นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 859 เหตุใดเจ้าจึงบาดเจ็บทุกครั้งที่เจอ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 859 เหตุใดเจ้าจึงบาดเจ็บทุกครั้งที่เจอ
มีผู้หญิงจำนวนมากที่เกลียดเฟิ่งชิงเฉินและผู้หญิงอีกจำนวนมากที่รักเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อเห็นรถบรรทุกสินค้ามากมายถูกส่งไปยังร้านขายยาตระกูลหยุน บ้านใดมีสตรีตั้งครรภ์ล้วนต้องการซื้อให้เป็นของขวัญ ต่างพากันกระตือรือร้น รอให้ตระกูลหยุนเปิดประตู
การใช้ชีวิตในเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่าย เห็นได้ว่าไม่สามารถทำได้หากไม่มีทรัพย์สมบัติเพียงพอ อย่าว่าแต่เงินหนึ่งร้อยตำลึงเลย แม้แต่ราคากล่องละสองร้อยตำลึงก็มีคนมากมายยอมซื้อมัน
อีกทั้งสิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องซื้อทุกวัน เพื่อประโยชน์ของทารกและลูกหลานรุ่นต่อไป พวกเขายอมได้แม้จะต้องเสียเงินมากโข
หยุนเซียวเป็นคนใจร้อน กล่องยามากมายเพียงนั้น เขาบังคับให้บ่าวรับใช้ขนให้หมดก่อนมืด เมื่อเห็นว่ายังเหลืออีกครึ่ง หยุนเซียวจึงบอกคนรับใช้ของเขาว่าอย่าเพิ่งขน “เจ้าเหลือไว้หน่อยเถอะ เผื่อว่าจะนำไปให้ใคร”
“ข้าเก็บไว้แล้ว เจ้าเอามันออกไปได้ทั้งหมด ข้าจดเอาไว้หมดแล้ว ข้าหักเอาไว้ ทุกอย่างข้าได้หักให้เจ้าหนึ่งร้อยกล่อง เผื่อเจ้าเอาไปให้ใคร” มาตรฐานนี้เหมือนกัที่บนางให้ซูเหวินชิง
“ไม่ หากข้าจะเอาให้คนอื่น ข้าจะให้เจ้าออกเงินได้อย่างไร?” หยุนเซียวรีบปฏิเสธ แม้ว่าตระกูลหยุนจะขาดแคลนเงิน แต่พวกเขาก็ยังไม่ขาดเงินสำหรับของปีใหม่เช่นนี้ เพียงแต่หลังจากปีใหม่ไปแล้ว ตระกูลหยุนจะต้องอดอยากชั่วขณะหนึ่ง แต่ด้วยยาป้องกันแท้งบุตรเหล่านี้ หยุนเซียวจึงไม่กังวลเลย
“เอาเถอะ การค้าเป็นเรื่องของกำไร ข้าจะให้เจ้าออกเงินเพียงคนเดียวได้อย่างไร นอกจากนี้ ข้าเป็นคนรับภาระใหญ่ หากหักเงินโดยตรงเช่นี้ไม่ใช่แค่เจ้าคนเดียว ข้าให้ซูเหวินชิงจำนวนเท่ากับเจ้า”
คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินเผยให้เห็นความรู้สึกอันใกล้ชิด ซึ่งหมายความว่านางเห็นหยุนเซียวเป็นเพื่อน ปฏิบัติต่อเขาเหมือนซูเหวินชิง ไม่ได้ลำเอียง สิ่งนี้ทำให้หยุนเซียวมีความสุขมาก เขาตอบรับในทันที
สิ่งสำคัญนั้นไม่ใช่เงิน แต่เป็นความสนิทสนมของเฟิ่งชิงเฉินที่มีให้ บางครั้งมิตรภาพระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ขึ้นอยู่กับเงิน อย่างไรก็ตาม หากตระกูลหยุนมีการค้าที่ทำกำไรได้ในอนาคต เพียงแค่ดึงเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาร่วมหุ้นและให้นางได้รับเงินปันผลกำไรก็ได้
