นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 842 ไม่จบไม่สิ้น ข้าต้องการความสบายใจ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 842 ไม่จบไม่สิ้น ข้าต้องการความสบายใจ
ท่ามกลางค่ำคืนที่ลมแรง หอคอยอันโดดเดี่ยว สายลมอันบ้าคลั่ง เสด็จอาเก้าและซีหลิงเทียนอวี่ยืนอยู่คนละด้านของหอคอย จ้องมองด้วยความเงียบงันในระยะไกล ลมพัดกระทบเสื้อผ้าที่สวมใส่ทำให้เกิดเสียง ปอยผมปลิวไสวไปตามสายลมเหมือนกับใบมีดที่พัดเข้าหน้า ทำให้รู้สึกเจ็บปวด และก็ทำให้รู้สึกแจ่มใสขึ้น
ท่าทางของซีหลิงเทียนอวี่ดูมั่นคง แต่เวลานี้เขาก็แทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาอยากจะสาปแช่งออกมา กัดฟันและจ้องมองมาที่เสด็จอาเก้า
เขาทำการคัดเลือกในตงหลิงมากว่าครึ่งปีถึงสามารถเลือกสถานที่แห่งนี้ในเมืองจักรพรรดิได้ หอคอยที่ไม่มีใครสนใจ เดิมทีเขาอยากจะกลั่นแกล้งเสด็จอาเก้าสักเล็กน้อย ผลสุดท้ายเขาไม่ได้ทำอย่างที่คิดไว้ และตนเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
หอคอยร้างแห่งนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรมมานาน สิ่งสำคัญคือหอคอยแห่งนี้สูงเป็นอย่างมาก เมื่อยืนอยู่ด้านบน ลมหนาวพัดผ่านเข้ามา ทำให้ผู้คนหนาวสั่นอย่างรุนแรง ตัวเขาเองก็แทบทนไม่ไหว กัดฟัน ตัวสั่น แต่คนที่เขาวางแผนไว้กลับไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ยืนนึ่งท่ามกลางลมหนาวเหมือนต้นไม้ ไม่หักไม่งอแม้แต่น้อย
วู้ วู้ วู้……เจ้าบ้านั่นให้ข้าเลือกหอคอยร้างแห่งนี้ เสด็จอาเก้ากลับไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด แต่ข้ากลับหนาวจะตายอยู่แล้ว ซีหลิงเทียนอวี่ทนไม่ไหว กัดฟัน ตัวสั่น พยายามฝืนต่อไป พูดผ่านสายลมอันรุนแรงมายังเสด็จอาเก้า “การเดินทางไปยังซีหลิง ได้รับผลประโยชน์มากน้อยเพียงใด?”
“พอใช้ได้” แม้จะไม่เห็นซีหลิงเทียนอวี่ แต่เสด็จอาเก้าก็รู้ว่าสภาพเขาในตอนนี้เป็นเช่นไร แววตาของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้ม มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
คิดจะกลั่นแกล้งข้าก็ไม่ดูให้ดีว่านี่มันถิ่นของใคร ทำราวกับว่าเขาเป็นซื่อจื่อหรือลูกหลานของจักรพรรดิที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว อย่าว่าแต่ลมหนาวตอนนี้เลย ต่อให้เป็นเป่ยหลิงเยี่ยน เขาที่สวมเสื้อผ้าเพียงชิ้นเดียวก็สามารถรับมือได้
“เรื่องนั้น……” พูดถึงตรงนี้ซีหลิงเทียนอวี่ก็หยุดชะงักในทันที สูดลมหายใจเข้าแล้วถึงพูดออกมาว่า “การตรวจสอบเป็นอย่างไรบ้าง?”
