นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 832 ชิงตัว ใครจริงใครปลอม
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 832 ชิงตัว ใครจริงใครปลอม
ทั้งในและนอกพระราชวัง ญาติของนางเซี่ยเหยียนไค สามี แต่ละคนล้วนอยากให้นางตาย และคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยนางก็คือเฟิ่งชิงเฉิน ซึ่งเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับนางเลยแม้แต่น้อย
นึกถึงญาติที่ไม่แยแส และนึกถึงเฟิ่งชิงเฉินที่ให้การช่วยเหลือนาง สนมเอกเซี่ยพบว่าตนเองได้พบเจอกับความทุกข์และโชคดีไปพร้อมกัน
ยิ่งคนพวกนั้นอยากให้นางตายมากเท่าไหร่ เซี่ยเหยียนไคก็ยิ่งต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ มีชีวิตอยู่ต่อไปให้คนอิจฉา เซี่ยเหยียนไค นางไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อตระกูลหรือจักรพรรดิอีกต่อไป นางมีชีวิตอยู่เพื่อตัวนางและลูกในท้องของนางเท่านั้น
เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ตระกูลเซี่ยเลี้ยงดูนาง นางจะใช้ตัวตนในฐานะลูกสาวของเซี่ยฮูหยินเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแก้ไข้บุญคุณความแค้นระหว่างเฟิ่งชิงเฉินกับตระกูลเซี่ย หลังจากจบเรื่องนี้ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ นางจะถือว่าหนี้บุญคุณทั้งหมดของตระกูลเซี่ยได้ถูกชดใช้
สนมเอกเซี่ยหลับตาลง เอนกายลงบนหัวเตียง สาวใช้ประจำตัวของนางยังยืนอยู่ที่เดิม ซับน้ำตาเงียบ ๆ ไม่มีใครรู้ว่าเจ้านายของนางต้องพบเจอกับอะไรบ้างจนมาถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครรู้ว่าวันเวลาเหล่านั้นมันทำร้ายเจ้านายของนางมากขนาดไหน
แผลบนร่างกายสามารถรักษาได้ แต่แผลในใจนั้นไม่มีวันรักษาได้ หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉิน ตอนนี้เจ้านายของพวกนางก็คงอยู่ในหลุมฝังศพไปแล้ว
สาวใช้แอบคิดอยู่ในใจ รอให้เสี่ยวซื่อจื่อเติบใหญ่ นางจะต้องนำเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเล่าให้เสี่ยวซื่อจื่อฟัง ทำให้เสี่ยวซื่อจื่อจดจำบุญคุณแห่งชีวิตของเฟิ่งชิงเฉิน หากไม่มีเฟิ่งชิงเฉิน เสี่ยวซื่อจื่อก็ไม่มีทางได้เกิดมา
สนมเอกเซี่ยคิดอะไร สนมเอกเซี่ยจะเปลี่ยนไปจริงหรือไม่เปลี่ยนไป สิ่งเหล่านี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเฟิ่งชิงเฉิน สำหรับนางเฟิ่งชิงเฉินแล้วสนมเอกเซี่ยเป็นเพียงผู้ป่วยคนหนึ่ง ไม่ว่าสถานะของนางจะสูงส่งเพียงใด มันก็แค่ผู้ที่ผ่านมาในชีวิตของนาง มันไม่คุ้มที่จะต้องไปใส่ใจถึงขนาดนั้น
ในฐานะหมอคนหนึ่ง หากนางนึกถึงคนไข้ทุกคนและพยายามคิดว่าคนไข้แต่ละคนคิดอย่างไร นางคงเหนื่อยตาย ชีวิตนี้คงไม่ต้องคิดเรื่องอะไรอื่น แค่จัดการกับเรื่องส่วนตัวของคนไข้ก็หมดเวลา
เฟิ่งชิงเฉินกลับมายังที่พักของตนเอง เก็บของใช้ส่วนตัว นางพบว่าตอนมา นางนำกล่องยามาแค่ใบเดียว แต่ตอนกลับ นางต้องนำของมากมายออกจากพระราชวัง ซึ่งใส่เกวียนสองคันก็ยังนำกลับไม่หมด
สิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งซึ่งได้รับมาจากเหล่านางสนมในวังหลัง แม้ไม่ใช่ของขวัญจากราชสำนัก แต่มูลค่าของมันก็ไม่ธรรมดา บางอย่างเป็นของโบราณ ซึ่งนี่ถือเป็นรายรับอันยิ่งใหญ่ของเฟิ่งชิงเฉิน
หมอเป็นอาชีพที่ดีอย่างที่คิด การได้รับอั่งเปาเช่นนี้ มันมากกว่ารายได้ทั้งปีของนางเสียอีก เฟิ่งชิงเฉินขอให้ขันที่ช่วยนางเก็บของ สิ่งที่นางสนใจไม่มีมูลค่าสิ่งของ แต่เป็นความสัมพันธ์ซึ่งอยู่เบื้องหลังสิ่งของเหล่านี้ สิ่งของเหล่านี้แสดงถึงตระกูลที่อยู่เบื้องหลังของพวกนาง
สิ่งซึ่งเฟิ่งชิงเฉินสนใจเวลานี้คือของขวัญมากมายจากลูกสาวของเจ้าเมืองซานตง ภายใต้การแสดงออกโดยนัยของนาง อีกฝ่ายตอบรับอย่างชาญฉลาด ของแค่เฟิ่งชิงเฉินเดินทางไปซานตง ทุกอย่างจะต้องเป็นไปอย่างราบรื่น
ส่วนเฟิ่งชิงเฉินต้องการทำอะไร ต้องการให้เจ้าเมืองซานตงช่วยเหลือสิ่งใด เฟิ่งชิงเฉินจะเป็นคนไปหารือกับพ่อของนาง นี่ไม่ใช่สิ่งซึ่งนางสามารถตัดสินใจได้
แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินเข้าใจในจุดนี้ดี แต่มีโอกาสเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว เมื่อนางไปถึงชานตง นำสิ่งของซึ่งอีกฝ่ายมอบให้ออกมา ต่อให้อีกฝ่ายไม่ช่วยเหลือนาง อีกฝ่ายก็ไม่มีทางช่วยเหลือตระกูลลู่แห่งซานตง
ดังนั้นอย่ามองข้ามผู้หญิงคนนี้เป็นอันขาด นางเป็นเพียงแค่สนมในวังหลัง แต่กลับมีสมบัติอันยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้
แน่นอนว่าของขวัญเหล่านี้จะไม่ได้รับเปล่า ๆ หลังจากได้รับของขวัญแล้วก็ต้องรอให้ในสิ่งที่พวกนางต้องการ นางสนมเหล่านี้ล้วนเป็นคนฉลาด พวกนางแค่ถามถึงตัวยา ไม่ได้ถามว่านางจะนำยาเหล่านี้ไปมอบให้คนอื่นด้วยหรือไม่ ไม่ได้ถามว่าเอามอบให้ใครอีก ไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องการรักษาใด ๆ ทั้งนั้น
วังหลังคือสถานที่ฝึกฝนชั้นดีอย่างที่คิด สาวน้อยพวกนี้เพิ่งจะมีอายุเพียงแค่สิบห้าถึงสิบหกปี แต่กลับมีความคิดลึกซึ้งเสียยิ่งกว่านางที่ใช้ชีวิตมาแล้วถึงสองโลก
หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย เฟิ่งชิงเฉินก็รอที่จะออกจากวังแทบไม่ไหว นอกจากบอกลาจักรพรรดิกับสนมเอกเซี่ย เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นางไม่แม้แต่บอกลาฮองเฮาสักคำ
ไม่ใช่ว่านางไม่เห็นฮองเฮาอยู่ในสายตา แต่นางไม่สามารถรับมือกับฮองเฮาได้ หากนางไปบอกลาฮองเฮา มันก็ยากที่นางจะจากไป ส่วนฮองเฮาจะลงโทษนางหรือไม่ เรื่องนี้นางไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย
สนมเอกเซี่ยกล่าวว่านางจะเป็นตัวของตัวเอง มันไม่ได้หมายความว่านางจะยอมให้ผู้อื่นรังแก อยากเป็นตัวของตัวเองในวังหลัง จะเป็นต้องมีความแข็งแกร่ง และไม่ว่าต้องแลกกับอะไร สนมเอกเซี่ยจะต้องปกป้องนางในฐานะผู้ช่วยชีวิต
ทันทีที่ออกมาจากพระราชวัง ก็เห็นหวังจิ่นหลิงในชุดอันสง่างามยืนรออยู่ข้างรถม้า มองมาทางประตูพระราชวัง ท่าทางของเขาเหมือนว่ากำลังรอใครบางคนอยู่
“หยุดรถ” ไม่ว่าหวังจิ่นหลิงจะกำลังรอใครอยู่ เมื่อเฟิ่งชิงเฉินได้เห็นเขาแล้ว นางจะปล่อยผ่านไปแบบนี้ไม่ได้ ทันทีที่รถม้าหยุดลง เฟิ่งชิงเฉินก็กระโดดลงจากรถทันที
