นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 826 นิ่งๆ อย่าขยับ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 826 นิ่งๆ อย่าขยับ
แสงมีดที่มองเห็นเลือดในความมืด แต่ในความจริงกลับมองไม่เห็น ไม่จำเป็นต้องให้เสด็จอาเก้าแจ้งเตือน เฟิ่งชิงเฉินก็รู้ว่าเวลานี้สถานการณ์ตึงเครียดแค่ไหน นางไม่สามารถเคลื่อนไหวบุ่มบ่ามได้ อย่างน้อยก่อนที่จักรพรรดิจะลงมือ นางก็ไม่สามารถทำลายแผนการของจักรพรรดิ
ในห้องหนังสือ เมื่อได้ยินว่าซุนซือสิงยังปลอดภัยดีก็รู้สึกโล่งใจ เฟิ่งชิงเฉินกล่าวว่าจะกลับจวนเฟิ่ง แต่เสด็จอาเก้าไม่เห็นด้วย อธิบายสถานการณ์ออกไปอย่างถี่ถ้วน แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยังตั้งใจแน่วแน่ที่จะจากไป
บ้าที่สุด ให้อยู่จวนอ๋องเก้าต่อไป นอกจากจะอยู่เพื่อร่วมรักกับเสด็จอาเก้า ก็คงอยู่เพื่อพักฟื้นร่างกาย นางจึงไม่อยากอยู่เพื่อทำเรื่องบ้าบอเช่นนั้น ทำไมต้องทำตามใจเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินไม่อยู่ก็คือไม่อยู่
เสด็จอาเก้าคิดว่าช่วงนี้ตนเองมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังต้องไปสะสาง ประกอบกับเฟิ่งชิงเฉินแน่วแน่ว่าจะจากไป เสด็จอาเก้าทำได้เพียงถอยมาก้าวหนึ่ง ให้เฟิ่งชิงเฉินนำสองสาวใช้สายลับกลับไป ในเวลาซึ่งจั่วอั้นไม่อยู่ ให้สาวใช้ทั้งสองเป็นผู้ดูแล คอยปกป้องเฟิ่งชิงเฉิน
ความปลอดภัยของตนเอง เฟิ่งชิงเฉินให้ความสำคัญกับมันมาโดยตลอด แน่นอนว่าไม่มีทางปฏิเสธ ดังนั้นในคืนดังกล่าวนางจึงพาสาวใช้ทั้งสองกลับไปยังจวนเฟิ่ง เมื่อถึงจวนเฟิ่งก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย แม้กระทั่งเรื่องของซุนซือสิงเองก็เช่นกัน นางบอกกับทงจือและพวกของทงเหยาไปแค่ว่า ซุนซือสิงยังสบายดี
ต้องบอกเลยว่าคำพูดนั้นของเสด็จอาเก้าทำให้เฟิ่งชิงเฉินตื่นตัวเป็นอย่างมาก ความภักดีทั้งหมด มีไว้เพื่อทรยศในวินาทีสุดท้าย หลังจากได้รับความไว้วางใจจากเจ้านาย และโต้กลับในเวลาสำคัญ นั่นมันก็หมายความว่า……
เลวร้ายเป็นอย่างมาก
เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่านางไม่สามารถรับกับผลที่ตามมาได้ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถมอบความเชื่อใจให้ใครได้ ไม่สามารถปล่อยใครผู้ใดผู้หนึ่งผูกขาดทางอำนาจ เนื่องจากจะปล่อยให้จวนเฟิ่งต้องลมสลายเพราะคนทรยศเพียงคนเดียวไม่ได้
เฟิ่งชิงเฉินตัดสินใจหาโอกาสทดสอบชุนฮุ่ย เซี่ยหว่าน ชิวฮว่าและตงชิง หากพวกนางสามารถใช้ประโยชน์ได้ ก็จะให้พวกนางมาถ่วงดุลอำนาจของทงจือและทงเหยา เนื่องจากอำนาจผูกขาดนั้นมันน่ากลัวเกินไป
เรื่องนี้เป็นเพียงแผนการในใจของเฟิ่งชิงเฉิน นางไม่สามารถทำให้ทงจือและทงเหยารู้สึกหนาวเหน็บหัวใจเพียงเพราะความคิดของนาง ต่อให้กังวลก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้ เนื่องจากหากแสดงให้เห็นว่าสงสัยในตัวของผู้รับใช้ทั้งที่พวกเขามีใจภักดี นั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้พวกเขาหักหลังได้
ตั้งแต่กลับมาจากจวนอ๋องเก้า ทุกคนต่างจับตาดูเฟิ่งชิงเฉิน นึกถึงท่าทางอันสง่าผ่าเผยของนางในห้องพิพากษาวันนั้น ตอนแรกคิดว่าการที่นางมีเสด็จอาเก้าคอยให้การสนับสนุน นางจะทำการโจมตี องครักษ์เสื้อโลหิตและจวนซุ่นหนิงโหวอย่างดุเดือดอีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเก็บตัวอยู่ในบ้านทั้งวันทั้งคืน ราวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องพิพากษานั้นไม่ใช่นาง
