นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 841 ความจริง ที่แท้ช่างโหดร้าย
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 841 ความจริง ที่แท้ช่างโหดร้าย
แม่นางแปดกลายเป็นกุญแจสำคัญในคดีนี้ แต่คนของศาลต้าหลี่กลับไม่พบตัวนางในจวนซุ่นหนิงโหว เห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว ต่อให้หัวหน้าศาลต้าหลี่อยากสอบปากคำต่อไปก็คงทำไม่ได้
หัวหน้าศาลต้าหลี่รู้ดี แม่นางแปดหายไปตัวไปสิบสองชั่วโมง และสิบสองชั่วโมงนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญเป็นอย่างมาก หาตัวนางไม่พบในสิบสองชั่วโมง มีแนวโน้มว่าแม่นางแปดจะตกอยู่ในอันตราย แต่ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ทุกคนต่างอยู่ที่นี่ ไม่ได้ออกไปไหนเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ให้ทุกคนออกไปทานอาหารเย็น
เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินยังอายุน้อย พวกเขาสามารถทนได้ แต่ไท่เป่ากับไท่ฟู่ ดูจากท่าทางของพวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก ไม่มีใครกล้าดำเนินการสืบสวนคดีต่อไป ส่วนสิบสองชั่วโมงหลังจากนี้จะสามารถตามหาแม่นางแปดที่ยังมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ เรื่องนี้ไม่มีใครสนใจ
แม่นางลิ่วเสียชีวิต แม่นางแปดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในจวนซุ่นหนิงโหว หากเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ จวนซุ่นหนิงโหวไม่รายงานต่อศาล มันก็ถือว่าเป็นเรื่องในครอบครัว ประชาชนไม่ยื่นคำร้องต่อศาล การไม่ตรวจสอบก็ถือว่าไม่มีความผิดอะไร
หลังจากหัวหน้าศาลต้าหลี่สอบปากคำคนสุดท้ายของตระกูลเฉินเรียบร้อย หัวหน้าศาลต้าหลี่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เตรียมตัวลงจากศาล แต่เวลานั้น มีเจ้าหน้าที่ของศาลวิ่งมารายงานว่า อวี่ซื่อจื่อแห่งซีหลิงรออยู่ด้านนอก และได้พาตัวบุคคลที่พวกเขากำลังตามหามาด้วย
คนผู้นั้นเป็นใคร ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ทันที หัวหน้าศาลต้าหลี่ไม่สนความเหนื่อยล้า ให้คนรีบไปเชิญซีหลิงเทียนอวี่เข้ามาทันที ล้อเล่นบ้าอะไร จากการสอบสวนที่เกิดขึ้นในวันนี้ แม่นางแปดผู้นี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่ ไม่รู้อะไรเลย และก็ไม่รู้ว่าอวี่ซื่อจื่อถามอะไรออกมาจากปากของแม่นางแปด หากเป็นเรื่องอื้อฉาวของจวนซุ่นหนิงโหว เช่นนั้นเกรงว่าคงเป็นความอับอายครั้งใหญ่ของตงหลิง
ซีหลิงเทียนอวี่สวมชุดของซีหลิงเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยพลังและจิตวิญญาณ หากไม่ใช่คนภายในคงไม่รู้ว่าข้าทั้งสองข้างของซีหลิงเทียนอวี่มีปัญหาในการเดิน
มารยาทของซีหลิงเทียนอวี่ดีมาก หลังจากกล่าวคำทักทายเป็นอันเรียบร้อย เขาก็พาตัวของแม่นางแปดแห่งจวนซุ่นหนิงโหวเข้ามาด้วยตนเอง จากนั้นก็ขอตัวกลับเพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย
การกระทำที่รู้จักรุกรับร่นถอยของซีหลิงเทียนอวี่ ทำให้หลายคนที่อยู่ ณ ตรงนั้นรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ชื่นชมเขาอยู่ในใจ แอบเปรียบเทียบในใจว่าอวี่ซื่อจื่อผู้นี้ดีกว่าองค์รัชทายาทเหล่ยเป็นอย่างมาก
