นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 831 ออกจากพระราชวัง ตระกูลเซี่ยก้มหน้า
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 831 ออกจากพระราชวัง ตระกูลเซี่ยก้มหน้า
“ยาป้องกันการแท้งบุตร? เจ้าบอกว่า ยาที่เจ้ามอบให้ข้าก่อนหน้านี้ช่วยชีวิตข้ากับเสี่ยวซื่อจื่อไว้งั้นหรือ?” แม้สนมเอกเซี่ยจะยังอ่อนแอมาก แต่เมื่อได้ยินว่าตนเองพ้นขีดอันตรายแล้ว นางก็มีพลังมากขึ้นในทันที ยกมือขึ้นอย่างสั่นเทา แตะไปยังท้องส่วนล่าง เมื่อมั่นใจแล้วว่ามันยังคงยื่นออกมา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความอบอุ่น
ลูกของนางยังปลอดภัยดี
ขณะเดียวกัน ข่าวที่ว่ายาป้องกันการแท้งบุตรของเฟิ่งชิงเฉิน ช่วยให้สนมเอกเซี่ยรักษาชีวิตของตนเองและบุตรแห่งมังกรเอาไว้ได้ก็แพร่ไปทั่วพระราชวัง และเฟิ่งชิงเฉินก็กลายเป็นเป้าหมายของเหล่านางสนมที่แย่งชิงความโปรดปรานอีกครั้ง
สนมเอกเซี่ยพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเฟิ่งชิงเฉินสามารถจากไปได้ เวลานี้สนมเอกเซี่ยไม่เชื่อใครทั้งนั้น นางเชื่อแค่เฟิ่งชิงเฉินเพียงคนเดียว กิน สวมเสื้อผ้า ใช้สิ่งของต่าง ๆ ทั้งหมดต้องผ่านการตรวจสอบของเฟิ่งชิงเฉินก่อน นางถึงกล้านำมันมาใช้
ไม่ใช่เพราะความสะอาด แต่เป็นเพราะความปลอดภัยของเด็กในครรภ์ เนื่องจากตั้งครรภ์มาเป็นเวลานานแล้ว สนมเอกเซี่ยจึงมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเด็กที่อยู่ในท้อง
ตอนหมอหลวงกล่าวว่านางจะสูญเสียเด็กในท้อง นางไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องบุตรของมังกร ไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องการแย่งชิงความโปรดปราน นางสนแค่ลูกในท้องของนางเท่านั้น
นางเป็นแม่ของเด็ก เด็กคือส่วนหนึ่งของชีวิตนาง เด็กคนนี้อยู่กับนางในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด นางจะสูญเสียเขาไปไม่ได้ นางจะต้องปกป้องเด็กคนนี้ไว้ด้วยชีวิต ไม่ว่าจะต้องแลกมากับอะไรก็ยอม
เป็นเพราะความรักอันเปี่ยมล้นของผู้เป็นแม่ นางถึงสามารถเอาชีวิตรอดจากคำพูดอันเยือกเย็นของหมอหลวง รอจนกระทั่งเฟิ่งชิงเฉินมาถึง นางรู้ว่าเมื่อเฟิ่งชิงเฉินมาถึงแล้ว นางกับลูกในท้องจะปลอดภัย
ความจริงถูกพิสูจน์แล้ว นางทำถูก เฟิ่งชิงเฉินไม่ทำให้นางผิดหวัง เมื่อคิดถึงตรงนี้ สนมเอกเซี่ยก็หันไปยิ้มขอบคุณเฟิ่งชิงเฉินอีกครั้ง
การเปลี่ยนไปของสนมเอกเซี่ย เฟิ่งชิงเฉินรับรู้ถึงมันได้ นางคิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงที่ในใจเต็มไปด้วยแผนการ เมื่อเป็นแม่คนขึ้นมาแล้ว จะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้
เช่นนี้ก็ดี อย่างน้อยก็ถือเป็นโชคดีของเด็กคนนี้ อย่างน้อยแม่ของเขาก็ไม่เห็นเขาเป็นของเล่น
การเปลี่ยนไปของสนมเอกเซี่ยทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกดีขึ้น ดังนั้นการให้อยู่ดูแลนางที่นี่ต่อไป จึงไม่ใช่เรื่องน่าเจ็บปวดเสียเท่าไหร่ แต่……