ที่จริงนางสามารถลงจากรถม้าอย่างสง่างามได้ แต่……มันลำบากเกินไป
“ชิงเฉิน……” หวังจิ่นหลิงเห็นคนซึ่งกระโดดลงมาจากรถม้า ดวงตาของเขาเป็นประกาย รีบเดินไปทางเฟิ่งชิงเฉินทันที
สุดท้ายการรอของเขาก็มีความหมาย ตอนแรกคิดว่าตนเองมาสายเกินไปแล้ว
ไม่ง่ายเลยกว่าจะฟื้นฟูร่างกาย ต้องการไปหาเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่อไปถึงจวนเฟิ่ง คนรับใช้ในจวนกลับบอกเขาว่า ชิงเฉินเข้าไปในพระราชวังและยังไม่มีข่าวกลับมาแต่อย่างใด
ชิงเฉินอยู่ในวังเจ็ดวันเต็ม เขาก็กังวลตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมา ในที่สุดวันนี้ก็ได้ยินว่าเฟิ่งชิงเฉินจะออกจากวัง หวังจิ่นหลิงจึงรีบออกมาจากจวนเพื่อมารอนางอยู่หน้าประตู ควบม้าเร็วมาตลอดทาง เกรงว่าจะพลาดโอกาสนี้ไป
หวังจิ่นหลิงเฝ้าดูเฟิ่งชิงเฉินเข้าใกล้อย่างตะกละตะกลาม พยายามอย่างเต็มที่เพื่อซ่อนความรู้สึกของเขา และยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อรอให้เฟิ่งชิงเฉินเข้ามา
เขาชอบเห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามาหาเขาทีละก้าว ในตอนนี้สายตาของเฟิ่งชิงเฉินมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
“จิ่นหลิง เจ้ากำลังรอใครอยู่อย่างนั้นหรือ” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เจอหวังจิ่นหลิงมาหลายวันแล้ว เวลานี้ได้เจอเขา แน่นอนว่านางรู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
“รอเจ้า” เห็นเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาใกล้ ความเสน่หาในดวงตาของหวังจิ่นหลิงจางหายไป ความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ในดวงตาของเขา
“รอข้า?” เฟิ่งชิงเฉินชี้จมูกของตนเอง กล่าวออกมาอย่างสับสน “มีเรื่องเร่งด่วนอะไรกับข้างั้นหรือ?”
“ไม่มี ข้าเพิ่งจะออกมาจากวัง ได้ยินว่าเจ้าเองก็จะออกจากวังวันนี้เช่นกัน จึงอยู่รอเจ้าตรงนี้ ข้าพาเจ้าไปส่งที่จวนเฟิ่ง” หวังจิ่นหลิงไม่กล้าพูด ไม่กล้าพูดว่าตนเองมาที่นี่เพื่อรอเฟิ่งชิงเฉิน หวังว่าจะได้พบกับนางเป็นคนแรก
โกหก!
เห็นได้ชัดว่าจงใจรอเฟิ่งชิงเฉินอยู่ที่นี่ เพื่อไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป ไม่สนว่าร่างกายของตนเองจะเป็นเช่นไร แล้วยังพูดอีกว่าตนเองเพิ่งออกมาจากวัง คนขับรถม้าของหวังจิ่นหลิงพึมพำในใจ ไม่พอใจอย่างมากกับความหน้าซื่อใจคดของเจ้านายตนเอง
“เอาเป็นว่าเพราะความบังเอิญทำให้พวกเราได้เจอกัน งั้นพวกเราก็……” กลับไปด้วยกันเถิด
ประโยคด้านหลังถูกเสด็จอาเก้าขัดเอาไว้เสียก่อน “ขอบคุณ คุณชายใหญ่มาก ชิงเฉินไม่ต้องการให้ท่านไปส่ง ข้ามารอนางที่นี่ตั้งนานแล้ว รอพานางไปส่งยังจวนเฟิ่ง คุณชายใหญ่เพิ่งจะออกมาจากพระราชวังได้ไม่นาน คิดว่าน่าจะมีเรื่องต้องสะสาง ขอไม่รบกวนเวลาคุณชายใหญ่จะดีกว่า”
รถม้าของเสด็จอาเก้าจอดอยู่หน้าประตูวัง คนยังไม่มา แต่เสียงมาถึงก่อน เห็นได้ชัดว่าต้องการขัดขวางหวังจิ่นหลิง
โกหก!