สินค้าทั้งหมดถูกโยกย้ายไป เฟิ่งชิงเฉินให้หยุนเซียวร่วมมื้อค่ำด้วย แต่หยุนเซียวปฏิเสธ เขากำลังจะเตรียมจำหน่ายยาในวันพรุ่งนี้ นี่เป็นก้าวแรกที่ตระกูลหยุนจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ จะต้องไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ฝืน นางเพียงเตือนว่า “อย่าเหนื่อยให้มากไป อย่าลืมว่าปีหน้าต้องผ่าตัด เงินหาได้ไม่มีวันหมด ชีวิตต่างหากเล่าสำคัญที่สุด”
ประโยคตรงไปตรงมาสำหรับการปลอบโยนนี้ แต่มันอบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด หยุนเซียวพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล ข้ารู้ตัวเองดี”
หลังจากที่ยาป้องกันการแท้งบุตรถูกนำออกไปแล้วเฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกโล่งใจ นางได้ทำในสิ่งที่ควรทำและทำได้แล้ว นางมอบส่วนที่เหลือทั้งหมดให้กับหยุนเซียว หากขายยาเหล่านี้หมด อย่างน้อยนางก็จะมีกำไรเกือบเท่าตัว นางจะไม่ขาดแคลนเงินในเวลาอันสั้นนี้ นางจะได้ไม่กังวลแม้จั่วอั้นจะมาเผาเงินอีก
หากต้องการดึงดูดหง ควรสร้างรังก่อน เพียงอาศัยปืนกับร่มชูชีพที่นางทิ้งไว้คงไม่อาจรั้งไว้ได้นาน หากต้องการให้จั่วอั้นอยู่ข้างกายไปนานๆ ก็ต้องให้เขามีความมั่นคง
เฟิ่งชิงเฉินเดินไปรอบๆ จวนเฟิ่ง ในที่สุดก็ได้เลือกบริเวณที่ไกลที่สุดจากห้องผ่าตัดและวางแผนที่จะปรับปรุงตรงนั้นเพื่อสร้างห้องทำงานให้จั่วอั้น
เดิมทีเฟิ่งชิงเฉินต้องการขอความช่วยเหลือจากเสด็จอาเก้า แต่หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็ตัดสินใจที่จะลืมมัน นางเพิ่งพูดไปเมื่อสองวันก่อนว่านางต้องการเป็นอิสระและเข้มแข็ง หากเปลี่ยนคำตอนนี้คงเสียหน้ายิ่งนัก
ขอให้ซูเหวินชิงช่วยก็ไม่ได้ การขอความช่วยเหลือของซูเหวินชิงก็ไม่ต่างอะไรจากการขอความช่วยเหลือจากเสด็จอาเก้า ใช่แล้ว เฟิ่งชิงเฉินตัดสินใจว่าใครก็ตามที่มาหานางในวันพรุ่งนี้เพื่อรับยาป้องกันแท้งบุตร นางจะขอความช่วยเหลือจากผู้นั้น
……
เฟิ่งชิงเฉินขยี้ตาแล้วหาวออกมา นางทำตัวให้ร่าเริงขึ้นแล้วเดินไปที่ห้อง หลังอาหารเย็นก็ได้ถูกพ่อบ้านมาเชิญตัวไป ตามความปรารถนาของพ่อบ้านชราผู้นี้ พวกเขาต้องนำของขวัญที่เตรียมให้วันพรุ่งนี้ออกไปให้พร้อมแล้ว มิฉะนั้นหากรอให้ยาป้องกันแท้งบุตรมีขายเกลื่อน มูลค่าจะลดลงอย่างมาก เมื่อพวกเขาส่งคืนของขวัญนี้ออกไปก็คงจะเสียราคา
เฟิ่งชิงเฉินไม่คัดค้าน ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ การไม่ได้นอนทั้งคืนเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับนาง แต่มันยากสำหรับพ่อบ้านชราที่ต้องทำงานกะค้างคืนกับนางเช่นนี้ เพราะเขาก็อายุมากแล้ว
เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเกรงใจ พ่อบ้านชราจึงแนะนำอย่างตรงไปตรงมาว่า “นายหญิง หากรู้สึกเกรงใจข้าจริง ให้ข้าน้อยได้กลับบ้านก่อนวันส่งท้ายปีเก่า และอยู่บ้านต่ออีกสองสามวันในช่วงตรุษจีนเถิด”
คนรับใช้ทั้งหมดในจวนเฟิ่งได้ลงนามในสัญญามรณะ มีเพียงพ่อบ้านเก่าแก่ผู้นี้เท่านั้นที่ไม่ได้ลงนาม พ่อบ้านผู้นี้เป็นคนงานที่ได้รับการว่าจ้างจากจวนเฟิ่ง ครอบครัวของเขาอยู่ในเมืองหลวง แต่หากไม่ใช่วันหยุดปีใหม่ ก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไรนัก
“หลังจากส่งมอบของขวัญปีใหม่เสร็จแล้ว พ่อบ้านอู๋จงกลับไปก่อนเถิดเพื่อรวมตัวกับครอบครัวของท่าน และกลับมาหลังเทศกาลหยวนเซียวก็ย่อมได้ เรื่องอื่นๆ จงบอกกับทงจือ ทงเหยา ชุนฮุ่ยและชิวฮวาเอาไว้ก็ได้” เฟิ่งชิงเฉินให้วันหยุดอย่างไม่เห็นแก่ตัวรวมกันนับได้กว่า 20 วัน
“ไม่ได้หรอกขอรับ ข้าน้อยจะกลับมาในวันที่สาม” ใบหน้าเหี่ยวย่นของพ่อบ้านชราเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เขากลับไปทุกๆ วันที่ 30 ของปี และกลับมาในวันที่ 1 ตอนบ่าย ผู้ที่เป็นบ่าวแม้จะไม่ได้ขายตนให้กับนาย แต่ถึงอย่างไรก็มิได้อิสระ
“ไม่เป็นไรจริงๆ จงกลับมาหลังจากเทศกาลหยวนเซียวเถอะ จวนเฟิ่งมิได้เป็นเช่นจวนใหญ่ทั้งหลาย ทั้งจวนมีข้าเป็นนายหญิงเพียงผู้เดียว ในจวนมิได้มีสิ่งใดให้ทำมากนัก เจ้าจงกลับไปอยู่กับครอบครัวเถิด แต่ละปีก็มีเพียงช่วงนี้ที่ได้กลับบ้าน”
เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินมอบวันหยุดยาวให้เขาอย่างจริงใจ พ่อบ้านชราก็น้ำตาไหลริน รีบคุกเข่าลงเพื่อขอบคุณนาง แต่ถูกเฟิ่งชิงเฉินเข้ามารั้งไว้
“พ่อบ้านอู๋ ปีนี้เจ้าทำงานหนักมาก เจ้าต้องดูแลจวนเฟิ่งมากมาย ไม่เป็นไรเลยหากจะพักผ่อนสักสองสามวัน คนที่เหลือในจวนล้วนเป็นผู้ไร้บ้าน ให้พวกเขาผลัดกันมาดูแลข้าก็ย่อมได้”
แค่กๆ แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะใจกว้าง แต่นางก็ยังมีเหตุผล นางไม่ได้โบกมือบอกทุกคนว่าให้ไปพักผ่อนได้ นางไม่อยากคิดว่าจวนใหญ่โตเพียงนี้ หากให้นางอยู่คนเดียวโดยไม่มีผู้คุ้มกัน แล้วนางจะใช้ชีวิตอย่างไร แต่ละวันคงยุ่งอยู่กับการเก็บกวาด
“คุณหนูช่างมีน้ำใจยิ่งนัก ท่านจะได้รับพรอันยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน” พ่อบ้านชรารู้สึกตื่นเต้นและซาบซึ้ง
เป็นบุญอย่างแท้จริงหากบ่าวรับใช้ที่ได้พบกับนายที่ดี ดังนั้น…… พ่อบ้านชราจึงทำท่าทางกระฉับกระเฉง เขาแนะนำเฟิ่งชิงเฉินเกี่ยวกับวิธีจัดการตั้งรับมือกับตระกูลใหญ่ทั้งหลายว่าควรทำอย่างไร โดยมิได้ปิดบังแม้แต่น้อย