เผชิญหน้ากันครั้งแล้วครั้งเล่า บ้างอ้างว่ามาเยี่ยมสนมเอกเซี่ย บ้างอ้างว่ามาหานางเพราะป่วย ถามเคล็ดลับการมีบุตรกับนาง ให้นางช่วยป้องกันการแท้งลูกของเหล่านางสนม ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินมืดมนอย่างเห็นได้ชัด
เป็นนางสนมผู้ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิ ได้รับการปฏิบัติอย่างมีเกียรติ เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับคนอื่น พวกนางต่างคิดว่าเป็นเรื่องน่าดีใจ แต่เฟิ่งชิงเฉินคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ มีแต่ปัญหาวกวนไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ชิงเฉิน ข้าคือคุณหนูลำดับสามจากตระกูลปริญญาเหอ ข้าเคยได้ยินชื่อของเจ้ามาก่อน เจ้าสุดยอดมาก สามารถรักษาตาของคุณชายใหญ่จนหายดี เจ้าช่วยตรวจให้ข้าบางได้หรือไม่ ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยมีแรง และทานอะไรไม่ค่อยได้เลย” กล่าวจบก็จ้องมองมาทางเฟิ่งชิงเฉิน รอให้เฟิ่งชิงเฉินตอบกลับมา
“ชิงเฉิน พ่อของข้าเป็นเจ้าเมืองมณฑลกวางตุ้งและกวางสี มีเรื่องอะไรเจ้าสามารถไปหาพ่อข้าได้ทุกเวลา พ่อของข้าจะต้องช่วยเจ้าอย่างแน่นอน งั้น……เจ้าช่วยให้ข้าตั้งครรภ์หน่อยได้หรือไม่?” ประโยคสุดท้ายกล่าวออกมาเบามาก
“ชิงเฉิน ข้า ข้าอยาก เจ้าช่วยข้าดูหน่อยได้หรือไม่? สองสามวันที่ผ่านมาข้าปวดท้องมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลูกในท้องของข้าดื้อด้านหรือเปล่า ได้โปรดช่วยข้าดูหน่อย……”
นางสนมเหล่านี้ถือว่าเป็นคนฉลาด ต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉิน แต่ละคนแสดงท่าทีที่ต่ำต้อยที่สุดออกมา แม้เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธออกไปพวกนางก็ไม่แสดงปฏิกิริยาแต่อย่างใด แต่หลังจากผ่านไปอีกสองวัน พวกนางก็กลับมาพร้อมกับของขวัญชิ้นที่พิเศษกว่า
หลังจากผ่านเรื่องของตระกูลเซี่ยและสนมเอกเซี่ย พวกนางก็เข้าใจว่าหมอผู้เก่งกาจมีความสำคัญมากแค่ไหน
ไม่เห็นหรือว่าสนมเอกเซี่ยและฮูหยินคนที่สองของตระกูลเซี่ยมีบุตรยากแค่ไหน แต่เมื่อได้พบกับเฟิ่งชิงเฉิน ทั้งสองคนตั้งครรภ์ขึ้นมาอย่างง่ายดาย ไม่เห็นหรือว่าสนมเอกเซี่ยแทบจะรักษาลูกในท้องเอาไว้ไม่ได้ จนกระทั่งเฟิ่งชิงเฉินมาถึง ทุกอย่างก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ นางและลูกของนางปลอดภัย และไม่เห็นหรือว่านางสนมที่ตั้งครรภ์ ทุกคนต่างมีความสัมพันธ์อันดีกับเฟิ่งชิงเฉิน
คุณหนูแห่งหนิงกั๋วกง หากมิได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ นางจะมีโอกาสตั้งครรภ์เร็วถึงขนาดนี้ได้อย่างไร จวนหนิงกั๋วกงจุดธูปบูชาเพื่อขอบคุณเทพเจ้า เพื่อขอให้มีลูกสะใภ้ มีลูกสาวเป็นผู้หญิง ทั้งหมดต่างได้รับการช่วยเหลือจากเฟิ่งชิงเฉิน