แม่นางแปดของจวนซุ่นหนิงโหวถูกมัดตัวไว้ คนของซีหลิงเทียนอวี่พานางเข้ามาในศาล และจากไปโดยไม่สนใจอะไร
เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยเห็นแม่นางผู้นี้ของจวนซุ่นหนิงโหว และนางก็สามารถจินตนาการได้ แม่นางลิ่วผู้นั้นคงเป็นคนที่อ่อนภายนอกแข็งแกร่งภายใน และแม่นางแปดผู้นี้คงเป็นผู้หญิงบริสุทธิ์อันแสนธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อได้เห็นวันนี้ พบว่าการคาดเดาของตนเองนั้นผิดไปทั้งหมด
แววตาทั้งสองข้างของแม่นางแปดผู้นี้เต็มไปด้วยความดุร้ายและความบ้าคลั่ง อากาศที่มืดมนลอยไปทั่วร่างกายของนางราวกับงูพิษที่ซ่อนอยู่ในความมืดพร้อมที่จะกัดทุกคนในทุกเมื่อ รอยยิ้มที่มุมปากของเธอก็น่าขยะแขยงทำให้คนไม่อยากผูกมิตร ตรงกันข้าม มันทำให้คนรู้สึกหวาดระแวงและรังเกียจ
คนผู้นี้คือแม่นางแปดแห่งจวนซุ่นหนิงโหวจริงงั้นหรือ? แม่นางลิ่วยอมอดทนเพื่อปกป้องคนผู้นี้งั้นหรือ? ความสงสัยปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน ใช้สายตาในการตั้งคำถามกับเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าพยักหน้า สบถออกมาว่าพยางค์ เทียนอวี่
ความหมายของมันก็คือ ปกติแล้วนิสัยของแม่นางแปดไม่ใช่แบบนี้ ซีหลิงเทียนอวี่ใช้วิธีการบางอย่างทำให้นิสัยที่แท้จริงของนางปรากฏออกมา สามารถปกปิดผู้คนได้มากมาย แม่นางแปดผู้นี้ไม่ธรรมดา
เวลานั้นเฟิ่งชิงเฉินถึงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ จากสภาพของแม่นางแปดในปัจจุบัน ต่อให้แม่นางลิ่วโง่เขลาเช่นไร นางก็ไม่มีทางเสียสละตนเองเพื่อคนแบบนี้
ซีหลิงเทียนอวี่ทำอะไรกับแม่นางแปดบ้าง เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ รู้เพียงแค่ว่าการสอบปากคำหลังจากนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะถามอะไรออกมา แม่นางแปดล้วนให้ความร่วมมือแต่โดยดี
หัวหน้าศาลต้าหลี่ถามออกมาว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่สาวของเจ้าจากไปอย่างไร?”
แม่นางแปดหัวเราะอย่างทิ่มแทง กล่าวอย่างเฉียบขาด “แน่นอน ข้ารู้ ยัยผู้หญิงงี่เง่าผู้นั้นกลัวว่าอารองและพี่สามจะทำลายความบริสุทธิ์ของข้า ดังนั้นจึงสร้างฉากฆ่าตัวตายขึ้นมา คิดจะใช้สิ่งนี้ในการปกป้องความบริสุทธิ์ของข้า”
ความดูถูกเหยียดหยามปรากฏออกมาอย่างชัดเจนจากสายตาของแม่นางแปด แม้หัวหน้าศาลต้าหลี่จะอยู่ห่างจากนางมากแต่ก็สามารถสัมผัสถึงความดูถูกและความเยือกเย็นในดวงตาของนางได้
แม่นางผู้นี้คือเด็กหญิงที่มีอายุเพียงสิบสี่ปีจริงหรือ?
ไท่เป่า และพวกของไท่ฟู่เห็นคนมามากมาย ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าแม่นางแปดผู้นี้ไม่ธรรมดา และคำพูดหลังจากนี้ของนางทำให้หลายคนถึงกับหนาวสั่นไปถึงกระดูก
“ยัยงี่เง่าผู้นั้นนะหรือคิดจะปกป้องข้า? ฮึ ไม่รู้จักประมาณตนเอาเสียเลย นางก็เป็นคนของเล่นสวะของข้าชิ้นหนึ่ง แค่ปกป้องตนเองยังทำไม่ได้ คนโง่เช่นนั้นตายไปเสียก็ดี แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่ของเล่นข้าต้องหายไปชิ้นหนึ่ง”
รูปลักษณ์ที่น่าเศร้าของแม่นางแปดทำให้เฟิ่งชิงเฉินสั่นสะท้านจากก้นบึ้งของหัวใจ “เห็นแม่นางลิ่วเป็นแค่ของเล่น?”
เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจเป็นอย่างมากว่าแม่นางแปดผู้นี้มีอาการป่วยทางจิตอย่างรุนแรง มองจากท่าทางของนาง ทุกอย่างมันผิดปกติไปทั้งหมด
“นอกจากของเล่น นางจะเป็นอะไรได้? ยัยนั่นก็คือคนโง่เขลา แค่ดีหรือเลวยังแยกแยะไม่ได้ แต่ยังคิดจะมาปกป้องข้า ตอนนั้นข้าเป็นคนยุยงให้อารองและพี่สามข่มขืนนาง และก็เป็นคนบอกอารองกับพี่สามว่าให้เอาข้าไปขู่นาง และแน่นอน นางจึงปฏิบัติกับอารองและพี่สามอย่างเชื่อฟัง
พวกเจ้าลองดูว่าคำพูดของข้าถูกต้องแค่ไหน หกปีที่ผ่านมานางแสร้งทำเป็นยิ้มต่อหน้าข้า เห็นท่าทางของนางที่ข้าบอกกว่าอารองและพี่สามเป็นคนดี นางทำได้แค่แสร้งยิ้ม ข้ารู้สึกมีความสุข ได้เห็นชีวิตที่แสนทรมานของนางในทุกวัน ทำให้ข้าสุขใจเป็นอย่างมาก
ฮ่าฮ่าฮ่า……ต่อให้นางอยากตายแค่ไหน ขอแค่ข้าร้องไห้ต่อหน้านาง บอกนางว่าวันนี้อารองและพี่สามเข้ามาโอบกอดข้า เท่านั้นนางก็อดทนสู้ต่อไป เสแสร้ง ทำตัวใสซื่อไร้เดียงสาต่อหน้าข้าตลอดทั้งวัน คิดว่าข้าไม่รู้เรื่องเลวร้ายของนางหรืออย่างไร?” ใบหน้าของแม่นางแปดเต็มไปด้วยความดูถูก ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ พูดออกมาแต่ละคำแม้จะไม่ค่อยมีความเชื่อมโยง แต่ทุกคนก็สามารถเข้าใจได้
ชั่วขณะหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าสาวน้องผู้ซึ่งอยู่ตรงหน้าของนางเป็นสัตว์ประหลาด นางมีอาการป่วยทางจิตอย่างรุนแรง แทบไม่ต่างอะไรกับคนบ้า
“เรื่องอะไร?” เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจ ตกลงมันเป็นเรื่องร้ายแรงอะไรที่ทำให้ผู้หญิงตัวน้อย ๆ อย่างนางเสียสติไปได้ถึงเพียงนี้
แม่นางแปดทำหน้ามุ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “พวกเจ้าไม่คิดว่ามันสนุกหรือที่ได้เห็นคนที่กำลังเป็นบ้าแสร้งทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น? พี่ลิ่วบอกว่าจะปกป้องดูแลข้าแทนแม่ของข้าที่จากไป นางต้องการดูแลข้า ข้าก็แค่ทำให้นางสมความปรารถนา ข้าได้มอบโอกาสให้กับนาง ขอแค่นางเชื่อฟังอารองและพี่สาม ทั้งหมดก็เป็นการปกป้องข้าแล้วมิใช่หรือไง”
“เจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าแม่นางแปดมีอาการป่วยทางจิตขั้นรุนแรง พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่นางก็อดถามออกไปไม่ได้
หากแม่นางลิ่วรู้ว่าน้องสาวที่นางต้องการปกป้องนั้นอัปยศขนาดนี้ นางจะรู้สึกเสียใจหรือไม่?
“ทำไมต้องละอายใจ นางเต็มใจทำ ข้าไม่ได้บังคับหรือขู่เข็ญนาง และก็พวกอารองและพี่สาม เจ้าลองดู พวกเขาโง่ขนาดไหน ข้าแค่พูดไม่กี่คำพวกเขาก็เชื่อ ถึงขั้นข่มขืนหลานสาวของตนเอง น้องสาว เจ้าว่าพวกเขาโง่เขลาหรือไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ พวกเขาไม่ได้โง่เขลา เป็นข้าที่ฉลาดเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่า มันก็แค่การเล่นสนุกเท่านั้น ไม่เห็นมีอะไรต้องจริงจัง……”
พยานมาถึงแล้ว มีคนเสียสติอย่างแม่นางแปดอยู่ การสอบสวนเป็นไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน แม่นางแปดมีหลักฐานอยู่ในมือมากมาย คุณชายรองเฉินและคุณชายสามเฉินไม่สามารถโต้แย้งได้อีกต่อไป
เฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้าไม่ได้อยู่จนการสอบสวนคดีสิ้นสุดลง พวกเขาเดินออกมาจากศาลต้าหลี่ เสียงแห่งความเย้ยหยันของแม่นางแปดยังคงก้องดังอย่างชัดเจนในหูของเฟิ่งชิงเฉิน
มันก็แค่การเล่นสนุกเท่านั้น การเล่นสนุกที่ทำร้ายผู้คนมากมาย แม่นางแปดผู้นั้นคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาด คิดว่าทุกคนเป็นของเล่นในมือของนาง ไม่มีความละอายใจเลยแม้แต่น้อย คนเช่นนี้น่ากลัวเหลือเกิน
“เจ้าบอกข้าที ทำไมจวนซุ่นหนิงโหวถึงได้เลี้ยงดูคนเช่นนี้ขึ้นมา” เฟิ่งชิงเฉินถาม
“วังหลังนั้นสกปรกเกินไป” เสด็จอาเก้าตอบอย่างตรงไปตรงมา จากนั้นพยุงเฟิ่งชิงเฉินขึ้นรถม้า ยืนอยู่ที่เดิมและกล่าวว่า “ข้ายังมีเรื่องต้องทำ เจ้าเดินทางกลับก็ระวังตัวด้วย ไม่ต้องรอข้า รีบเข้านอน”
ซีหลิงเทียนอวี่พาแม่นางแปดมาส่งด้วยตนเอง มันบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าต้องการพบเขา เรื่องของซีหลิง มันถึงเวลาแล้วที่พวกเขาต้องคุยกัน……