“จวนหย่งหนิงป๋อมีบุตรชายคนโตคนหนึ่งที่เป็นบุตรของภรรยารอง เขาเป็นที่ชื่นชอบของนายท่านมาก หากตอนมอบของท่านได้มอบแก่บุตรชายเขาผู้นี้ด้วย หย่งหนิงป๋อคงจะดีใจยิ่งนัก”
“ไม่ต้องสนใจจวนหย่งหนิงป๋อมากนัก พวกเขาผู้สืบทอดของราชวงศ์ในอดีต การที่จักรพรรดิพระราชทานตำแหน่งนี้ให้เพียงเพื่อให้พวกเขาจำยอมจำนนและเชื่อฟังตลอดไป พวกเขาไม่ได้มีอำนาตในมือจริง พวกเขาและจะไม่เป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิแน่ ดังนั้นของขวัญที่จะนำไปมอบให้ จงลดลงจากคนอื่นๆ 3 เท่า เพื่อเป็นการเคารพต่อจวนโหวอื่นๆ”
“หรงกุ้ยหนานเจวี๋ยมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับราชวงศ์ ดังนั้นจึงไม่ควรปฏิบัติต่อเขาเหมือนหนานเจวี๋ยธรรมดา อย่าลืมเพิ่มอีกเท่าตัวสำหรับของขวัญ”
“ใต้เท้าหลินเป็นลูกศิษย์ของไท่เป่า เขาได้รับความรักจากไท่เป่ามิน้อย เป็นการดีหากคุณหนูมีความสัมพันธ์กับพวกเขา”
“ใต้เท้าลู่เพิ่งถูกปลดจากตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อโลหิตในปีนี้ แม้ว่าเขาจะยังมีชีวิตเหลืออยู่ แต่จักรพรรดิก็ไม่ไว้วางใจเขาอีกต่อไป เป็นเรื่องปกติที่คุณหนูจะมอบของขวัญให้ แต่จะต้องไม่ทำในขณะนี้ เพราะอาจแสดงชัดเจนว่าต้องการอยู่ข้างเขา ต่อต้านองค์จักรพรรดิ”
……
เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้อาจทำให้ความอดทนของคนเราหมดลง โชคดีที่จิตใจของเฟิ่งชิงเฉินยังคงมุ่งมั่น แม้ว่านางจะจำไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ยังจำมันได้ 70-80 เปอร์เซ็นต์ เท่านี้ก็รู้แล้วว่าควรจัดการเช่นไร
แม้ว่าพ่อบ้านจะนิสัยดีและให้ความร่วมมืออย่างดี แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยังคงยุ่งอยู่จนถึงเที่ยงคืน ภายใต้การแนะนำของบ่าวรับใช้ เฟิ่งชิงเฉินหาวและเดินไปที่จวนของนาง นางกำลังจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ดูเหมือนสวรรค์จงใจแกล้งนางไม่ให้พักผ่อน องครักษ์ลับเดินทางมารายงานว่าคุณชายซูเดินทางมาอยู่ที่ห้องผ่าตัด
คืนนี้อย่าคิดจะได้นอนเลย
ในเวลานี้เขาเดินทางมาหาเฟิ่งชิงเฉินและไปที่ห้องผ่าตัดทันทีที่มาถึง เขาจะทำอะไรได้อีกเล่า เฟิ่งชิงเฉินถือกล่องยาเดินไปที่ห้องผ่าตัดท่ามกลางความมืด
ห้องผ่าตัดในจวนเฟิ่งเป็นสถานที่พิเศษ ในห้องว่างเปล่า เหวินชิงดูไม่ได้กังวลว่าใครจะรู้ ดังนั้นเขาจึงเปิดไฟทันทีที่เขาเข้ามา เฟิ่งชิงเฉินเดินไปทางห้องที่สว่างไสว