ไม่ใช่เพราะร่างกายได้รับความหนาวเย็นถึงพูดไม่ออก แต่เป็นเพราะหัวใจของเขารับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นจึงทำให้พูดไม่ออก
“หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่แม่ของซีหลิงเทียนเหล่ย ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่ของเจ้า หมอหลวงที่รักษาเจ้าในตอนนั้นเสียชีวิตลงหลังจากที่เกิดเหตุกับเจ้าได้ไม่นาน และตรวจสอบไม่พบปัญหาของการเสียชีวิต” เสด็จอาเก้ากล่าวผลการตรวจสอบออกมาโดยไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
“หลักฐานชัดเจนหรือไม่?” คำพูดของเสด็จอาเก้าทำให้ซีหลิงเทียนอวี่รู้สึกมั่นใจ แต่ในใจของเขายังคงมีร่องรอยของความไม่แน่นอน แต่ก็น่าเสียดายที่มันไม่ง่ายหากต้องการตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
“ไม่ชัดเจน จะใช้หลักฐานเพียงเท่านี้ชี้ตัวพระสนมหยูนั้นเป็นไปไม่ได้ หลักฐานสำคัญถูกลบล้างไปอย่างตั้งใจ ในปีนั้นผู้คนมากมายยังหามันไม่พบ ผ่านไปนานขนาดนี้ หากต้องการตรวจสอบให้ชัดเจน เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย” เสด็จอาเก้ารู้เรื่องที่ขาทั้งสองข้างของซีหลิงเทียนอวี่นั้นไม่สมประกอบ ซึ่งนี่เป็นปีศาจในใจของเขา คนแรกที่ซีหลิงเทียนอวี่สงสัยก็คือเสด็จแม่ของเขา ดังนั้นเขาจึงเคยกลับไปถามมันกับเสด็จแม่ด้วยตัวของเขาเอง
หลังจากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ซีหลิงเทียนอวี่ทำการตรวจสอบด้วยตัวเองและมั่นใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสด็จแม่ของเขา หลักฐานทั้งหมดชี้ไปยังพระสนมหยู ซีหลิงเทียนอวี่เลือกที่จะเชื่อในตัวของเสด็จแม่ ท้ายที่สุดแล้วเสือนั้นไม่กินลูกของมันเอง
แต่เห็นได้ชัดว่าความเชื่อของซีหลิงเทียนอวี่นั้นไม่ได้แทรกซึมเข้าไปถึงกระดูกดำ เขายังมีก้อนเนื้ออยู่ในใจ เนื่องจากการทำอะไรภายใต้สายตาของฮองเฮานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเหล่าซื่อจื่อ เช่นนั้นที่ผ่านมาเสด็จแม่ของเขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
ซีหลิงเทียนอวี่นำความสงสัยเหล่านี้มายังตงหลิง เมื่อรู้ว่าเสด็จอาเก้ามีแผนจะเดินทางไปยังซีหลิงจึงฝากให้เสด็จอาเก้าช่วยตรวจสอบและหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้แทนเขา
สิ่งซึ่งเสด็จอาเก้าได้มาจากการตรวจสอบเหมือนกับสิ่งที่ซีหลิงเทียนอวี่รับรู้ทุกประการ ตามเหตุผลแล้วเขาน่าจะสบายใจ แต่……ทั้งหมดนี้มันอาจเป็นเพียงความคิดจากจิตใต้สำนึก ตอนที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวว่าขาของเขาถูกหมอทำให้ไม่สมประกอบ คนแรกที่เขาสงสัยก็คือเสด็จแม่ของเขา และหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่อีกคนหนึ่ง ซึ่งมันทำให้เขาปล่อยวางกับเรื่องนี้ไม่ได้
“ข้ารู้สึกมาโดยตลอดว่าเรื่องนี้นั้นค่อนข้างแปลก” ตามเหตุผล เรื่องราวทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับแม่ของตนเอง ซีหลิงเทียนอวี่น่าจะรู้สึกดีใจ แต่หัวใจของเขากลับทำเช่นนั้นไม่ได้
ในปีนั้นซีหลิงเทียนเหล่ยและเสด็จแม่ของเขาไม่ได้รับความโปรดปรานและปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก พระสนมหยูจะมาทำให้ขาของเขาพิการเพื่ออะไร? และการไม่พบร่องรอยใด ๆ เป็นเรื่องซึ่งน่าสงสัยที่สุด ตอนนั้นเสด็จแม่ของเขาไม่พบหลักฐานแต่อย่างใด แต่ตอนนี้เขากลับพบร่องรอยเล็กน้อย
“เจ้ากำลังสงสัยอะไรกันแน่?” เสด็จอาเก้าขมวดคิ้วเล็กน้อย เทียนอวี่คงไม่ได้เหมือนกับแม่นางแปดหรอกใช่ไหม ถูกปีศาจครอบงำจิตใจ ทำไมถึงกัดเสด็จแม่ของตนเองไม่ยอมปล่อย แม้ซีหลิงเทียนอวี่จะพูดออกมาเช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ปกติ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ไร้ซึ่งหลักฐาน เสด็จอาเก้าก็หวังว่าซีหลิงเทียนอวี่จะไม่สงสัยแม่ผู้ให้กำเนิดของตัวเอง
