นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 845 ยุ่ง วันนี้เป็นวันดีอะไร
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 845 ยุ่ง วันนี้เป็นวันดีอะไร
ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินมาถึง คนรับใช้ในจวนเฟิ่งได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ราวกับพวกเขาฝึกมาอย่างเชี่ยวชาญเป็นร้อนเป็นพันครั้ง ความสามารถไม่ด้อยกว่าผู้ช่วยแพทย์ แต่สิ่งเดียวที่ยังขาดไปก็คืออุณหภูมิในกระท่อมยังไม่สูงพอ ทันทีที่เดินเข้ามาก็รู้สึกหนาวสั่นไปถึงชั้นกระดูก
สำหรับสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถควบคุมได้ กระท่อมไม้หลังนี้ ไม่รู้ว่าถูกใช้งานล่าสุดตอนไหน เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถรักษาอุณหภูมิของมันให้คนที่ตลอดทั้งวันทั้งคืนได้
ในตอนที่ซีหลิงเทียนอวี่ถูกพาตัวเข้ามาในกระท่อม ร่างกายของเขาราวกับถูกแช่แข็ง คนรับใช้ทำได้เพียงห่มผ้าให้ซีหลิงเทียนอวี่เพื่อบรรเทาความหนาวเย็น ลูบไล้ไปบนร่างกายของเขาเพื่อกระตุ้นให้เลือดไปหล่อเลี้ยง
เมื่อสายลับของซีหลิงเทียนอวี่เห็นเฟิ่งชิงเฉิน เขารีบก้าวออกมาแล้วพูดว่า “แม่นางเฟิ่ง ข้าขอโทษ”
เรื่องในคืนนี้ไม่ได้เป็นแค่การมารบกวนเฟิ่งชิงเฉินในยามดึก แต่พวกเขานำอันตรายมากมายมาให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ซึ่งเป็นอันตรายที่มิอาจคาดเดาได้
เฟิ่งชิงเฉินโบกมือ “ไม่เป็นไร การช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า นายท่านของพวกเจ้าเป็นอะไรงั้นหรือ?”
“โรคเก่ากำเริบของนายท่านกำเริบ” สายลับชี้ไปยังขาทั้งสองข้างของซีหลิงเทียนอวี่ เฟิ่งชิงเฉินหันไปมอง ขมวดคิ้ว นี่เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน ทำไมขาเทียมของซีหลิงเทียนอวี่ถึงได้มีปัญหา
“ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนเพิ่มเติมงั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ถามว่าซีหลิงเทียนอวี่เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร นางไม่สนใจและไม่อยากรู้
“ไม่มี” สายลับตอบกลับมา
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปได้” เมื่อได้ในสิ่งที่ตนเองอยากรู้ เฟิ่งชิงเฉินก็ไล่อีกฝ่ายออกไปทันที
ก็แค่เกิดปัญหากับขาเทียม นั่นแสดงว่าไม่จำเป็นต้องกังวลถึงชีวิต หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินสงบลงเล็กน้อย บอกให้สาวใช้ทั้งสองของนางเข้ามาด้านใน ส่วนคนอื่นไม่จำเป็นต้องให้เฟิ่งชิงเฉินออกคำสั่ง พวกเขาทยอยออกไปแต่โดยดี
แม้พวกนางจะอิจฉาสาวใช้ทั้งสองที่เพิ่งเข้ามาใหม่และได้รับความไว้วางใจจากเฟิ่งชิงเฉิน แต่เนื่องจากเป็นคำสั่งของนายท่าน พวกนางไม่มีสิทธิ์ที่จะสงสัย แม้ว่าพวกนางจะรู้สึกอิจฉามากแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องจากไปอย่างเชื่อฟัง
“ตัดกางเกงของเขาออก” เฟิ่งชิงเฉินเปิดกล่องยา จากนั้นนำกรรไกรทางการแพทย์ออกมา
“เจ้าคะ”
“ระวังหน่อย อย่าให้ไปถูกบาดแผลของเขาเด็ดขาด” เฟิ่งชิงเฉินสวมหน้ากาก เดินไปล้างมือด้วยน้ำสะอาดด้านข้าง จากนั้นก็หันไปสวมถุงมือ ช่วงเวลาดังกล่าวสามใช้ทั้งสองได้ตัดขากางเกงของซีหลิงเทียนอวี่เป็นที่เรียบร้อย เผยให้เห็นบาดแผลที่แดงและบวม
“เพียงพอแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินหยิบเครื่องวัดอุณหภูมิออกมา ยัดเข้าไปในปากของซีหลิงเทียนอวี่ ฟังเสียงการเต้นของหัวใจด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ เริ่มตรวจร่างกายของซีหลิงเทียนอวี่ตั้งแต่ขั้นตอนแรก