จวนซุ่นหนิงโหวรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงส่งคนไปสืบดู แต่กลับไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับไปเลยแม้แต่น้อย การต่อสู้กันของเบื้องบนมันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ไร้อำนาจอย่างพวกเขาจะเอื้อมถึง
หลังจากองครักษ์เสื้อโลหิตทะเลาะกับเฟิ่งชิงเฉิน ทุกอย่างก็ถูกปิดไว้อย่างมิดชิด คนนอกไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยว และคนในก็ไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลได้
ผ่านไปห้าวัน ทุกอย่างเงียบสงบราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ในตอนที่ทุกคนกำลังลืม คิดว่าเฟิ่งชิงเฉินสงบศึกกับองครักษ์เสื้อโลหิตและจวนซุ่นหนิงโหว ในเวลานั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ขึ้น
“ลู่เส้าหลินถูกจับ”
ข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปยังคนที่สมควรรับรู้ภายในระยะเวลาครึ่งชั่วโมง แม้เฟิ่งชิงเฉินจะรู้ว่าลู่เส้าหลินไม่มีทางจบสวย แต่เมื่อได้ยินข่าวนี้ นางก็อดตกใจไม่ได้
นางคิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิจะจับกุมลู่เส้าหลินและเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างต่อสาธารณชนเร็วถึงขนาดนี้ นางคิดว่าหน่วยข่าวกรองรับควรจะจัดการอย่างลับ ๆ แต่ต่อมานางถึงได้รู้ว่าจักรพรรดิต้องการประหารลู่เส้าหลินต่อสาธารณชนเพื่อปูทางให้ตงหลิงจื่อลั่ว
ลู่เส้าหลินถูกคุมขัง ตงหลิงจื่อลั่วขึ้นประจำการองครักษ์เสื้อโลหิต เพื่อตรวจสอบการประพฤติทุจริตขององครักษ์เสื้อโลหิตโดยละเอียด หลังจากสังหารคนไปจำนวนมาก ตงหลิงจื่อลั่วเข้ามารับช่วงองครักษ์เสื้อโลหิตต่อ และหน้าที่รับผิดชอบขององครักษ์เสื้อโลหิตก็คือการตรวจสอบขุนนางและองค์กรต่าง ๆ รวมตรวจสอบหน่วยข่าวกรองลับที่อยู่ในความมืดซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ
ด้วยเหตุการณ์นี้ จักรพรรดิได้เปลี่ยนหน้าที่การสืบสวนลับจากชัดเจนเป็นมืดมน ขณะเดียวกันทำให้ตงหลิงจื่อลั่วมีอำนาจสูงสุดในการตรวจสอบ——จับตาดูขุนนางจากทุกฝ่าย
หลังลู่เส้าหลินถูกจับกุม ก็เหมือนกับได้ปิดบาดแผลอันยิ่งใหญ่ ภายใต้การควบคุมของตงหลิงจื่อลั่ว องครักษ์เสื้อโลหิตไม่ใช่หน่วยงานที่เสื่อมทรามอีกต่อไป องครักษ์เสื้อโลหิตกระตือรือร้นในการงาน ทำงานตลอดวันตลอดคืน จัดการกับเหล่าขุนนางชั่วได้หลายคนภายในระยะเวลาไม่กี่วัน
สำหรับเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้มีแค่การทุจริตต่อประเทศชาติของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่สามารถเปิดเผยได้ แต่ในความมืดยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ประชาชนทั่วไปไม่รับรู้
เฟิ่งชิงเฉินอดทนให้จักรพรรดิระบายความโกรธทั้งหมดของเขาออกมา แต่ก็ไม่อยากรอจนถึงปีใหม่ เนื่องจากเกรงว่านางอาจมิได้ทำอะไรเลย
ปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา เดิมทีจักรพรรดิปล่อยให้ซีหลิงเทียนเหล่ย หนานหลิงจิ่นฝานและเหล่าองค์ชายฉลองปีใหม่ในตงหลิง แต่หลังจากจักรพรรดิได้ชำระล้างสายลับของสองประเทศไป ซีหลิงเทียนเหล่ยและหนานหลิงจิ่นฝานอยู่ไม่สุข เมื่อมีครั้งแรก มันก็ต้องมีครั้งต่อไป ทั้งสองคนทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องหาเรื่องขอตัวกลับประเทศ
