั้งสาม เขาคุกเข่าลงและไม่เคลื่อนไหว ทำให้หัวหน้าศาลต้าหลี่รู้สึกว่าอีกฝ่ายให้เกียรติเป็นอย่างมาก จึงถามออกมาอย่างอ่อนโยน
“เมื่อวานพวกเจ้าปฏิบัติหน้าที่เป็นทหารเฝ้าประตูเมืองใช่หรือไม่?”
“เรียนใต้เท้า ใช่ขอครับ ใต้เท้าสามารถสอบถามประชาชนแถวนั้นได้ว่าพวกเข้าปฏิบัติหน้าที่ทหารเฝ้าประตูเมือง”
“งั้นพวกเจ้ารู้จักสองคนนี้หรือไม่?” หัวหน้าศาลต้าหลี่ชี้ไปที่ทหารสองคนแรกและถามออกมา ทหารที่ตี๋ตงหมิงนำตัวมาเหลือบมองไปยังสองคนนั้นและพยักหน้าออกมา จากนั้นให้ผู้นำในกลุ่มของพวกเขาพูดออกมาว่า “รู้จัก สองคนนี้คือพี่น้องของพวกเราเอง พวกเขามีหน้าที่เฝ้าประตูเมืองในวันนี้”
ข้อความนี้สอดคล้องกับบันทึกในบัญชีรายชื่อยามเฝ้าประตูเมือง พวกเขาทำงานหนักมาก ต้องยืนอยู่หน้าประตูทั้งวัน เพื่อมั่นใจว่าพวกเขามีกำลังเพียงพอ จึงต้องแบ่งงานกันเป็นผลัด คือทำงานหนึ่งวันหยุดหนึ่งวัน และในวันนี้หัวหน้าทหารยามกล่าวว่าเป็นยามของพวกเขา เมื่อวานก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไปเฝ้าประตูเมือง
“ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้น ใต้เท้า ข้าถูกใส่ความ ข้าน้อยถูกใส่ความ ไอ้สารเลว เจ้าต้องการทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ” ตอนแรกที่ทหารทั้งสองได้เห็นหน้าของตี๋ตงหมิงพวกเขาก็มีความรู้สึกกลัวอยู่ในใจ และตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนทหารยามด้วยกันบอกว่าพวกเขากล่าวเท็จ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น
หากเป็นพยานเท็จก็จะถูกขังคุก ทหารทั้งสองตะโกนออกมาเสียงดัง โต้เถียงกับทหารที่ตี๋ตงหมิงพาเข้ามา ตี๋ตงหมิงพ่นลมหายใจอย่างเยือกเย็น หันมายิ้มให้กับเฟิ่งชิงเฉินและหันกลับไปอย่างเย่อหยิ่ง
องครักษ์เสื้อโลหิตกล้าฝังตัวสายลับเข้าไปในจวนของซู่ชินอ๋อง ซู่ชินอ๋องไม่มีทางปล่อยองครักษ์เสื้อโลหิตไปอย่างแน่นอน และจักรพรรดิก็คงต้องหลับตาข้างหนึ่ง ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งนี้จะถูกตัดสินโดยจวนซู่ชินอ๋อง
“เงียบ! เงียบ!” ห้องพิจารณาคดีตกอยู่ในความโกลาหล หัวหน้าศาลต้าหลี่ทุกค้อนไม้ของเขาลงบนโต๊ะตัดสินอย่างรุนแรง ทำให้สิ่งของซึ่งวางอยู่บนโต๊ะสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง
เฟิ่งชิงเฉินเหลือบมองไปยังมือสีแดงของหัวหน้าศาลต้าหลี่ จากนั้นก็มองมายังมือของตนเอง นางรู้สึกว่าการทุบลงไปเช่นนี้คงทำให้รู้สึกเจ็บปวดน่าดู
ในห้องพิจารณาคดี หัวหน้าศาลต้าหลี่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ จากการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ทหารที่กำลังทะเลาะกันไม่กล้าเคลื่อนไหว มือและเท้าของพวกเขายังคงยกอยู่กลางอากาศ หากไม่เห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสม เฟิ่งชิงเฉินคงหัวเราะออกมาแล้ว นี่ช่างเป็นการศิลปะการแสดงที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
ใบหน้าของหัวหน้าศาลต้าหลี่เต็มไปด้วยความมืดมน ตะโกนออกไปในลมหายใจเดียว พร้อมกับโยนป้ายสั่งลงโทษสีแดงลงมาห้าแผ่น “เข้ามา ลากเจ้าสามคนที่เข้ามาก่อกวนในห้องพิจารณาคดีออกไป เอาพวกเขาไปโบย”
“ขอครับ” เจ้าหน้าที่เดินเข้ามา นำตัวพยานเท็จทั้งสามออกไป เมื่อทั้งสามเห็นป้ายลงโทษ ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัว
การลงโทษมีอยู่สามแบบ สีขาว สีดำ และสีแดง ป้ายสีขาวโบยหนึ่งครั้ง สีดำโบยห้าครั้ง สีแดงโบยสิบครั้ง
สีขาวโบยหนักแต่ไม่เจ็บถึงกระดูก สีดำโบกหนักจนถึงกระดูก สีแดงโบยจนเลือดออก แต่ครั้งนี้พวกเขาได้ป้ายสีแดงทั้งหมดห้าแผ่น เท่ากับว่าต้องถูกโบยทั้งหมดห้าสิบครั้ง แค่ป้ายสีขาวแผ่นเดียวก็ไม่สามารถเดินกลับบ้านได้แล้ว ป้ายสีดำก็ลุกจากเตียงไม่ได้ครึ่งเดือน ส่วนป้ายสีแดงไม่ตายก็หมดสภาพ
เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าทั้งสามคนนี้ไม่รอดแน่ และการที่ทั้งสามถูกลงโทษก็หมายความว่าองครักษ์เสื้อโลหิตพ่ายแพ้ พวกเขาไม่สามารถดำเนินคดีตามที่คาดไว้ได้ ตอนนี้ถึงคราวของเฟิ่งชิงเฉินที่เป็นฝ่ายฟ้องร้องเพื่อทวงซุนซือสิงกลับคืนมา
มีตี๋ตงหมิงผู้ซึ่งต้องการหาเรื่ององครักษ์เสื้อโลหิตอยู่ด้วย เฟิ่งชิงเฉินเชื่อว่านางจะชนะได้อย่างสวยงาม