หากกล่าวว่านางสนมเหล่านี้ประจบสอพลอ เฟิ่งชิงเฉินยังพอฝืนใจต่อต้านด้วยคุณธรรมได้บ้างได้บ้าง แต่นางสนมคนที่สามพูดออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ให้เฟิ่งชิงเฉินตรวจสอบร่างกายของนาง เฟิ่งชิงเฉินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
บ้าที่สุด นางเป็นศัลยแพทย์ ไม่ใช่สูตินรีแพทย์ จะไปรักษาอาการมีบุตรยากได้อย่างไร สตรีในวังเหล่านี้คิดอย่างไรกับนาง คิดว่านางเป็นนางบำเรออย่างนั้นหรือ
หลังจากอยู่ในวังได้เจ็ดวัน อาการของสนมเอกเซี่ยก็ทรงตัวแล้ว แต่นางจำเป็นต้องนอนพักผ่อนบนเตียง เฟิ่งชิงเฉินตรวจสอบร่างกายของนางแต่เช้า และเสนอเรื่องว่าตนเองต้องการออกไปจากพระราชวัง
ตอนแรกคิดว่าสนมเอกเซี่ยจะตอบออกมาด้วยทัศนคติไม่พอใจ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสนมเอกเซี่ยจะตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม “ข้ายังคิดอยู่ว่า เจ้าจะสามารถอดทนได้นานสักแค่ไหน สุดท้ายก็อดทนได้เพียงเจ็ดวัน เจ้าจะเป็นเช่นนี้มิได้ สิ่งสำคัญสำหรับนางสนมอย่างพวกเรานั้นคือความอดทน”
“เหนียงเหนียง ท่าน……” เฟิ่งชิงเฉินตกใจกับน้ำเสียงและคำพูดของสนมเอกเซี่ย ผู้หญิงคนนี้ดูสูงศักดิ์ราวกับฮ่องเฮาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมนางถึงได้พูดดีถึงขนาดนั้น
“เป็นอะไรงั้นหรือ? ตกใจใช่หรือไม่? เจ้าชอบเห็นข้าท่าทางถือตัวของข้า?” ผมยาวสลวย นางสวมเพียงเสื้อคลุมด้านนอก ร่างกายดูอ่อนแอเล็กน้อย ความเย่อหยิ่งหายไป มีเพียงความสงบและเฉยเมยในดวงตาของนาง
หากเป็นทัศนคติของสนมเอกเซี่ยที่มีต่อเด็กในท้อง เห็นได้ชัดว่ามันเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน งั้นตอนนี้ก็เท่ากับว่านางเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินถึงกับพูดไม่ออก
เจ็ดวันก่อนหน้านี้เฟิ่งชิงเฉินพบว่า หากทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์ระหว่างคนไข้กับหมอ เฟิ่งชิงเฉินคงคิดว่าสนมเอกเซี่ยเป็นแค่คนอ่อนแอ เวลานี้ดูเหมือนว่าจะถูกสนมเอกเซี่ยมองทะลุหมดแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมา ตอบออกไปจากใจจริง “ไม่ เหนียงเหนียงเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ดีกับเหนียงเหนียง และดีกับเสี่ยวซื่อจื่อ”
ก่อนหน้านี้สนมเอกเซี่ยมีเสน่ห์และน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก แต่นางขาดสัมผัสของมนุษย์ เวลานี้ทุกอย่างจึงสมบูรณ์แบบ
“เจ้าพูดจริงงั้นหรือ ไม่กลัวข้าจะลงโทษเจ้าหรืออย่างไร” สนมเอกเซี่ยชื่นชมในตัวของเฟิ่งชิงเฉิน ชื่นชมในตัวนางมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นคงไม่เลือกร่วมมือกับนาง
เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนจริง ไม่ว่านางเซี่ยเหยียนไคจะเป็นใคร มีสถานะเป็นอะไร แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยังเป็นเฟิ่งชิงเฉิน