จักรพรรดิเองก็ไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด หลังจากพูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ เขาก็สั่งให้คนทำพิธีส่งทั้งสองคนกลับเมืองไปตามประเพณี แน่นอนว่าเมื่อปีใหม่ผ่านไปแล้ว พวกเขาทั้งสองคนจะต้องกลับมาอีกครั้ง
งานแต่งงานของเหยาหวาจะจัดขึ้นหลังปีใหม่ การแข่งขันระหว่างตระกูลซูกับเฟิ่งชิงเฉินถูกเลื่อนออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า และเรื่องราวทั้งสองนี้ก็เป็นเหตุผลให้พวกเขากลับไปจากตงหลิง
ซีหลิงเทียนเหล่ยและซีหลิงเทียนอวี่ไม่ได้กลับประเทศ พวกเขาไม่ต้องการกลับประเทศในตอนนี้ แม้จักรพรรดิต้องการเห็นสองพี่น้องกลับประเทศมาเพื่อแย่งชิงอำนาจ แต่เมื่อคิดว่าครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นซีหลิงหรือหนานหลิง ต่างจัดการคนของตนเอง ดังนั้นจักรพรรดิจึงใช้โอกาสนี้ในการรักษาพวกเขาทั้งสองไว้
เมื่อคู่ต่อสู้น้อยลง สายลับของทั้งสองประเทศในตงหลิงก็มีอันตรายน้อยลงด้วย
วันที่ซีหลิงเทียนเหล่ยและหนานหลิงจิ่นฝานออกเดินทางเป็นวันที่อากาศดีเป็นอย่างมาก องค์รัชทายาทพาขุนนางในพระราชวังไปส่งพวกเขาที่หน้าประตูเมือง หลังจากส่งคนเป็นอันเรียบร้อย รอยยิ้มบนใบหน้าก็จางลง มองไปที่เสนาบดีและพระอนุชาที่ยืนอยู่ด้านหลังของตน หลับตาลงเพื่อซ่อนความสิ้นหวังในดวงตาของเขา
“กลับกันเถิด” ไร้ซึ่งอารมณ์ แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังขององค์รัชทายาท
จักรพรรดิทรงโปรดตงหลิงจื่อลั่วมากยิ่งขึ้น แม้ตงหลิงจื่อลั่วไม่ใช่องค์รัชทายาท แต่ภายใต้ความโปรดปรานของจักรพรรดิ เขามีอำนาจเทียบเท่ากับองค์รัชทายาท หากเสด็จอาเก้าไม่เอ่ยปากขึ้นมา วันนี้คนที่มาส่งซีหลิงเทียนเหล่ยกับหนานหลิงจิ่นฝานคงเป็นตงหลิงจื่อลั่วไปแล้ว
หนานหลิงจิ่นฝานไม่มีอะไรต้องพูดถึง แต่ซีหลิงเทียนเหล่ยเป็นองค์รัชทายาทแห่งซีหลิง คนที่จะมาส่งเขาออกนอกเมืองได้ต้องมีบรรดาศักดิ์เท่าเทียมกัน จักรพรรดิทำเช่นนี้ก็เหมือนกับต้องการบอกเหล่าเสนาบดีว่าตงหลิงจื่อลั่วเปรียบเสมือนองค์รัชทายาท
ไม่ว่าจะมีการพลิกผันมากมายแค่ไหน แต่เมื่อเฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเทพเจ้าแห่งโรคห่าทั้งสองได้จากไปแล้ว นางก็รู้สึกว่าโลกของนางนั้นสะอาดขึ้น
แม้อาจจะลงมือกับจวนซุ่นหนิงโหวเป็นอย่างยิ่ง แต่เฟิ่งชิงเฉินเองก็รู้ จักรพรรดิต้องการข้ามปีอย่างสงบสุข ก่อนจะข้ามปี จักรพรรดิไม่มีทางยอมให้นางสร้างเรื่องเป็นอันขาด ต่อให้เฟิ่งชิงเฉินร้อนใจแค่ไหนก็ทำได้เพียงรอให้ข้ามปีไปก่อน โชคดีที่ซุนซือสิงยังปลอดภัย เฟิ่งชิงเฉินจึงสามารถรอต่อไปได้
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เฟิ่งชิงเฉินไม่มีเรื่องที่สามารถดำเนินการได้เลย นางจึงเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับนักรบหญิงแห่งซานตงออกมา นางต้องคิดว่าปีหน้านางจะทำอะไรในซานตง แต่เมื่อข้อมูลกำลังตกถึงมือ คนรับใช้ของนางก็รายงานขึ้นมาว่า “แม่นาง คุณชายหยุนมาขอพบ”
“หยุนเซียว? ในที่สุดเขาก็มาจนได้” เฟิ่งชิงเฉินวางบันทึกในมือลง ลุกขึ้นและรีบเดินออกไป
หยุนเซียวผู้นี้สำหรับนางแล้วก็ถือได้ว่าเป็นมิตรสหายและผู้ป่วยของนางไปในตัว ได้ยินว่าหยุนเซียวมาหานาง ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของเขา……