นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 82 ขอร้อง
บทที่ 82 ขอร้อง
เสียงปังดังขึ้น องค์หญิงอันผิงตกลงมาจากหลังม้าและร้องโหยหวน สองแขนสองขาของนางอ่อนแรงลงและล้มพับลงไป
อ๊าาาา… เสียงร้องขององค์หญิงอันผิงทำให้เหล่าทหารไม่มีเวลามาสนใจเฟิ่งชิงเฉินอีก พวกเขารีบล้อมเข้าไป “คุ้มกันองค์หญิง คุ้มกันองค์หญิง”
หลังจากเห็นพลังทำลายล้างของปืนพก เหล่าทหารก็ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรู แต่ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้า เฟิ่งชิงเฉินพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา นางหันไปพูดกับซุนยี่สือที่อยู่ข้างหลังว่า “แม่นางซุน โปรดวางใจเถอะ ข้าจะรักษานางให้หายได้อย่างแน่นอน”
ว่าแล้วนางก็ควบขี่ม้าออกไป คราวนี้ไม่มีใครกล้าขัดขวางนางแล้ว แม้ว่าองค์หญิงอันผิงจะยังคงออกคำสั่งอยู่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้า
อย่างไรเสียทุกคนก็ล้วนกลัวความตาย แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าท่อสีดำเล็กๆ ในมือของเฟิ่งชิงเฉินคืออะไร แต่เมื่อได้ยินเสียงมันครั้งหนึ่ง ม้าหนึ่งตัวก็สิ้นชีวิตลง หากของสิ่งนั้นมุ่งหน้าเข้าสู้พวกเขา พวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินอุ้มซุนยี่จิ่นที่มีเลือดโทรมกายเข้าไปในเมือง แต่กลับถูกขวางไว้ที่หน้าประตูเมือง
หลังจากที่อวี่เหวินหยวนฮั่วได้รับข่าว เขาก็รีบมาเสียจนไม่ได้ถอดชุดเกราะออกเสียด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในสภาพปกติดี อวี่เหวินหยวนฮั่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาชี้ไปที่ซุนยี่จิ่นในอ้อมแขนของเฟิ่งชิงเฉินและเอ่ยถามว่า “เฟิ่งชิงเฉินเกิดอะไรขึ้น?”
“แม่ทัพอวี่เหวิน แม่นางซุนได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะพยายามช่วยชิงเฉิน ชิงเฉินต้องรีบกลับไปรักษานาง รบกวนท่านแม่ทัพคุ้มกันชิงเฉินกลับจวนได้หรือไม่”เฟิ่งชิงเฉินอ้อนวอนอย่างเงียบๆ
ในเวลานี้ผู้เดียวที่สามารถช่วยนางได้ก็คืออวี่เหวินหยวนฮั่ว
“เฟิ่งชิงเฉิน คราวนี้ต้องเป็นเรื่องแน่” อวี่เหวินหยวนฮั่วขมวดคิ้ว “ส่งนางไปที่โรงหมอให้หมอรักษานาง”
หวังชีกล่าวไว้ได้ดี แต่อวี่เหวินหยวนฮั่วยังคงไม่เชื่อในฝีมือแพทย์ของเฟิ่งชิงเฉิน
“ไม่ได้ อาการบาดเจ็บของนางสาหัสเกินไป หากถูกส่งไปที่โรงหมอ นางต้องมีอันตรายถึงชีวิตแน่ แม่ทัพอวี่เหวิน ชิงเฉินขอร้องล่ะ โปรดช่วยข้าสักครั้งเถอะ บุญคุณในครั้งนี้ข้าจะไม่ลืมเลยชั่วชีวิต”