“เหนียงเหนียงมิใช่คนขี้น้อยใจเช่นนั้น” สนมเอกเซี่ยเป็นผู้หญิงฉลาด ไม่ว่าก่อนหน้านี้หรือเวลานี้ มองข้ามนางกับตระกูลเซี่ยต่างเป็นเรื่องดีทั้งหมด
สนมเอกเซี่ยยิ้มออกมา “เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร ชิงเฉิน ข้าเซี่ยเหยียนไคไม่ใช่คนใจกว้าง ข้าเป็นเพียงคนเลวที่ต้องการแก้แค้น และเช่นเดียวกัน ข้าก็ต้องตอบแทนบุญคุณด้วย วันนั้นที่เจ้าช่วยชีวิตของข้าและลูกเอาไว้ ไม่ใช่เพราะสนมเอกเซี่ยหรือจักรพรรดิ บุญคุณนี้ข้าเซี่ยเหยียนไคจะจดจำมันไว้ในใจ” นางจะคืนให้ในอนาคต นี่คือคำสัญญาอันทรงคุณค่าจากตระกูลเซี่ย
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมา ไม่ได้ว่าใจแต่อย่างใด นางกล่าวออกไปอย่างชื่นชม “ชื่อของเหนียงเหนียงช่างไพเราะเหลือเกิน”
รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจงใจเปลี่ยนเรื่อง สนมเอกเซี่ยก็ไม่มีความจำเป็นต้องขัดขวาง อย่างไรก็ตาม นางแค่จดจำบุญคุณครั้งนี้ของเฟิ่งชิงเฉินไว้ก็เพียงพอแล้ว หันไปยิ้มให้กับเฟิ่งชิงเฉิน สนมเอกเซี่ยพูดถึงที่มาของชื่อนาง “ชื่อของข้า เป็นชื่อที่ท่านปู่ตั้งให้ ในบรรดาเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน มีชื่อของข้าคนเดียวเท่านั้นที่ท่านปู่เป็นคนตั้งให้ แต่ไม่ว่ามันจะดูดีแค่ไหน หลังจากเข้ามาในพระราชวังแห่งนี้แล้วมันก็ไม่มีเซี่ยเหยียนไคอีกต่อไป”
ในพระราชวังมีเพียงสนมเอกเซี่ยเท่านั้น ไม่มีลูกสาวแห่งตระกูลเซี่ย ดังนั้นไม่ใช่ว่านางอยากสู้ แต่นางจำเป็นต้องสู้
“เหนียงเหนียง ตอนนี้ท่านก็เป็นตัวของตัวเองแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินยอมรับว่าการที่สนมเอกเซี่ยเป็นเช่นนี้นั้นดูน่ารักมากกว่า แต่ก็ต้องยอมรับ นางไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ควรทำเพียงเพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นสนมเอกเซี่ย
นางเฟิ่งชิงเฉินก็คือเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ว่าผู้หญิงตรงหน้าของนางจะเป็นใคร สำหรับนางแล้วมันไม่สำคัญ ทัศนคติที่นางมีต่อสนมเอกเซี่ยไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง นางไม่มีวันเปลี่ยนไปเป็นเพื่อนกับสนมเอกเซี่ยเพียงเพราะคำพูดโง่ ๆ แค่ไม่กี่คำ
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ปฏิเสธออกไปอย่างชัดเจน แต่สนมเอกเซี่ยเป็นคนฉลาด ขณะเดียวกันนางรู้สึกชื่นชมเฟิ่งชิงเฉิน รู้ถึงตัวตนและสถานะของตนเองดี คงทัศนคติของตนเอง ไม่เปลี่ยนไปเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย นางอยู่มาจนบัดนี้ถึงได้เข้าใจ……
สนมเอกเซี่ยไม่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินทุกข์ใจ ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินเก็บข้าวของ จากนั้นขอให้จักรพรรดิจัดคนนางออกไปจากพระราชวัง