มารอเฟิ่งชิงเฉินตั้งนานบ้าอะไร เห็นได้ชัดว่าเสด็จอาเก้าอยู่ในพระราชวังมาโดยตลอด ได้ยินว่าหวังจิ่นหลิงมารอเฟิ่งชิงเฉินอยู่หน้าประตูวัง จึงรีบออกมาเพื่อชิงตัว
คนขับรถม้าของเสด็จอาเก้าพึมพำในใจ ไม่พอใจกับความไร้ยางอายของเจ้านายตนเอง คนขับรถม้ายกแส้ขึ้นและจอดรถม้าไว้กลางถนน ปล่อยให้เสด็จอาเก้าลงจากรถม้า และลงไปอยู่ข้างกายของเฟิ่งชิงเฉิน
833惊马,这一局险胜
两个男人的视线在半空交汇,火花四溅,眸子深处都是对对方的不满……
“我以朋友的身份来接凤轻尘也不行,小气的男人。”王锦凌以眼神鄙视九皇叔。
九皇叔同样以眼神还道:“行,但今天不行,有本王在,不需要劳烦你。”
两人视线相交,交换了一个信息后,很快就别了过去,两人都是聪明人,没有让战火外泄,旁人看去,一个温润端方、一个尊贵冷傲,两人互相点头打招呼,友好融洽得没有半点不妥。
在两个高手面前,凤轻尘那点道行完全不够看,根本不知九皇叔与王锦凌之间的不对劲,见到九皇叔来,凤轻尘的笑容又灿烂了几分,看着从宫里驶出来的马车,狐疑的道:“你在等我?你怎么知道我今天出宫。”
凤轻尘站在原地,等九皇叔走过来,她知道,无论她要哪里,只要九皇叔想,就一定能走到她身边。
“谢皇贵妃派人来给本王送信了。”九皇叔随便找了一个理由,眼带不善地看向王锦凌:“大公子,王家和凤府不顺路,反正你也是顺便在这里等轻尘,轻尘就不麻烦你了。”
明知道王锦凌是特意在这里等凤轻尘,九皇叔故意这么说,存心是想气死王锦凌。
好在王锦凌脾气好,不以为意?的笑道:“我与轻尘许久未见,九皇叔你应该不会这么般小气,连轻尘与朋友相聚也反对吧。”
“轻尘与朋友相聚,本王当然不会反对,大公子要找轻尘相聚,过几天再说,她刚从宫里出来,累了。”当本王的面,你也敢把凤轻尘截走,你当本王是死人呀。
截?到底谁半路截人,东陵九你别太过分。
在凤轻尘看不到地方,王锦凌与九皇叔再次正用眼神厮杀着,只是两人控制得太好了,除了他们二人外,没有第三人知道他们之间的交锋。
“九皇叔真是体贴,轻尘有福了,作为轻尘的好友,看到她如此幸福,我也放心。我也知道轻尘累,所以才想借坐在马车上的时间,让轻尘替我诊断一下。”王锦凌笑得温雅,在外人看来这是优雅知礼,可在九皇叔的眼,那微扬的唇角怎么看怎么像阴谋得逞的狐狸。
凤轻尘不傻,大公子和九皇叔之间的火药味,她在玄霄宫知道了,只是这事她如何掺和,听到王锦凌话中的意思,凤轻尘担心地问道:“锦凌,你身体不适?”
