นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 852 การค้า ร้านขายยาตระกูลหยุนดังขึ้นฉับพลัน
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ 852 การค้า ร้านขายยาตระกูลหยุนดังขึ้นฉับพลัน
เจ้าเห็นคนอื่นดูผ่อนคลายสบายใจ คิดว่าคนอื่นมีชีวิตที่ดี ไม่ธรรมดา แต่ทุกคนอาจไม่คาดคิดว่านั่นเป็นเพียงเปลือกนอก แต่ด้านในถูกซ่อนไว้ด้วยความทุกข์
คำพูดของหยุนเซียวทำให้เฟิ่งชิงเฉินมีความรู้สึกร่วมทางอารมณ์ ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินมองลงด้านล่าง ปกปิดความหมายในดวงตาของนาง
“เจ้าพูดถูก ไม่มีใครหลุดพ้นจากโลกใบนี้ได้ บนโลกใบนี้ชีวิตล้วนไม่แน่นอน มีขึ้นมีลง มีสิ่งกีดขวางเป็นเรื่องธรรมดา เว้นแต่พระเจ้าในตำนาน ต่อให้เป็นจักรพรรดิผู้ครอบครองแผ่นดินก็ไม่สามารถปกครองโลกใบนี้เพียงลำพังได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาอย่างพวกเรา แน่นอนว่าต้องข้ามผ่านสัจธรรมแห่งโลกใบนี้”
“สัจธรรมแห่งโลก” หยุนเซียวนึกถึงห้าพยางค์นี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรับรู้ ไม่ว่าจะถูกขัดขวางหรือประสบความสำเร็จ มันก็ไม่มีอะไรหลุดพ้นจากสัจธรรมไปได้ “เจ้ามองเห็นมันได้อย่างชัดเจน”
“แม้จะมองไม่เห็นก็ต้องมองมันต่อไป ผู้คนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ใช่สิ่งของที่เคลื่อนย้ายไปตามกำลังของผู้อื่น ทุกคนต่างใช้ชีวิตตามวิถีของตนเอง ไม่ว่าจะใช้ชีวิตอยู่เพื่อใคร แต่สุดท้ายก็ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง” ไม่ว่าจะเพื่อการต่อสู้หรือเพื่อผลประโยชน์ สุดท้ายก็ทำเพื่อตนเองอยู่ดี
“เจ้าอายุยังน้อย ทำไมถึงได้เข้าใจเรื่องพวกนี้” หยุนเซียวถอนหายใจออกมา หากไม่ใช่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินยังอายุไม่ถึงสิบหกปี เขาคงสงสัยว่าผู้นี้คนนี้อายุเกินยี่สิบห้าปีไปแล้ว
“ผ่านประสบการณ์มามากมาย แต่นอนว่าต้องเติบโตอย่างรวดเร็ว” เฟิ่งชิงเฉินอธิบายออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ หยุนเซียวเองก็ไม่สงสัยแต่อย่างใด เนื่องจากชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความยากลำบาก รู้ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของนาง เขาก็รู้ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนลำบากไปมากกว่านาง
เฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป นางเรียกสาวใช้ที่อยู่ข้างของนางเข้ามา “ไปห้องหนังสือ นำกล่องที่วางไว้บนโต๊ะมาให้ข้า”
หยุนเซียวขมวดคิ้ว คำพูดนี้ของเฟิ่งชิงเฉินเหมือนกับกำลังมอบของขวัญบางอย่างให้กับเขา แต่มีใครเขาให้ของขวัญกันแบบนี้ ไม่ใช่ว่าควรนำไปให้ตอนที่เดินทางไปเยี่ยมอีกฝ่ายหรืออย่างไร
โชคดีที่หยุนเซียวนั้นรู้จักมารยาท แม้รู้ว่าการกระทำของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่เหมาะสม แต่เขาก็ไม่พูดอะไรออกมา อย่างไรก็ตามเขาและเฟิ่งชิงเฉินนั้นคุ้นเคยกัน จะมาสนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร
ในขณะที่สาวใช้เดินไปนำของ เฟิ่งชิงเฉินก็ถามหยุนเซียวเกี่ยวกับประเภทของยาที่ขายในร้านขายยาของตระกูลหยุน รวมถึงประเภทของยาที่ขายอยู่ตามท้องตลาด ยาที่ขายของแต่ละตระกูลล้วนต่างกันออกไป ทุกตระกูลต่างมีตำรับยาเป็นของตนเอง
