นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 85 ต้นทุน
บทที่ 085 ต้นทุน
หลังจากที่เหล่าทหารจากไป เฟิ่งชิงเฉินและลู่เส้าหลินก็สบตากัน ไม่มีใครยอมเอ่ยปากขึ้นก่อน สุดท้ายลู่เส้าหลินก็ยอมถอยไปหนึ่งก้าว “บอกมาเถอะว่าเจ้าต้องการคุยอะไรกับข้าเป็นการส่วนตัว”
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมสำหรับการพูดคุย พวกเราเข้าไปดีหรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปยังห้องทรมานที่มีกลิ่นเหม็นคลุ้ง
ในโลกนี้ผู้ที่กล้าพูดกับผู้บัญชาการของหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตในห้องทรมานของหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตก็คงมีเพียงเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้น
“มิเสียทีที่เป็นถึงบุตรสาวของแม่ทัพเฟิ่ง กล้าหาญไม่เบา” ลู่เส้าหลินกล่าวยกย่องนางอย่างจริงใจ
เขาไม่ได้เกลียดเฟิ่งชิงเฉิน เขาเพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น
“อะไรกัน ชิงเฉินเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าจะทำให้ชื่อเสียงของท่านพ่อเสื่อมเสียมิได้” เฟิ่งชิงเฉินได้ความมั่นใจกลับคืนมาแล้วและกลับมามีท่าทางของความเป็นมืออาชีพอีกครั้ง
ช่วยไม่ได้ เมื่อกลับเข้าสู่อาชีพของตน นางจึงกลับมาเป็นผู้กุมอำนาจอีกครั้งแม้ว่าจะเป็นในห้องทรมาน แต่นางก็มีท่าทางเปี่ยมไปด้วยอำนาจและการชี้นำ
ลู่เส้าหลินถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปด้วยท่าทางเช่นนี้ของนาง
“ใต้เท้าผู้บัญชาการ พวกเราไม่ต้องอมพะนำต่อกันยามที่อยู่ต่อหน้า ปัญหาของท่านชิงเฉินนั้นเข้าใจดีและมันก็สามารถแก้ไขได้”
ทันทีที่ลู่เส้าหลินได้ยินเช่นนี้และกำลังจะถามเฟิ่งชิงเฉินว่าทำไมนางได้กล้าพูดอะไรเหลวไหลเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็เอ่ยขัดจังหวะ “ใต้เท้าอย่าเพิ่งรีบร้อน ฟังชิงเฉินให้จบก่อน ชิงเฉินรู้ว่าใต้เท้าไม่เชื่อข้า ไม่เป็นไร ท่านเพียงแค่ต้องให้เวลาข้าหนึ่งคืนเท่านั้น หลังจากที่ท่านกลับไปหลังจากคืนนี้จะต้องทำให้ฮูหยินพึงพอใจได้อย่างแน่นอน”
ใช่แล้ว ลู่เส้าหลินผู้นี้ดูน่าเกรงขามไม่ธรรมดา แต่เขามีความผิดปกติทางสมรรถภาพทางเพศ
ในภพก่อน เฟิ่งชิงเฉินเคยได้ยินอาจารย์แพทย์หญิงในแผนกระบบทางเดินปัสสาวะกล่าวว่าผู้ชายที่โรคจิตบางคนเกิดขึ้นจากการที่พวกเขาไร้ความสามารถ ดังนั้นจึงได้ชอบที่จะได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่ถูกทารุณกรรม
ประโยคที่พูดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจของลู่เส้าหลินทำให้เฟิ่งชิงเฉินนึกถึงปัญหานี้ขึ้นมาได้ เมื่อบวกกับท่าทางการเดินประหลาดของเขา นางจึงได้คาดเดาอย่างกล้าหาญ
เมื่อลู่เส้าหลินได้ยินคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้โต้เถียง เพียงแต่จ้องมองเฟิ่งชิงเฉิน ทั้งโกรธเคืองทั้งรู้สึกจนปัญญา
เฟิ่งชิงเฉินไม่เกรงกลัวและจ้องตอบกลับไป
นางรู้ว่าการเปิดโปงเรื่องส่วนตัวของลู่เส้าหลินจะนำไปสู่ปัญหาในอนาคต แต่นางไม่สามารถคิดได้มากถึงเพียงนั้น คงต้องดูไปในแต่ละวัน หลังจากถูกทรมานในหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตแล้ว นางคงไม่อยากถือมีดในชีวิตอีกต่อไป
และนี่เป็นสิ่งที่นางทนไม่ได้ ศัลยแพทย์ที่ถือมีดผ่าตัดไม่ได้ ยังจะเรียกว่าเป็นหมอได้อีกหรือ?