仔细看,王锦凌的精神确实不太好,她还以为是政务所累,现在看来倒向是身体的原因,是她疏忽了。
王锦凌轻轻点头,脸上带着落寞的笑:“前段时间中毒了,轻尘,思行的事情我很抱歉。”
不是他不管孙思行的死活,而是那时候的他,连能不能活下来就是一个问题。
“中毒?我看看。”凤轻尘二话不说,上前就扣住王锦凌的脉搏:“身体有些虚,上马车,我给你仔细查查,可别是余毒未清。”
“好。”王锦凌眼中只至凤轻尘,至于失败的九皇叔,他压根不看在眼里。
这一局他赢了不是。
凤轻尘点了点头,侧身正准备和九皇叔说一声,九皇叔却快一步开口:“大公子的身体要不要紧?轻尘,我们快上马车,你好好地给大公子诊一诊。”
最后三个字,九皇叔是咬牙切齿地说出来,边说边扶着凤轻尘上了王锦凌的马车,至于王锦凌这个主人,直接被无视了。
上马车前,九皇叔趁凤轻尘不背,回头扫了王锦凌一眼:王锦凌你个卑鄙小人,你不是自诩正人君子嘛,怎么还用这么下三滥的手段。
东陵九,对付你种腹黑的小人,本公子要君子的话,就会被你啃得连皮都剩。王锦凌不甘势弱的反讽。
他只是想要看看凤轻尘,与凤轻尘在一起坐一坐,算是劫后余生对自己的安慰,在中毒的那一刻,他最怕的不是死,而是再也见不到凤轻尘。
毒解后,他最大的愿望也是见一见凤轻尘,只要看看凤轻尘,和凤轻尘说说话,他就满足了,可为了不让凤轻尘担心,他一直等到身体恢复得差不多才去找凤轻尘,结果却是等到凤轻尘进宫的消息。
如果……如果不是九皇叔故意针对他,和他抢人,他也不愿意说出自己中毒的事情。
他要得真得不多,可就是这么少得可怜的一点,九皇叔也不允许。
王锦凌带着苦涩的笑,在九皇叔和凤轻尘坐上马车后,才慢条斯礼的上车,车夫看得那叫一个心疼呀,心中暗自决定,一定要尽一尽绵薄之力,帮帮他家大公子,九皇叔什么的太过分了。
宫门前都是大道,马车上有王家的标记,有点眼力的人都不会与王家争道,是以马车一路平稳、飞快。
是的,飞一般的快,快到凤轻尘都握不住王锦凌的脉搏,快到九皇叔不得不抱着凤轻尘,免得她栽倒。
“怎么回事?”王锦凌皱眉,问向车夫,马车的速度太不正常了。
车夫惊了一跳,差点把马车赶歪了,幸好车夫的本事不错,听到王锦凌问话,车夫急喘的道:“回公子的话,马儿被惊了一下,现已安抚了下来了,公子不必担心。”
车夫瞬间减速,比平时慢了许多,这样的话即使出什么状况,也能及时补救。
“小心驾车。”王锦凌眸子微闪,车夫不知他这一句话,王有又有不少人要倒霉了。
好好的马怎么会受惊,作为一个刚刚被亲人毒害的孩子,听到车夫说马匹有异,王锦凌瞬间就阴谋化了,在心里盘算,王家哪些人会知道他这个临时的举动,又有多少人能趁机给他下绊子。
不仅仅是王锦凌,就是九皇叔与凤轻尘也是这样想的,九皇叔甚至很是无耻的道:“可需要本王出手。”
这话无声的说王锦凌不行,连王家内部都安定不了。
“多谢九皇叔,王家的家事我还是能处理好的。”王锦凌对王家那些不省心的人又恨上了几分。
一群不长眼的主,王家的家丑都丢到九皇叔面前了,看在你们是我亲人的份上,本公子一再宽恕你们,既然你们记吃不记打,就别怪我下狠手。
王锦凌眼中的受伤和悲痛一闪而过,凤轻尘还是看到了,轻声的安慰了一句:“锦凌,一切都会好的。”
被自己的亲人算计、遗弃是最痛苦的事情,一如谢皇贵妃、一如王锦凌,属下的背叛还能理解,可至亲的人呀,他们怎么就下得了手。
王锦凌笑道:“轻尘说得是,一切都会好的。马车里也不方便就诊,不如我改日去找你。”
遇到这事,王锦凌也没心思和九皇叔瞎闹了,内部不稳,对他来说是大忌。
“尽快,身体不能等。”凤轻尘知道王锦凌是做大事的人,她看王锦凌的情况还算好,也就没有多言,有事回去再说,这马车他们可不敢久坐……