ตัวอย่างเช่นยาบำรุงที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลหยุน ซึ่งเป็นยาเพื่อสุขภาพและความงามเป็นที่โปรดปรานของสตรีผู้สูงศักดิ์ ผลของมันนั้นยอดเยี่ยม หญิงชราของทุกตระกูลถือว่ายาบำรุงตระกูลหยุนนั้นเป็นสิ่งที่ต้องมีไว้ติดบ้าน สามารถกินได้ในทุกเวลาที่อยากกิน
หลังจากยาบำรุงของตระกูลหยุนได้รับความนิยม มันได้ดึงดูดความสนใจของหลายตระกูล มีร้านขายยามากมายทำยาที่มีผลลัพธ์ใกล้เคียงออกมาขาย ตั้งชื่อต่างกันไม่มาก แต่เป็นยาบำรุงของตระกูลอื่น
ชนิดของยาบำรุงสุขภาพสำเร็จรูปสามารถแบ่งออกมาได้อีกหลายชนิด ยาแก้ไอ ยาแก้หวัด ยาสมานบาดแผล ทั้งหมดล้วนเป็นยาประเภทเดียวกัน แม้ยาสำเร็จรูปจะทำเงินได้มาก แต่ยาเหล่านี้ก็มีอยู่น้อยมาก ร้านขายจะขายแบบไม่ค่อยคิดอะไร จัดยาตามใบสั่งของหมอ ปกติแล้วร้านขายยาจะร่วมมือกับหมอคนหนึ่งเพื่อร่วมกันรักษาและจ่ายยา
เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเซียว ความกังวลในดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินก็หายไป แม้นางจะไม่เข้าใจเรื่องการตลาดมากเสียเท่าไหร่ แต่นางก็รู้ว่าของที่ขาดตลาดนั้นเป็นยังไง หากสามารถนำของเหล่านั้นออกมาขายยามที่ตลาดว่างเปล่า เช่นนั้นนางก็สามารถทำเงินได้แม้ว่ากำลังหลับตาอยู่
เลือดในตัวของเฟิ่งชิงเฉินพลุ่งพล่าน เมื่อคิดถึงภาพที่ตนเองได้รับเงิน แสงในดวงตาก็ปรากฏออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ นางไม่เคยลืม mp3 คอมพิวเตอร์ ในช่วงที่ขาดตลาด ช่วงเวลานั้นไม่รู้ว่าเหล่าบริษัททำเงินจากมันได้มากมายมหาศาลเพียงใด
“ชิงเฉิน เป็นอะไรไปงั้นหรือ?” หยุนเซียวรู้สึกหวาดกลัวกับแววตาอันร้อนแรงของเฟิ่งชิงเฉิน เขาไม่ต้องการตกเป็นเป้าหมายของเสด็จอาเก้า
เฟิ่งชิงเฉินรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นเริ่มพูดถึงยาป้องกันการแท้งบุตรออกมา สาวใช้ยื่นกล่องมาให้นาง เฟิ่งชิงเฉินรับไว้ จากนั้นเปิดมันออก……
เวลานั้นหยุนเซียวถึงรู้ว่า เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คิดจะมอบของขวัญให้เขาตั้งแต่แรก โชคดีที่เขาไม่ได้พูดอะไรออกไปมาก ไม่เช่นนั้นคงขายหน้า
“หยุนเซียว เจ้าลองดูว่านี่คือสิ่งใด” เฟิ่งชิงเฉินส่งขวดแก้วให้หยุนเซียว
ขวดแก้วใส ภายในบรรจุของเหลวสีน้ำตาล ดวงตาของหยุนเซียวเป็นประกาย “เป็นขวดแก้วที่งดงามเหลือเกิน ไม่ได้ด้อยกว่ากระจกของตระกูลซูแม้แต่น้อย”
อึก……เฟิ่งชิงเฉินแทบกระอักเลือด “ใครใช้ให้เจ้าดูขวดแก้ว ข้าให้เจ้าดูตัวยาที่อยู่ด้านใน”
เฟิ่งชิงเฉินหลั่งน้ำตา สิ่งซึ่งพวกเขาสองคนให้ความสำคัญนั้นต่างกันออกไป
“ยา? ด้านในบรรจุยาอยู่งั้นหรือ? เจ้าบรรจุยาลงในขวดแก้วอันล้ำค่า?” หยุนเซียวกล่าวออกมาด้วยความตกใจ
หรือว่านี้จะเป็นสิ่งล้ำค่าในสิ่งล้ำค่าในตำนาน ความหรูหราท่ามกลางความฟุ่มเฟือย ขวดที่เล็กเพียงเท่านี้จะบรรจุยาได้มากแค่ไหน แม้จะใส่จนเต็มก็ทำเงินได้ไม่มาก
“ข้าอยากจะจนกำแพงตาย” เฟิ่งชิงเฉินตบหน้าผากของตนเอง จากนั้นกล่าวออกมาด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึม “หยุนเซียว พวกเรายังไม่ต้องพูดถึงเรื่องขวด พวกเรามาพูดถึงเรื่องยาที่อยู่ด้านใน เจ้ารู้หรือไม่ว่ายาที่อยู่ด้านในคือยาชนิดใด?”
