นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 825 การต่อสู้อันดุเดือด ความภักดีทั้งหมดมีไว้เพื่อหักหลังในวินาทีสุดท้าย
- Home
- นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
- บทที่ 825 การต่อสู้อันดุเดือด ความภักดีทั้งหมดมีไว้เพื่อหักหลังในวินาทีสุดท้าย
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 825 การต่อสู้อันดุเดือด ความภักดีทั้งหมดมีไว้เพื่อหักหลังในวินาทีสุดท้าย
เรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินตื่นขึ้นมาแล้ว เสด็จอาเก้าเองก็รู้ รวมถึงท่าทางอันน่ารักของเฟิ่งชิงเฉินที่ได้ยินว่าให้มาทานอาหารในห้องหนังสือ เสด็จอาเก้าเองก็รู้เช่นกัน
ไม่ต้องคิดเสด็จอาเก้าก็รู้ได้ทันทีว่าเฟิ่งชิงเฉินคิดมากเกินไป และนางก็กำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา
เขาให้เฟิ่งชิงเฉินมาห้องหนังสือก็เพื่อพูดคุยในเรื่องอื่น เมื่อวานเกิดเรื่องขึ้นมากมาย และเรื่องพวกนี้เขาจำเป็นต้องบอกกับเฟิ่งชิงเฉิน
เมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้คนจากทุกทิศทุกทางในเมืองจักรพรรดิออกมาสู้รบกันอย่างดุเดือด พวกเขาต่อสู้กันจนถึงที่สุด และไม่มีใครสามารถยืนขึ้นมาได้แม้แต่คนเดียว
รถม้าจอดตระหง่านอยู่ท่ามกลางซากศพ ผู้ที่คิดจะสังหารซุนซือสิง และผู้ที่ต้องการช่วยเหลือซุนซือสิงนอนกองอยู่บนพื้น พวกเขายังมีลมหายใจ ยังไม่ตาย จับจ้องไปยังรถม้าคันนั้นโดยไม่กะพริบตา
พวกเขาต่อสู้กันมาทั้งคืนเพื่อรถม้าคันนั้น สังเวยชีวิตไปมากมาย แต่สุดท้ายพวกเขากลับทำไม่ได้แม้แต่เข้าใกล้ แค่เข้าไปดูให้แน่ใจว่าในรถม้าคันนั้นมีคนอยู่หรือไม่ยังทำไม่ได้
แบบนี้การต่อสู้จะไม่สูญเปล่าอย่างนั้นหรือ?
พวกเขาพยายามต่อสู้ แม้ยังมีลมหายใจเหลืออยู่ แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถลุกขึ้นมายืนได้ ในตอนที่เหล่าผู้คนกำลังคิดจะยอมแพ้ ร่างสีดำคลานออกมาจากกองศพ เดินโซซัดโซเซไปทางรถม้า
“ติงเหมา เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เยี่ยมไปเลย เผามัน เผาคนที่อยู่บนรถให้สิ้นซาก” ชายคนหนึ่งพูดอย่างอ่อนแรงในกองเลือด และความสุขที่เผยให้เห็นจากน้ำเสียงของเขา ทำให้คนอื่น ๆ โกรธจนอยากจะฉีกร่างเขาออกเป็นชิ้น ๆ
ต้องการให้ซุนซือสิงจากไปจนไม่เหลือซาก แน่นอนว่าต้องเป็นคนของจักรพรรดิ
“ฮึฮึ……” ติงเหมายิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย หลังและขาของเขาถูกแทง เลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ยังพยายามก้าวต่อไป ทุกย่างก้าวของเขา ทำให้เลือดในร่างกายของเขาไหลออกมาเร็วขึ้น ติงเหมาไม่สนใจ ถอดผ้าพันคอสีดำที่ปิดหน้าออก ผูกไว้บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ และเดินโซเซไปทางรถม้า
ติงเหมาก้าวไปด้านหน้า เปิดม่านบนรถม้าขึ้น หลังจากเห็นว่าด้านในมีคนอยู่ก็รู้สึกโล่งใจ ส่วนคนด้านในรถม้าจะใช่ซุนซือสิงหรือไม่ ติงเหมาเองก็ไม่รู้