ทันทีที่ประตูเปิด กลิ่นเลือดก็โชยมาปะทะใบหน้าของนาง เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้ว นางรู้ว่าการมาหานางในเวลานี้คงไม่ดี แต่สิ่งที่ทำให้นางแปลกก็คือการที่ซูเหวินชิงได้รับบาดเจ็บ
“ชิงเฉิน ในที่สุดเจ้าก็มาสักที เร็ว เร็วเข้า” ซูเหวินชิงได้ยินเสียงมาจากข้างนอก เขารีบออกมาทักทายนางทันที เมื่อเขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินก็ได้โล่งใจทันที ท่าทางกังวลของเขาแตกต่างจากการมีชีวิตชีวาเมื่อตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นว่าซูเหวินชิงสบายดี เฟิ่งชิงเฉินก็รู้ได้ทันทีว่าใครได้รับบาดเจ็บ เมื่อนางเข้าไป นางก็เห็นหลานจิ่วชิง ซึ่งมีแขนซ้ายเปื้อนเลือดยืนอยู่ตรงหน้านาง
เฟิ่งชิงเฉินหยุดชั่วคราวและมองหลานจิ่วชิงด้วยความหงุดหงิด “ทำไมทุกครั้งที่ข้าเจอเจ้า เจ้าจึงได้บาดเจ็บเสมอ เจ้าไม่รู้จักดูแลตนเองบ้างหรืออย่างไร?”
ใบหน้าของหลานจิ่วชิงแดงเล็กน้อย เขาค่อนข้างอึดอัด แต่โชคดีที่มีหน้ากากกั้นเอาไว้ หลานจิ่วชิงเอนกายไปด้านข้าง ให้เห็นภาพด้านหลังเขา
“ครั้งนี้ไม่ใช่ข้าที่มาหาเจ้า แต่เป็นเขา ดูอาการเขาเร็ว ไม่เช่นนั้นเขาคงจะตายแน่แท้”
บนโต๊ะผ่าตัดด้านหลังหลานจิ่วชิง มีชายเสื้อเปื้อนเลือดอยู่ เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเป็นสีอะไร กลิ่นเลือดที่รุนแรงก็โชยออกมาจากตัวเขา
ไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้เฟิ่งชิงเฉินก็รู้ว่าชายคนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส นางไม่มีเวลาคุยกับหลานจิ่วชิงและซูเหวินชิง เฟิ่งชิงเฉินหยิบกล่องยาแล้วรีบเดินไปที่โต๊ะผ่าตัด เมื่อนางเห็นคนที่กำลังผ่าตัด เฟิ่งชิงเฉินก็อุทานออกมาว่า “หวังชี ทำไมจึงเป็นเขา?”
ลูกชายคนที่เจ็ดของตระกูลหวัง หวังจิ่นหาน น้องชายสายตรงของหวังจิ่นหลิง ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์คนนั้น บัดนี้เขานอนนิ่งเฉยเหมือนไร้เรี่ยวแรง หากมองดูดีๆ จะพบว่าแขนขาของเขายังคงบิดเบี้ยวเล็กน้อย
“ข้าพบเขาในคุกลับของตระกูลหวัง สภาพของเขาแย่มาก แขนขาหัก กระดูกสันหลังของเขาถูกแทงด้วย” เมื่อหลานจิ่วชิงกล่าวถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเขาดูหนักอึ้งมาก
หากเฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของหวังจิ่นหานได้ แม้ว่าหวังจิ่นหานจะรอดชีวิตไป เขาก็จะพิการเป็นง่อยที่ ต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดไป ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แน่นอน
เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าหลานจิ่วชิง แต่นางก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเพราะนางเข้าใจดี……