เมื่อเห็นว่าความโกรธในดวงตาของลู่เส้าหลินถูกแทนที่ด้วยความจนปัญญา เฟิ่งชิงเฉินก็กล่าวว่า “ใต้เท้าโปรดวางใจ ชิงเฉินเป็นหมอ ข้าย่อมมีหลักการและจรรยาบรรณ จะไม่เปิดเผยอาการเจ็บป่วยของท่านแน่”
เมื่อลองคิดดูแล้วก็ใช่ ใต้เท้าผู้บัญชาการกลับไร้สมรรถภาพทางเพศ หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปก็คงจะเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง
“เจ้าสามารถช่วยข้าได้จริงๆ งั้นหรือ?” ใบหน้าของลู่เส้าหลินกระจ่างขึ้นด้วยความหวัง
ในฐานะบุรุษผู้หนึ่ง บุรุษผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จ เขาไม่สามารถเผชิญกับความล้มเหลวของตัวเองได้
แต่การได้คุยเรื่องนี้กับหญิงสาวผู้หนึ่งก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเขินอายเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นลู่เส้าหลินก็นึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเทศกาลชมดอกท้อ
ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวเปิดโปงองค์หญิงอู่อัน
“เจ้าเชี่ยวชาญด้านการแพทย์จริงๆ หรือ?” ลู่เส้าหลินเชื่อแล้ว
“ใต้เท้าลู่ ไม่จำเป็นต้องสงสัยฝีมือแพทย์ของชิงเฉิน หากข้าไม่รู้จริง ตระกูลหวังจะช่วยข้าเช่นนี้หรือ? หากข้าไม่มีความสามารถในการรักษาดวงตาของหวังจิ่นหลิงได้ ด้วยฐานะของชิงเฉินจะสามารถคบกับคุณชายตระกูลหวังได้หรือ?”
นี่คือความจริง
แม้ว่าหวังจิ่นหลิงจะเข้าถึงได้ แต่หากเฟิ่งชิงเฉินไม่มีวิชาแพทย์แล้วก็คงไม่มีโอกาสที่จะรู้จักกันได้เช่นกัน ยิ่งนับประสาอะไรที่จะกลายเป็นเพื่อนกัน
“ตกลง เฟิ่งชิงเฉิน ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งคืนเพื่อพิสูจน์ฝีมือแพทย์ของเจ้า” ลู่เส้าหลินเต็มไปด้วยความหวังที่จะกลายเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ดังนั้นเขาจึงยอมเดิมพัน
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ใต้เท้าลู่ ท่านจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ท่านเลือกในคืนนี้ ตอนนี้รบกวนใต้เท้าออกไปรอสักครู่เพื่อให้ชิงเฉินเตรียมตัว” เฟิ่งชิงเฉินแสดงท่าทางของหมอผู้มากความสามารถอย่างไม่เป็นทางการ
“ตกลง เฟิ่งชิงเฉิน ข้าเชื่อเจ้า” ลู่เส้าหลินหันหลังกลับออกไปโดยไม่ลืมปิดประตูให้นางด้วย
เฮ้อ…
ทันทีที่ลู่เส้าหลินจากไป เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าหัวใจของนางกลับเข้าที่แล้ว
ในที่สุดก็ผ่านมาได้อย่างปลอดภัย!
ในหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตนั้น ตราบใดที่ลู่เส้าหลินถูกตัดสิน นางก็ไม่จำเป็นต้องถูกลงโทษ
ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินผ่อนคลาย นางก็รู้สึกได้ว่าบาดแผลที่ข้อเท้าและหลังของนางก็เริ่มเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากหายใจเข้าลึกเพื่อระงับความเจ็บปวด เฟิ่งชิงเฉินก็รีบเปิดกล่องยาอัจฉริยะและหยิบกล่องยาที่เขียนว่า “ไวอะกร้า” ออกมา
ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะเรียกว่ายาเม็ดสีฟ้าเล็กๆ แห่งข่าวดีสำหรับบุรุษหลายพันคนหรือที่รู้จักกันทั่วไปในนามไวอะกร้า
เฟิ่งชิงเฉินหยิบออกมาหนึ่งเม็ด ห่อด้วยกระดาษสีขาวแล้วเก็บที่เหลือไว้
สิ่งนี้คือฟางช่วยชีวิตของนาง ให้ตายนางก็ไม่สามารถมอบให้ลู่เส้าหลินได้ทั้งหมดในครั้งเดียว
ฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้งเป็นวิธีการทั่วไปที่นักการเมืองชอบใช้ หากต้องการให้คนอื่นปกป้อง จะต้องพิสูจน์ว่าตนเองนั้นมีประโยชน์
เวลาหนึ่งชั่วชาร้อนนั้นไม่มากไม่น้อย ลู่เส้าหลินก้าวเข้ามา จากนี้จะเห็นได้ว่าเขากังวลใจอยู่ลึกๆ
เฟิ่งชิงเฉินยื่นยาให้กับเขาพร้อมพยักพเยิดให้เขากินมันลงไป “ใต้เท้าลู่วางใจเถอะ ยานี่ไม่ใช่ยาพิษ ตอนนี้ใต้เท้าลู่เป็นดังเครื่องรางคุ้มภัยของชิงเฉิน ไม่ว่าชิงเฉินจะโง่เขลาเพียงใดก็ไม่มีทางทำร้ายตัวเองและผู้อื่นได้”
ขุนนางมีกลโกงมากมาย เฟิ่งชิงเฉินเพียงแค่ชี้ให้เห็นเท่านั้น
“เจ้าฉลาดยิ่งนัก” ลู่เส้าหลินรับยาของเฟิ่งชิงเฉินแล้วกลืนเข้าไป
เขากำลังเดิมพันด้วยชีวิตของเขา
ยิ่งเป็นเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็ยิ่งดีใจมากขึ้นเท่านั้น
นั่นหมายความว่าลู่เส้าหลินกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเขา ยิ่งเขาใส่ใจนางมากเท่าไร นางก็ยิ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้นเท่านั้น
ไม่แน่ว่า หากต่อไปนางอยู่ไม่ไหว นางอาจพึ่งยาเม็ดสีฟ้านี้ได้
“ใต้เท้าลู่ชมเกินไปแล้ว ตอนนี้ดึกแล้ว รบกวนใต้เท้าลู่จัดห้องขังสำหรับชิงเฉินด้วย นอกจากนี้ใต้เท้าก็กลับบ้านเร็วเสียหน่อยเถิด ครึ่งชั่วยามก็เพียงพอแล้วสำหรับการออกฤทธิ์”
ว่าแล้วนางก็หาวออกมา
ได้คืบเอาศอกก็เป็นอย่างเฟิ่งชิงเฉินเช่นนี้เอง
แต่ทว่า…
นางมีดีให้ได้คืบจะเอาศอก
แม้ว่าลู่เส้าหลินจะไม่พอใจ แต่เมื่อนึกถึงอาการป่วยของเขา เขายังต้องการเฟิ่งชิงเฉินอยู่ เขากัดฟันอดทนและให้คนปลดตรวนออกจากมือของนาง
เจ้าหน้าที่คิดว่าลู่เส้าหลินกำลังจะทรมานเฟิ่งชิงเฉิน พวกเขาตื่นเต้นรอเวลานี้มาทั้งคืน แต่คิดไม่ถึงว่าลู่เส้าหลินจะพูดว่า “พาแม่นางเฟิ่งไปที่ห้องหมายเลขเก้า ดูแลนางให้ดีอย่าปล่อยให้นางตาย”
คุกองครักษ์เสื้อโลหิตมีสี่ระดับ ในคุกฟ้าใช้เพื่อกักขังเชื้อพระวงศ์ น้อยนักที่จะเปิดใช้และผู้ที่ถูกขังอยู่ในนั้นล้วนยากที่จะลงมือทรมาน
“ใต้เท้าลู่?” เจ้าหน้าที่คิดว่าเขาได้ยินผิดไปจึงเอ่ยถามเสียงเบา
ใต้เท้าของพวกเราโดนของหรืออย่างไร
นี่คือเฟิ่งชิงเฉินที่ได้รับคำสั่งให้จัดการจากเบื้องบน!
“ยังจะรออะไรอีก ยังไม่รีบเร่งมืออีก” ลู่เส้าหลินสีหน้าบึ้งตึง
“ขอรับๆๆ” เจ้าหน้าที่รู้สึกตกใจกลัวมากจนขวัญแทบสลาย เขาโค้งคำนับและเชิญเฟิ่งชิงเฉินด้วยความเคารพให้ออกไป
เฟิ่งชิงเฉินส่ายหัวและหัวเราะเบาๆ “ขอบคุณเจ้าค่ะ ใต้เท้าลู่”
พูดจบแล้วนางก็เดินออกไปข้างนอก
ยามที่เดินผ่านลู่เส้าหลิน ลู่เส้าหลินก็ดึงตัวเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้…