สาวใช้ทั้งสองไม่เข้าใจการกระทำของเฟิ่งชิงเฉิน แต่ก็อยู่นิ่งไม่ส่งเสียง ยืนมองอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าสร้างความวุ่นวายให้กับเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่อใดที่เฟิ่งชิงเฉินออกคำสั่ง พวกนางก็จะรีบเข้ามาให้ความช่วยเหลือในทันที
สถานการณ์ของซีหลิงเทียนอวี่ในตอนนี้ไม่ได้ถือว่าดีหรือแย่จนเกินไป เขาอยู่ด้านนอกที่มีอุณหภูมิต่ำมานานเกินไป ทำให้ร่างกายแข็งตัว เป็นหวัด มีไข้ และมีอาการบวมเป็นน้ำเหลืองเล็กน้อยตามร่างกาย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หนักหนาอะไร เนื่องจากสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือบาดแผลตรงขาเทียม
เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีแรงภายนอกมากระทำ ซีหลิงเทียนอวี่ทำให้ต้นขาที่ต่อกับขาเทียมของเขาแยกตัวออกมาจากกันได้อย่างไร
“เป็นอัจฉริยะแห่งความบัดซบเสียจริง” เมื่อเห็นบาดแผลที่น่ากลัว เฟิ่งชิงเฉินสบถด้วยความโกรธ
ข้อต่อที่เชื่อมกันแล้วถูกแยกออกมาจากกันอีกครั้ง มันไม่สามารถเย็บกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ในทันที เพราะหากเนื้อเยื่อติดเชื้อ อาจจะต้องตัดขาทั้งสองข้าง
ตรวจสอบขาเทียมของซีหลิงเทียนอวี่ พบว่ามีอาการสึกหรออย่างเห็นได้ชัดในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปี นี่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินโกรธเป็นอย่างมาก ชายผู้นี้ไม่สนใจคำเตือนของนางเลยแม้แต่น้อย ใช้เขาเทียมในการเดิน แต่กลับไม่รู้จักระมัดระวัง เดินไปตามปกติเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป เขาคงไม่ได้คิดว่าตนเองเหมือนกับคนธรรมดาที่สามารถใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปได้ใช่ไหม?
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าการคาดเดาของเฟิ่งชิงเฉินนั้นถูกต้อง นอกจากเดือนแรกที่มีความระมัดระวังเป็นพิเศษ นอกจากนั้นซีหลิงเทียนอวี่ก็ไม่เคยคิดว่าขาเทียมของเขาเป็นของเทียมเลย หลังจากสามารถเดินไปได้ เขาก็คิดว่าเขาสามารถเป็นเหมือนกับคนทั่วไปได้ ในบางครั้งเขาตั้งใจทำเรื่องที่ขาทั้งสองข้างต้องรับน้ำหนักเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าขาของเขานั้นแข็งแรง ไม่ใช่ขาพิการเหมือนกับที่ทุกคนคิด
ไม่รู้ว่าซีหลิงเทียนอวี่โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ หากไม่ใช่เพราะความโกรธที่รุนแรงในวันนี้ ภายใต้อิทธิพลของหัวใจอันแข็งแกร่ง คิดถึงตอนที่เขาของเขาถูกทรมานและทำให้เจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า การที่บาดแผลตรงขาเทียมเปิดออก ในระยะเวลาสามถึงห้าปี ขาเทียมของเขาจะหมดสภาพก่อนเวลาเนื่องจากขาดการดูแลและใช้งานมากเกินไป
อะไรที่เสียก็ต้องปล่อยให้มันเสียไป แม้เขาเทียมจะเหมือนกับของจริงทุกประการ แต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าซีหลิงเทียนอวี่เป็นคนพิการได้ ยิ่งเขาต้องการพิสูจน์ว่าตนเองเป็นเหมือนกับคนทั่วไปมากเท่าไหร่ มันก็เป็นเหมือนการนำตนเองตกลงสู่เหวลึก ทำให้ซีหลิงเทียนอวี่กลายเป็นคนแปลกประหลาด