“ยาชนิดใด?” นี่เป็นยาล้ำค่าชนิดใดถึงได้นำมาใส่ในขวดแก้วที่มีราคาเช่นนี้ หยุนเซียวเองก็อยากรู้เช่นกัน
มุมปากของเฟิ่งชิงเฉินกระตุก พยายามระงับอารมณ์ตนเอง กล่าวออกมาอย่างใจเย็น “นี่คือยาป้องกันการแท้งบุตรที่สนมเอกเซี่ยทานเข้าไปในตอนนั้น”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” หยุนเซียวกล่าวออกมาด้วยความตกใจ รีบกระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที กล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้น “เจ้าบอกว่านี่คือยาป้องกันการแท้งบุตรที่ร่ำลือกันในพระราชวัง ช่วยให้สนมเอกเซี่ยปกป้องลูกในครรภ์ของนางได้?” หยุนเซียวรีบกำขวดแก้วในมือให้แน่น มือของเขาสั่นอย่างไร้การควบคุม
เขาตามหายาป้องกันการแท้งบุตรมาตั้งนานแต่ก็หาไม่พบ สุดท้ายก็มาเจอที่จวนเฟิ่ง
“เจ้าเป็นคนจ่ายยาให้สนมเอกเซี่ยงั้นหรือ?” หยุนเซียวถามอย่างตื่นเต้น
“ใช่” เห็นท่าทางของหยุนเซียว เฟิ่งชิงเฉินคาดเดาได้ว่าคนในวังคงนำเรื่องนี้ออกมาเผยแพร่ แต่ไม่ได้เผยแพร่ชื่อของนางออกมา น่าจะเป็นเพราะคนเหล่านั้นไม่อยากให้ใครรู้จักนางมากเกินไป เพื่อดำรงไว้เป็นข้อได้เปรียบ และมันถือเป็นสิ่งสำคัญกับผู้หญิงเหล่านั้นเป็นอย่างมาก
“พระเจ้า โอ้พระเจ้า ทำไมเจ้าถึงไม่พูดบอก ทำไมเจ้าถึงไม่รีบบอกข้า เจ้ายังมียาชนิดนี้อยู่อีกหรือไม่? พอแบ่งให้ข้าสักหนึ่งส่วนได้หรือไม่ แม่ของข้ากำลังตั้งครรภ์ หมอบอกว่าอายุของนางมากแล้ว ครรภ์จึงไม่แข็งแรง และอาจจะเกิดการแท้งบุตรได้” ใบหน้าของหยุนเซียวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แย่งกล่องในมือของเฟิ่งชิงเฉินมาทันที
“หากแบ่งให้ข้าไม่ได้ งั้นข้าขอเพียงเท่านี้ก็ได้ ข้าขอเป็นตัวแทนแม่และเหล่าพี่น้องของข้าในการขอบคุณเจ้า” หยุนเซียวจับกล่องไว้แน่น มองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยใบหน้าระมัดระวัง กลัวว่าเฟิ่งชิงเฉินจะแย่งมันกลับคืนไป
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเหนื่อยกับหยุนเซียวเล็กน้อย นางรีบปลอบโยนออกมา “หยุนเซียว คุณชายใหญ่แห่งตระกูลหยุน ได้โปรดอย่าแตกตื่นถึงเพียงนี้ ยาป้องกันการแท้งบุตรนี้ เจ้าต้องการเท่าไหร่มันก็มีเท่านั้น นี่ไม่ใช่สิ่งของล้ำค่าอะไร”
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่ามาแสร้งทำเป็นพูดเช่นนี้ มันจะไม่ล้ำค่าได้อย่างไร เจ้าลองออกไปไถ่ถามคนภายนอกสักเล็กน้อย สองวันที่ผ่านมาเหล่าตระกูลที่พอมีอำนาจ มีตระกูลไหนบ้างที่ไม่ส่งคนไปยังตำหนักของสนมเอกเซี่ยเพื่อสอบถามเกี่ยวกับยาป้องกันการแท้งบุตร ในเมืองจักรพรรดินั้นไม่มีอะไรมาก มีตระกูลทรงอำนาจอยู่มากมาย มีตระกูลไหนบ้างที่ไม่อยากปกป้องหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ ตระกูลเซี่ยช่างชั่วร้าย เก็บเรื่องราวทั้งหมดไว้มิดชิด เหล่าคนที่รู้เรื่องราวเหล่านั้นปิดปากเงียบสนิท ราวกับว่าตกลงกันไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าใครจะเป็นคนไถ่ถาม พวกเขาต่างปฏิเสธออกมา”