ขณะพูด เฟิ่งชิงเฉินก็แบกซุนยี่จิ่นและเลื่อนตัวลงมาจากหลังม้า ขาทั้งสองของนางอ่อนแรง เตรียมพร้อมที่จะคุกเข่า
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากำลังจะทำอะไร?” อวี่เหวินหยวนฮั่วรีบประคองนางขึ้นไม่ให้นางคุกเข่า เขาจะรับตัวของซุนยี่จิ่นไป แต่เฟิ่งชิงเฉินส่ายหัวปฏิเสธ
“การขอร้องต้องทำเช่นนี้มิใช่หรือ!” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มอย่างขมขื่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร หากข้าสามารถช่วยเจ้าได้ ไฉนเลยจะต้องให้เจ้าร้องขอ”ใบหน้าของอวี่เหวินหยวนฮั่วที่เดิมก็บึ้งอยู่แล้ว บัดนี้แลยิ่งบึ้งลงไปอีก
ในขณะที่อวี่เหวินหยวนฮั่วกำลังจะเกลี้ยกล่อมเฟิ่งชิงเฉินให้ส่งซุนยี่จิ่นไปที่โรงหมอ ในกลุ่มคนก็กรีดร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก
“อ๊าาาา…”
“เอะอะโวยวายอะไรกัน ไม่เหมือนทหารที่นำโดยข้าเอาเสียเลย” อวี่เหวินหยวนฮั่วโมโหเผลอสบถคำหยาบออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ท่าน ท่านแม่ทัพ หลังของแม่นางเฟิ่ง” ทหารตัวน้อยผู้นั้นไม่ใช่ทหารที่ฝึกโดยอวี่เหวินหยวนฮั่วจริงๆ เขาเป็นเพียงทหารเฝ้าเมืองเท่านั้น เมื่อถูกอวี่เหวินหยวนฮั่วดุ ขาของเขาก็อ่อนปวกเปียก
“ตุบ…” อวี่เหวินหยวนฮั่วหยิบดาบในมือของเขาและทุบหัวทหารผู้นั้น “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ”
ร่างกายของหญิงสาวเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่ใช่สิ่งที่ทหารอย่างพวกเขาสามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามใจชอบ
ทหารชั้นผู้น้อยเวียนหัวหลังจากถูกทุบ แต่ก็ยังคงชี้ไปที่แผ่นหลังของเฟิ่งชิงเฉินอย่างหนักแน่น
ฮือๆๆ อยุติธรรมยิ่งนัก…
ผู้ที่อยู่ใกล้เฟิ่งชิงเฉินต่างก็ถอยกลับไปมอง “อ๊าา…”
พวกเขาอุทานออกมาเหมือนกัน คราวนี้อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่พอใจจริงๆ แล้ว ทหารของเขาเป็นอะไรไปถึงได้เอาแต่จ้องมองแผ่นหลังของสตรี
“เกิดอะไรขึ้น?” อวี่เหวินหยวนฮั่วเดินไปที่ด้านหลังของเฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ให้อวี่เหวินหยวนฮั่วประเมินได้ตามใจ อย่างไรบาดแผลนี้ก็ไม่อาจปิดบังได้อยู่แล้ว
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไปทำอะไรมา เจ้าทำให้ตัวเองลำบากขนาดนี้ได้อย่างไร” อวี่เหวินหยวนฮั่วตกใจ แต่ในขณะเดียวกันก็มองเฟิ่งชิงเฉินด้วยความชื่นชม
สตรีผู้นี้ไม่เกรงกลัวต่อความเจ็บขนาดนี้เชียวหรือ?
“บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น แม่ทัพอวี่เหวิน โปรดช่วยชิงเฉินสักครั้ง ชิงเฉินขอร้อง ข้ารับรองได้เลยว่าข้าจะสามารถรักษาแม่นางซุนได้อย่างแน่นอน” เฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องการใช้กลยุทธ์ทหารตกอับ แต่อวี่เหวินหยวนฮั่วเห็นแผลที่หลังของนางแล้ว หากนางไม่ใช้มันก็จะเสียเปล่า
“เจ้า…” อวี่เหวินหยวนฮั่วกลอกตาด้วยความโกรธ “เอาล่ะๆๆ ข้ากลัวเจ้าแล้ว ไปเตรียมรถม้าแล้วนำเสื้อคลุมของข้ามาด้วย” เขาสั่งทหารคนสนิทด้านหลัง
“ขอบคุณมาก ท่านแม่ทัพ” สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินแจ่มใสขึ้นทันใด
“เฟิ่งชิงเฉิน ชาติที่แล้วข้าคงต้องเป็นหนี้เจ้าอย่างมากเป็นแน่ ชีวิตนี้จึงได้ต้องมาใช้หนี้เจ้า หากรู้ว่าที่เมืองหลวงมีตัวปัญหาเช่นเจ้าอยู่ ตีให้ตายข้าก็ไม่กลับมา” อวี่เหวินหยวนฮั่วพึมพำอย่างโกรธเคือง
เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่ใส่ใจ นางได้แต่ยิ้มปลอบโยน “ท่านแม่ทัพอย่าหงุดหงิดไปเลย ไม่แน่ว่าการที่ท่านกลับไปถึงเมืองหลวงแล้วได้พบกับชิงเฉินอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ ท่านต้องรู้ว่าข้าเป็นหมอและไม่มีใครในโลกนี้ที่กล้าพูดว่าเขาไม่ต้องการหมอโดยเฉพาะคนอย่างท่านที่ต้องต่อสู้นองเลือดอยู่ในสนามรบ”
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่ามาแช่งข้า สิ่งที่ข้าอวี่เหวินหยวนฮั่วเกลียดที่สุดในชีวิตก็คือการหาหมอ”
ทหารของอวี่เหวินหยวนฮั่วนั้นมีประสิทธิภาพมาก เพียงไม่กี่คำเสื้อคลุมและรถม้าก็พร้อม
“เฟิ่งชิงเฉิน ไปกันเถอะ”
…
มีอวี่เหวินหยวนฮั่วคอยคุ้มกันนางไป เฟิ่งชิงเฉินสามารถเดินกร่างได้เลยในเมืองหลวง พวกเขารีบมุ่งหน้าไปที่จวนเฟิ่งโดยปราศจากอุปสรรค
ไม่จำเป็นต้องเคาะประตูด้วยซ้ำ เมื่อมีแม่ทัพอวี่เหวินอยู่ เขาพังประตูเข้าไปได้เลย
ประตูไม้เก่าๆ ของจวนเฟิ่งลั่นเอี๊ยดอ๊าด
เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถพูดอะไรได้ นางแบกคนเดินไปที่ห้องของนางอย่างเรียบร้อย
โจวสิงได้ยินเสียงก็รีบวิ่งออกมา “ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น”
เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยเลือดแถมยังแบกคนอยู่ด้วย โจวสิงก็แทบจะตกตะลึงตาค้าง
ทำไมทุกครั้งที่เฟิ่งชิงเฉินออกจากเมืองไปจะต้องกลับมาในสภาพเลวร้ายเช่นนี้ด้วย
“ข้าไม่เป็นไร” เฟิ่งชิงเฉินไม่มีเวลาคุยกับโจวสิงและรีบวิ่งไปราวกับพายุหมุน
เมื่อวางซุนยี่จิ่นลงเรียบร้อยแล้ว นางก็ไล่อวี่เหวินหยวนฮั่วและโจวสิงออกไป
“พวกเจ้าคอยเฝ้าแทนข้าไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าให้ใครมารบกวนข้า”
ว่าแล้วเฟิ่งชิงเฉินก็วิ่งไปที่บ่อน้ำ ตักน้ำขึ้นมาและชำระล้างสิ่งสกปรกบนร่างกายของนางออก เลือดไหลลงมา แผลที่ได้ชาไปแล้วก็เจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ
เป็นความจริงที่หมอไม่อาจรักษาตัวเองได้ คำพูดนี้ไม่ผิดเลย เฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บที่หลัง นางไม่มีทางทายาให้ตนเองได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านางไม่มีเวลาถ้าไม่ใช่เพราะความสะอาด นางคงจะไม่จัดการบาดแผลของตนเองก่อนด้วยซ้ำ
หลังจากล้างแผลจนสะอาดแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็หยิบผ้าฝ้ายขึ้นมาซับน้ำที่แผล หยิบขวดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อขวดใหญ่ออกมาแล้วราดลงไปบนหลังของนางโดยตรง
ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด ฟันของนางกระทบกันกึกกักและหอบหายใจไม่หยุด
เฟิ่งชิงเฉินอดทนต่อความเจ็บปวดพลางยืนขึ้นอย่างระมัดระวัง หลังจากที่ความเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นความชา สำหรับบาดแผลที่ข้อเท้าของนางนั้น นางไม่มีเวลาจัดการกับมันจริงๆ
เฟิ่งชิงเฉินสวมเสื้อผ้าสะอาดกลับมาที่ห้องอีกครั้ง นางเปิดใช้งานกล่องเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะหยิบถุงมือ หน้ากากอนามัยและเสื้อกาวน์สีขาวออกมาสวมทีละอย่าง
นางดึงโต๊ะข้างเตียงมาวางอุปกรณ์และยาที่จำเป็น
อนิจจา น่าเสียดายที่ห้องผ่าตัดยังสร้างไม่สำเร็จ ไม่อย่างนั้นน่าจะสะดวกกว่านี้
ให้นำเกลือ ดมยาสลบ เฟิ่งชิงเฉินเป็นทั้งแพทย์และพยาบาล เมื่อรู้หมู่เลือดของซุนยี่จิ่นแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็นำเลือดที่เก็บไว้มาถ่ายเลือดให้นาง…
แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะยุ่ง แต่ก็สามารถรักษาสมาธิขั้นสูงได้ เฟิ่งชิงเฉินดื่มด่ำไปกับงานของนาง ความเจ็บปวดที่หลังจึงถูกละเลยไปโดยสมบูรณ์
เฟิ่งชิงเฉินยืนตัวตรง ดวงตาทั้งสองของนางแดงก่ำ ในขณะนี้สายตาของนางมีเพียงผู้ป่วยเท่านั้น
ว่าแล้วเฟิ่งชิงเฉินก็วิ่งไปที่บ่อน้ำ ตักน้ำขึ้นมาและชำระล้างสิ่งสกปรกบนร่างกายของนางออก เลือดไหลลงมา แผลที่ได้ชาไปแล้วก็เจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ
มีดผ่าตัด คีมห้ามเลือดและแหนบปรากฏขึ้นในมือของเธอ สำลีเปื้อนเลือดก็ถูกโยนทิ้งไป
เมื่อ… หัวลูกศรในร่างกายของซุนยี่จิ่นถูกผ่าออกมา
ปรี๊ด… เลือดพุ่งออกมา ทำให้เสื้อผ้าของเฟิ่งชิงเฉินเป็นสีแดง
นี่เป็นเรื่องปกติ
เมื่อหัวลูกศรถูกตัดออก แรงดันหายไป ความดันโลหิตจึงทำให้เลือดพุ่งออกมา นี่จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
เฟิ่งชิงเฉินหายใจออก นางรีบปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและถอนหายใจอีกครั้ง ไม่มีผู้ช่วยผ่าตัดช่างลำบากยิ่ง
เฟิ่งชิงเฉินสูดหายใจเข้าลึก เอาสองมือกดไว้ที่แผลอย่างแรง แรงขึ้นอีก จนกระทั่งเลือดจากบาดแผลหยุดพุ่งออกมา เฟิ่งชิงเฉินจึงค่อยทำการรักษาต่อไป
ทำความสะอาด ห้ามเลือด ลงยาและเย็บแผล ทั้งหมดเสร็จสิ้นในอึดใจเดียว หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ร่างของเฟิ่งชิงเฉินก็เต็มไปด้วยเหงื่อโชกราวกับเพิ่งถูกดึงขึ้นจากน้ำ
แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง นางยังคงทำงานต่อไปโดยไม่หยุดแม้สักนาทีเดียว
ต่อไปเป็นบาดแผลที่หน้า