ความคิดของซีหลิงเทียนอวี่ เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจและรับรู้มันเป็นอย่างดี เนื่องจากเขาคือคนที่เคยโดดเด่นมาก่อน เรื่องจากทหารที่ต้องถอนตัวจากการรบ เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาไม่สามารถยอมรับความไร้ประโยชน์ของพวกเขาได้ พวกเขาจึงหาวิธีการต่าง ๆ นานามาเพื่อพิสูจน์ตนเอง พิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ได้ต่างอะไรจากเมื่อก่อน พวกเขายังสามารถต่อสู้ได้ แต่ความจริงมันไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของผู้คนได้ ต่อให้พวกเขาฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง พวกเขาก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้
เฟิ่งชิงเฉินฉีดยาลดไข้ให้ซีหลิงเทียนอวี่ จากนั้นนำยาปฏิชีวนะสองขวดออกมาสองขวด ทดสอบกับผิวหนังของซีหลิงเทียนอวี่ พบว่าเขาไม่แพ้ยาชนิดนี้ ถึงกล้าฉีดให้กับเขา
สาวใช้ทั้งสองเห็นการกระทำเหล่านี้ของเฟิ่งชิงเฉิน มันเกินกว่าความรู้ที่พวกนางมี ตกใจจนคางแทบจะร่วงลงมาจากปาก เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นเห็นท่าทางของสาวใช้ทั้งสองอยู่ในสภาพที่เหมือนกับเห็นผี แววตาของนางเต็มไปด้วยจิตสังหาร ทำให้สาวใช้ทั้งสองตกใจ เก็บท่าทางดังกล่าว ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ไม่กล้ามองมาที่นางอีก
“อยู่อย่างฉลาด ไม่มองในสิ่งที่ไม่ควรมอง ไม่พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด” อย่ามองอะไรส่งเดช อย่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูด เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดออกมา แต่ทุกคนก็เข้าใจดี
อย่ามองในสิ่งที่ไม่ควรมอง อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ไม่อย่างนั้นนอกจากตายก็คงจบไม่สวย
“พวกข้าเข้าใจแล้ว” สาวใช้ทั้งสองตระหนักได้ทันทีว่า แท้จริงแล้วเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับใบหน้า ทัศนคติที่พวกนางมีต่อเฟิ่งชิงเฉินนั้นก็ดีขึ้นเล็กใน ให้ความเคารพมากขึ้น สำหรับสิ่งนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้แสดงท่าทางที่ผิดปกติออกมา
เส้นแบ่งระหว่างนายกับบ่าวอยู่ที่นั่น ดังนั้นการที่กลัวนางก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เฟิ่งชิงเฉินปรับขวดน้ำเกลือ ชะลอความเร็ว จากนั้นเริ่มทำความสะอาด พันแผลให้ซีหลิงเทียนอวี่ ซึ่งนี่คืออาการบาดเจ็บที่รุนแรงที่สุดของซีหลิงเทียนอวี่ในตอนนี้
บาดแผลมีสีแดง บวมและอักเสบ เฟิ่งชิงเฉินทำการตรวจสอบและพบว่าขาเทียมของซีหลิงเทียนอวี่นั้นผิดตำแหน่งไปเล็กน้อย ซึ่งไม่ชัดเจน หากไม่ใช้เครื่องมือพิเศษก็จะไม่สามารถตรวจพบได้เลย
หากไม่ใช่เพราะการบาดเจ็บครั้งนี้ ซีหลิงเทียนอวี่ไม่มีทางรู้ว่าขาเทียมของเขานั้นผิดตำแหน่ง และหากรอจนกว่ารู้สึกตัว เกรงว่าคงเป็นอันตรายอย่างมาก ถึงตอนนั้นคงรักษาไม่ทันกาล
ในฐานะหมอคนหนึ่ง เมื่อพบกับคนป่วยอย่างซีหลิงเทียนอวี่ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าดีใจ โชคดีที่เฟิ่งชิงเฉินมีสติและสงบเพียงพอ จึงไม่ปล่อยวางและละเลยการรักษา
“ปรับไฟให้ตรงข้า จากนั้นพวกเจ้าก็ออกไปด้านนอก” อุณหภูมิในกระท่อมเพิ่มสูงขึ้น รอด้านนอกดีกว่ารออยู่ด้านใน สาวใช้ทั้งสองไม่กล้ารอช้า รีบเดินออกไปทันที
ไม่มีใครอยู่ เฟิ่งชิงเฉินจึงนำกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะออกมาอย่างสบายใจ อุทิศตนให้กับการรักษาซีหลิงเทียนอวี่ และยุ่งอยู่อย่างนั้นจนถึงเช้า
ไม่ง่ายเลยกว่าเฟิ่งชิงเฉินจะซ่อมแซมขาเทียมของซีหลิงเทียนอวี่ให้กลับมาเป็นเหมือนปกติได้ ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากด้านหน้าของจวน…..