เจ้ามีสมบัติที่คงอื่นไม่มีอยู่ในครอบครอง ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของเจ้า หากทุกคนต่างมีสมบัติชิ้นนี้อยู่ในมือ แล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไร อะไรเรียกว่าความรู้สามารถต่อยอดชีวิต มันก็คือสิ่งนี้ ในบางครั้งแค่มีความสามารถบางอย่างก็สามารถทำให้ชีวิตของเจ้ามั่นคงได้
ตระกูลใหญ่บนโลกนี้ทุกตระกูลต่างครอบครองสมบัติล้ำค่าอยู่หนึ่งถึงสองชิ้น ซึ่งไม่ถูกส่งต่อให้คนภายนอก นี่คือข้อได้เปรียบของพวกเขา สำหรับตระกูลเซี่ยแล้ว ยาป้องกันการแท้งบุตรของเฟิ่งชิงเฉินถือเป็นข้อได้เปรียบของพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเหล่านี้หลุดปากออกมา
นี่เป็นสิ่งที่ฮูหยินแห่งหนิงกั๋วกงซื่อจื่อไม่พอใจที่เฟิ่งชิงเฉินนำยาช่วยตั้งครรภ์มอบให้กับนางสนมคนอื่น เจ้ามอบให้ผู้อื่น ทุกคนต่างเท่าเทียมกัน เช่นนั้นตระกูลของนางจะมีข้อได้เปรียบอันใด
แม้หยุนเซียวจะไร้ซึ่งความหวัง แต่เขาก็วางแผนเตรียมสั่งให้คนไปเยี่ยมเยียนตระกูลเซี่ย นี่ไม่ใช่เพราะสิ่งอื่นใด นี่ก็เพื่อแม่ในวัยอายุสี่สิบของเขาที่กำลังตั้งครรภ์อยู่เวลานี้
ก่อนหน้านี้เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในพระราชวังมาโดยตลอด ออกมาจากพระราชวังก็กลับมายังจวนเฟิ่งทันที เขาไม่รู้จริง ๆ ว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเซียว เฟิ่งชิงเฉินถึงกับเหงื่อตก “โชคดีที่จวนเซี่ยและสนมในหวังหลังเหล่านั้นช่วยกันปิดข่าว มิเช่นนั้นข้าคงแย่”
เมื่อนึกถึงความสง่างามของเหล่าสนมในวังหลังเหล่านั้น ความหวาดกลัวเผยให้เห็นบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน นางไม่มีพรสวรรค์ในการเข้าสังคมเอาเสียเลย
“เจ้าต้องขอบคุณในความเห็นแก่ตัวของพวกเขา มิเช่นนั้นเจ้าคงไม่มีชีวิตที่สงบสุขถึงเพียงนี้” เมืองจักรพรรดิเต็มไปด้วยผู้คนที่มีอำนาจ เห็นแก่หน้าของเสด็จอาเก้า ทุกคนจึงไม่บีบบังคับเฟิ่งชิงเฉิน เช่นเดียวกัน เฟิ่งชิงเฉินเองก็ต้องให้เกียรติพวกเขาเหล่านั้นด้วย
การรับมือกับความขุ่นเคืองของคนเพียงกลุ่มเดียวไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากให้รับมือกับผู้มีอำนาจทั้งเมืองจักรพรรดิ อย่าว่าแต่เฟิ่งชิงเฉินเลย ต่อให้เป็นเสด็จอาเก้าก็คงต้านไม่ไหว มันคือการขุ่นเคืองกับสาธารณชนอย่างแท้จริง
“เจ้าต้องเก็บความลับนี้เอาไว้ให้ข้า” เฟิ่งชิงเฉินรีบแจ้งเตือนหยุนเซียว
หยุนเซียวยิ้มออกมา “ให้ข้าเก็บเป็นความลับนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่เจ้าจะให้สิ่งใดข้าเป็นการตอบแทน”
“ข้าจะมอบอำนาจในการขายยาป้องกันการแท้งบุตรให้กับเจ้า เจ้าว่าอย่างไร?” เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองไปยังหยุนเซียวด้วยรอยยิ้มแห่งความภูมิใจ รอเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของหยุนเซียว แต่สุดท้ายหยุนเซียวเพียงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่เคลื่อนไหว ขยับแค่ดวงตาของเขาเท่านั้น “เฟิ่งชิงเฉิน เข้าพูดว่าอย่างไร? ข้ามิได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่?”