เฟิ่งชิงเฉินกล่าวขอบคุณแล้วถอยออกมา ในตอนที่จะจากไป นางได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของสนมเอกเซี่ยว่า “ชิงเฉิน ความแค้นของเจ้ากับตระกูลเซี่ยมีวิธีแก้ไขหรือไม่? ข้าไม่อยากให้เจ้ามีความแค้นต่อตระกูลเซี่ย ข้ารู้ ตระกูลเซี่ยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นอันตรายกับเจ้า หากเป็นไปได้ ข้าหวังว่าเจ้ากับตระกูลเซี่ยจะกลับมาดีกัน เจ้าเสนอเงื่อนไขออกมา ตระกูลเซี่ยจะต้องตอบสนองเจ้าตามที่เจ้าต้องการ”
ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินหยุดชะงัก ไม่ได้พูดอะไรออกไปทั้งนั้น เดินออกไปนอกพระราชวัง การกระทำของสนมเอกเซี่ยหมายความว่าอย่างไร นางไม่เข้าใจ แต่……ตระกูลเซี่ยจะยอมลดศักดิ์ศรีต่อหน้านางได้หรือไม่ ยอมเก็บมีดเข้าฝักเพื่อขอโทษนาง นางคิดว่าคำพูดของสนมเอกเซี่ยช่างไร้ความหมาย
สนมเอกเซี่ยมองไปยังแผ่นหลังซึ่งกำลังจากไปของเฟิ่งชิงเฉิน ดวงตาของนางเป็นประกายด้วยความขมขื่นและอิจฉา นางเองก็อยากไปจากที่นี่ ออกไปจากดินแดนอันหนาวเหน็บและขมขื่น แต่หลังจากนางเข้ามาที่นี่ ชีวิตของนางก็ไร้ซึ่งอิสระอีกต่อไป และไม่มีวันหนีออกจากกำแพงอันสูงชันนี้ไปได้
สนมเอกเซี่ยลูบหน้าท้องของตนเองและพึมพำออกมา “เฟิ่งชิงเฉินผู้นี้เป็นที่รักและที่เกลียดช่างของผู้คนเสียจริง คงจะดีหากเจ้าเกิดเร็วกว่านี้อีกสักสองสามปี ด้วยนิสัยของข้ากับเจ้า พวกเราน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ มีคนแบบเจ้าเป็นเพื่อน ข้าเซี่ยเหยียนไคคงไม่……”
จะไม่ก้าวเข้ามาในพระราชวังอันแสนลึกลับนี้ จะไม่แข่งขันกับเหล่าสตรีเพื่อแย่งชิงบุรุษ จะไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองเพราะการแก่งแย่ง จะไม่ลงเอยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะเจ้าเข้าใจทุกอย่างดีกว่าข้า และเจ้าจะบอกกับข้าว่ามันไม่คุ้ม
นางเซี่ยเหยียนไค ตอนนี้มีสองชีวิตอยู่ในร่างกาย นางเป็นแม่คน แต่ในสายตาของจักรพรรดินางนั้น นางก็ไม่มีค่าอะไร เป็นเพียงตัวหมากของจักรพรรดิ มีไว้เพื่อเอาชนะครอบครัวของเขา แต่น่าเสียดาย แม้นางรู้ว่าตนเองเป็นหมาก แต่นางก็ไม่สามารถปฏิเสธและเอาชนะชะตากรรมของนางไปได้
จนกระทั่งจักรพรรดิได้ยินว่าหนึ่งชีวิตของนางมีสองศพ ปราศจากความโกรธ ปราศจากความลังเล ไม่มีวี่แววว่าจะหาต้นตอขอสาเหตุ นางถึงได้เข้าใจว่านางเซี่ยเหยียนไค สำหรับจักรพรรดิแล้วไม่ได้ต่างอะไรกับสนมคนอื่น ต่อให้มีนางหรือไม่มีนางมันก็ไม่ต่างอะไรกัน
นางจะเป็นหรือตาย ลูกของนางจะเป็นหรือตาย ไม่มีใครสนใจ ที่ตระกูลเซี่ยอยากให้เฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในพระราชวัง ทั้งหมดเป็นเพียงละคร นางเซี่ยเหยียนไคไม่อยากตาย นางสู้กับชีวิตของตนเอง ต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในวัง ตระกูลเซี่ยรู้ว่านางกำลังจะตาย พวกเขาคิดแค่ว่าจะส่งลูกสาวของเซี่ยฮูหยินเข้ามาเเทนที่เท่านั้น ไม่ได้สนใจความเป็นความตายของนางเลยแม้แต่น้อย