เขาไม่เคยเห็นซุนซือสิงมาก่อน ต่อให้เคยเห็น ในวันแรมซึ่งท้องฟ้ามืดถึงขนาดนี้ เขาก็มองไม่ออก แต่จากสัญชาตญาณการตัดสินใจของเขาแล้ว คนบนรถม้าจะต้องเป็นซุนซือสิงอย่างแน่นอน
“เผา รีบเผามันเร็ว” สายลับของพระราชวังตะโกนเร่งออกมา ภารกิจที่จักรพรรดิมอบให้ ต่อให้ตายก็ต้องทำให้สำเร็จ
แต่สิ่งซึ่งน่าแปลกใจก็คือ ติงเหมาไม่ได้เผารถม้าแต่อย่างใด เขานำร่างของเขาพิงรถม้าอย่างเหนื่อยหอบ หลังจากหายใจเป็นปกติแล้ว เขานำยาออกมาใส่เข้าไปในปาก กินยาเพื่อปรับลมหายใจ ติงเหมาเดินขึ้นไปบนรถม้า ลากคนในรถม้าออกมา
“ติงเหมา เจ้ากำลังทำอะไร?” สายลับของพระราชวังหายใจหอบ ปีนขึ้นไปบนรถม้า เขาไม่อยากจะเชื่อว่าอดีตคู่หูของเขา จะหักหลังเข้าเช่นนี้
“ทำอะไร เจ้าเองก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือไง เขาจะตายไม่ได้” ติงเหมาที่ปิดปากเงียบมาโดยตลอด ในที่สุดก็พูดออกมาด้วยความดูถูก
“เจ้า เจ้าหักหลังนายท่าน” คนผู้นั้นหมดลมหายใจ ฉากที่เห็นทำให้เขาโกรธจนกระอักเลือด เอียงคอและหมดสติไป
“ฮ่าฮ่า หักหลังเจ้านาย ข้าไม่เคยหักหลังนายท่านมาก่อน” เดิมทีเจ้านายของเขาไม่ใช่จักรพรรดิ
ใบหน้าของติงเหมาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม กัดฟันและแบกซุนซือสิงไว้บนหลัง แต่เดินไปด้านหน้าได้เพียงสองก้าวก็ถูกมีดขนาดใหญ่ขวางเอาไว้
ติงเหมาผงะ เงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นผู้ซึ่งขวางอยู่ด้านหน้า ใบหน้าของเขาซีดขาวในทันที “ใต้ ใต้ ใต้เท้า……”
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ใต้เท้าตายไปในการต่อสู้แล้วมิใช่หรือ
ใบหน้าของติงเหมาขาวเหมือนกระดาษ สายตาของเขาสอดส่องไปยังซากศพที่นอนเรียงรายกันอยู่โดยรอบ แต่คนตายมีจำนวนมากเกินไป และท้องฟ้าก็มืดมน เขามองไม่ออกว่าใครเป็นใคร
“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาเรียกข้าว่าใต้เท้า เจ้าเป็นสายลับ” ฝู่หลินปราศจากความสงสัย ยกมีดขึ้นสับลงบนร่างของติงเหมา ส่วนผู้ที่ติงเหมาช่วยออกมาจากรถม้า ฝู่หลินไม่เคยเห็นคนผู้นั้นอยู่ในสายตาเลย
ใครจะไปเชื่อ มีแต่เจ้าโง่พวกนี้เท่านั้นที่เชื่อว่าคนที่อยู่บนรถม้าคันนั้นคือซุนซือสิง
ฝู่หลินชำเลืองมองติงเหมาด้วยความเหยียดหยาม เขาทำงานเป็นสายลับมาครึ่งชีวิต แต่กลับถูกเปิดโปงด้วยตัวแทน ไม่รู้ว่าหลังจากเจ้านายของติงเหมารับรู้ เขาจะโกรธจนแทบกระอักเลือดออกมาหรือไม่
ฝู่หลินยิ้มออกมา มองหาสายลับที่เพิ่งพูดออกมาเมื่อสักครู่จากซากศพ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขายังมีลมหายใจ ฝู่หลินนำยายัดเข้าไปในปากของเขา ยาเม็ดนี้สามารถทำให้เขามีชีวิตต่อไปได้อีกสองชั่วโมง และเวลาจำนวนนี้มันก็เพียงพอที่จะให้เขากลับไปยังพระราชวังเพื่อบอกกับจักรพรรดิว่าติงเหมาเป็นผู้ทรยศ
แล้วภารกิจเล่า?
ขอแค่ซุนซือสิงไม่กลับเข้ามาสร้างปัญหาให้กับจักรพรรดิ แค่นั้นก็ถือว่าภารกิจสำเร็จ
ฝู่หลินแบกคนไว้บนหลัง ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หายไปจากความมืดในพริบตา จั่วอั้นที่แอบอยู่ในความมืดจ้องมองการจากไปของฝู่หลิน ส่ายหน้าออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
ชายผู้นี้แข็งแกร่งมาก เห็นได้จัดว่าเขาสัมผัสได้ถึงตนเอง แต่ทำไมถึงไม่ส่งเสียง น่าสงสัย
จั่วอั้นเป็นคนง่าย ๆ เรื่องที่ไม่เข้าใจเขาก็จะไม่คิดถึงมัน สิ่งที่เขาต้องทำก็คือพาซุนซือสิงไปส่งยังหุบเขาซวนยี หลังจากนั้นก็หลับมารับค่าเหนื่อย
จั่วอั้นนำพาคนอีกกลุ่มหนึ่งเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง จากการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาจะยังปลอดภัยอีกในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แม้ต่อให้พบกับพวกที่เข้ามาหาเรื่อง พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัว เนื่องจากมีจั่วอั้นอยู่ เรื่องความปลอดภัยของซุนซือสิง ไม่จำเป็นต้องกังวล
เรื่องการต่อสู้ที่เกิดขึ้นนอกเมืองเมื่อวานนี้ไม่สามารถปกปิดได้ หลังจากตี๋ตงหมิงรายงานการต่อสู้ที่เกิดขึ้น จักรพรรดิทรงรับรู้ เขาไม่จำเป็นต้องตรวจสอบซ้ำ
ตรวจ ตรวจสอบบ้าอะไร คนพวกนั้นตายไปหมดแล้ว บนตัวไม่มีเครื่องหมายอะไร ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว จักรพรรดิเองก็ไม่อยากจะมาวุ่นวายกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ ขอแค่ซุนซือสิงไม่เข้ามาสร้างปัญหาให้กับแผนการของเขา ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา เนื่องจากตอนนี้เขากำลังยุ่งเป็นอย่างมาก
มีสายลับในองครักษ์เสื้อโลหิต เขายังพอจะยอมรับได้ แต่มีสายลับอยู่ในสายลับของพระราชวัง เรื่องนี้จักรพรรดิไม่มีทางยอมเป็นอันขาด เนื่องจากสายลับเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเขา
ครั้งนี้ไม่เพียงแค่องครักษ์เสื้อโลหิต แต่เขายังต้องทำความสะอาดสายลับในพระราชวังด้วย
อะไรก็ตามที่คุกคามความปลอดภัยของจักรพรรดินั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ดังนั้นฝู่หลินจึงได้รับความดีความชอบอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง
หลังจากเฟิ่งชิงเฉินมาถึงห้องหนังสือ เสด็จอาเก้าไม่ได้พูดอะไรมาก คีบอาหารให้นางอย่างตั้งใจ หลังจากทั้งสองทานอาหารเสร็จ เสด็จอาเก้าก็นำเรื่องที่เกิดขึ้นนอกเมืองในเมื่อวานนี้ทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนกลางวันของวันนี้一一เล่าให้กับเฟิ่งชิงเฉินฟัง ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกโล่งใจ และทำให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน
“สายลับข้างกายของจักรพรรดิมีสายลับจากที่อื่นแฝงตัวอยู่ แต่จักรพรรดิกลับไม่รับรู้ คนพวกนั้นเก่งกาจเหลือเกิน” เฟิ่งชิงเฉินหยิบถ้วยชาพร้อมกล่าวออกมา
ในความเป็นจริงนางอยากพูดออกมาว่าฝู่หลินช่างโชคดีเหลือเกิน พบเจอเรื่องดี ๆ ในทุกสถานการณ์ แบบนี้ก็ยิ่งทำให้จักรพรรดิเชื่อใจเขามากขึ้นไปอีก
“จักรพรรดิไม่สงสัยสายลับมันก็เป็นเรื่องปกติ การคัดเลือกสายลับนั้นเป็นไปอย่างเข้มงวด สถานะของสายลับผู้นั้นจะต้องผ่านการตรวจสอบมาก่อน และเขาก็ต้องภักดีกับจักรพรรดิมาโดยตลอด จักรพรรดิจะสงสัยในตัวเขาได้อย่างไร” เสด็จอาเก้าขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะให้ความสำคัญกับเรื่องของสายลับ
“คนที่จักรพรรดิเลือกด้วยตัวเองยังเชื่อถือไม่ได้ งั้นคนที่อยู่ข้างกายของข้าจะเป็นเช่นไร? ในหมู่ของพวกเขา จะมีสายลับซ่อนตัวอยู่หรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาอีกครั้งด้วยความกังวล
สำหรับคนของนาง นางจะเข้มงวดกับคนภายใน ปล่อยวางกับคนภายนอก หากข้างกายของนางมีสายลับแฝงตัวอยู่ วันใดที่ถูกหักหลัง เกรงว่านางคงไม่มีโอกาสสวนกลับ
ที่แท้เฟิ่งชิงเฉินก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เสด็จอาเก้าจึงกล่าวออกมาว่า “กังวลเรื่องพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ชิงเฉิน ข้างกายของเจ้ามีสายลับอยู่หรือไม่ เรื่องนี้ข้าไม่สามารถรับประกันได้ แต่ข้าสามารถบอกกับเจ้าไว้ได้อย่างหนึ่งว่า ก่อนที่คนผู้นั้นจะหักหลังเจ้า เจ้าก็ไม่มีทางรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นสายรับผู้ทรยศ เนื่องจากก่อนที่เขาจะหักหลังเจ้า เขาจะภักดีต่อเจ้าเป็นอย่างยิ่ง จะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี และความภักดีทั้งหมดของเขาก็มีไว้เพื่อหักหลังเจ้าในตอนสุดท้ายเท่านั้น”
ในโลกใบนี้ คนที่สามารถเชื่อถือได้มีแค่ตัวเองเท่านั้น!