“เจ้าไม่ได้ฟังผิดไป ข้าเรียกเจ้ามาก็เพื่อต้องการร่วมมือกับเจ้าในการขายยาป้องกันการแท้งบุตร แต่ไม่รู้ว่ามีที่สำหรับขายยาชนิดนี้ในตลาดหรือไม่” เวลานี้เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจเป็นอย่างมากว่าของสิ่งนี้สามารถนำออกไปขายในตลาดได้ และเป็นถึงตลาดขนาดใหญ่
“มี มี มี มีอย่างแน่นอน” เวลานี้หยุนเซียวเพิ่งได้สติกลับคืนมา เกรงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเปลี่ยนใจ หยุนเซียวรีบนั่งลงและขอให้คนรับใช้นำกระดาษและปากกามา “ชิงเฉิน พวกเรามาทำสัญญาการขายกันเถิด ผลกำไรแบ่งเป็นสามส่วนเจ็ดส่วน เจ้าเจ็ดส่วน ข้าสามส่วน ยาป้องกันการแท้งบุตรทั้งหมดให้เจ้าเป็นคนจัดการ ส่วนข้ารับผิดชอบเรื่องการขาย”
ในฐานะผู้นำคนต่อไปของตระกูลหยุน หยุนเซียวตระหนักถึงกำไรที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน และทางฝั่งของเฟิ่งชิงเฉินเองก็ได้กำไรเป็นอย่างมากเช่นกัน เห็นเฟิ่งชิงเฉินไม่พูดอะไร หยุนเซียวคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่พอใจกับข้อตกลงในการแบ่งผลประโยชน์ ดังนั้นจึงรีบอธิบายออกมา “ชิงเฉิน ตระกูลหยุนของข้าจะแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด ต้นทุน กำลังการขนส่ง ทั้งหมดถูกรวมอยู่ในกำไรทางฝั่งของตระกูลหยุน กำไรทั้งหมดคิดจากราคาขายหักต้นทุน ตระกูลหยุนจะจัดหาวัตถุดิบในการทำยาส่งให้ในราคาเดิม หากเจ้ายังไม่พอใจในผลประโยชน์นี้ เช่นนั้นข้าขอเป็นสองส่วน ส่วนเจ้าเอาไปแปดส่วน……”
สองต่อแปด นี่เป็นขีดจำกัดที่ตระกูลหยุนจะรับได้ หากต่ำกว่านี้ตระกูลหยุนของเขาจะไม่ได้กำไรต่ออย่างใด แน่นอน หากเฟิ่งชิงเฉินต้องการเปลี่ยนเป็นเก้าต่อหนึ่งส่วน พวกเขาก็ยังคงกัดฟันยอมรับ แม้จะทำกำไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ถือเป็นโอกาสที่ร้านขายยาแห่งตระกูลหยุนของเขาได้สร้างชื่อเสียง
หยุนเซียวเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการเจรจาร่วมมือกันในครั้งนี้ แต่ตระกูลหยุนจะทำเงินไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นกำไรของพวกเขา ตระกูลหยุนประสบความสำเร็จในเรื่องการของสร้างชื่อเสียง เขาสามารถก้าวขึ้นไปสูงกว่านี้ได้ ดังนั้นด้วยผลประโยชน์กล่าว เขาจึงตอบรับอย่างไม่ลังเล……
เขาเพียงต้องการสิทธิ์ผูกขาดจากเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้น……