ซีหลิงเทียนอวี่มีเรื่องกับเสด็จแม่ของเขา สำหรับเขาแล้วมันไม่มีผลประโยชน์แต่อย่างใด เนื่องจากฮองเฮาไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นของตกแต่ง
ซีหลิงเทียนอวี่รู้ดีว่าความคิดของเขากำลังยุ่งเหยิง ดังนั้นเขาจึงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าข้ากำลังสงสัยอะไรถึงทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจได้เพียงนี้” เขากลัว กลัวคนรอบข้างจะเอาผลประโยชน์จากเขา ทำให้เขาต้องสูญเสียขาคู่นี้ไปอีกครั้ง หรือไม่ก็สูญเสียสิ่งอื่น หรือไม่เขาก็อาจเป็นเหมือนแม่นางแปด คือเสียสติไปแล้ว
“สิ่งที่ตาเห็นไม่เสมอไปว่าต้องเป็นความจริง ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ระวังตัวไว้ให้ดี อย่าเพิ่งแสดงตัวออกไปเป็นพอ เรื่องในปีนั้นถูกจัดการไว้เป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนร่องรอยอย่างหนึ่ง เสด็จพ่อของเจ้าส่งคนไปตรวจสอบแล้ว แต่สุดท้ายกลับไม่พบหลักฐานแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับเสด็จพ่อของเจ้าแล้ว รากฐานของพวกเราในซีหลิงถือว่ายังแข็งแกร่งไม่เพียงพอ” หรือพูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้ซีหลิงเทียนอวี่สงสัยต่อไปมันก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้พวกเขายังไม่พบเบาะแสแต่อย่างใด เช่นเดียวกับเหตุการณ์โจรสลัดตระกูลลู่ที่ถูกลบออก
เนื่องจากเวลาผ่านมานานเกินไป ประกอบกับคนร้ายลงมืออย่างเหี้ยมโหด ร่องรอยทั้งหมดถูกเก็บกวาดในปีนั้นอย่างราบคาบ ทำให้พวกเขาไม่พบหลักฐานที่มีประโยชน์
“เจ้าเชื่อในสิ่งที่ข้าสงสัย?” ซีหลิงเทียนอวี่ผงะ เขาคิดว่าเสด็จอาเก้าจะบอกให้เขาเลิกสงสัย คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าจะบอกให้เขาระวังเสด็จแม่ของตนไว้
“ก่อนหน้านี้ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้เชื่อ ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แพ้ไม่เป็น เจ้าไม่มีทางรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ลองนึกถึงคดีของจวนซุ่นหนิงโหว เจ้าจะรู้ว่าภูตผีปีศาจมันมีอยู่ทุกประเภท” ใช่ เหตุการณ์ของแม่นางแปดแห่งจวนซุ่นหนิงโหวทำให้เสด็จอาเก้าตาสว่างขึ้นมาก นั่นคืออย่าใช้ความคิดทั่วไป ไปตัดสินพฤติกรรมหรือความคิดของผู้อื่น
แม่นางแปดแห่งจวนซุ่นหนิงโหวนั้นฉลาดเป็นอย่างมาก นางเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิทยาของมนุษย์ตั้งแต่อายุยังน้อย สามารถควบคุมผู้ใหญ่ไว้ในมือได้ ความคิดเช่นนี้ของนางแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่สามารถเทียบได้ เช่นเดียวกับ ความคิดและความบ้าคลั่งของนางก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถจินตนาการได้
ตอนแรกซีหลิงเทียนอวี่ก็ยังไม่เข้าใจ แต่หลังจากที่เขาคิดจนเข้าใจกับมันแล้ว เขาก็แทบทนไม่ไหวอีกต่อไป หายใจแรก สาปแช่งเสด็จอาเก้าด้วยความโกรธ “เจ้าบอกว่าเสด็จแม่ของข้าเป็นบ้างั้นหรือ?”
“หากนางลงมือกับเจ้าจริง ไม่บ้าแล้วจะเรียกว่าอะไร? เจ้าอย่าลืม เจ้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนาง ทำร้ายเจ้าก็เหมือนกับการทำลายอนาคตของนาง ทำลายอนาคตตระกูลผู้ให้กำเนิดของนาง แม้หลังจากซีหลิงเทียนเหล่ยขึ้นครองบัลลังก์แล้วจะให้ความเคารพกับนาง และแต่งตั้งให้นางเป็นไทเฮา แต่มันก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับการให้ลูกชายของตนเองได้ขึ้นครองบัลลังก์” หรือพูดอีกอย่างก็คือ คนบ้าของฮองเฮาแห่งซีหลิง ก็คือตัวของซีหลิงเทียนอวี่เอง
อ่า……ซีหลิงเทียนอวี่ถึงกลับพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงพูดออกมาด้วยความอึดอัดใจว่า “ปากของเจ้าช่างชั่วร้ายเหลือเกิน”
“เทียบไม่ได้กับหัวใจของเจ้า” เสด็จอาเก้าตอบกลับอย่างเยือกเย็น แววตาของเขาเผยให้เห็นถึงความไม่พอใจ……