นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 860 ตระกูลหวังมาตามคนกลับ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 860 ตระกูลหวังมาตามคนกลับ
ชายหนุ่มที่เก่งกาจไม่ธรรมดาผู้นั้นกลายเป็นคนพิการในชั่วพริบตา แม้ว่านางจะเคยชินกับการได้เห็นความตายและความพิการทั้งหลาย แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่อาจยอมรับได้ชั่วขณะหนึ่ง
“เป็นเพราะแผนของจิ่นหลิงใช่หรือไม่?”
แม้จะเป็นเพียงคำถาม แต่เฟิ่งชิงเฉินก็มั่นใจได้ หากไม่ใช่เพราะแผนของหวังจิ่นหลิง แล้วหวังจิ่นหานชายหนุ่มที่ไม่สนใจเรื่องของตระกูลจะถูกคุมขังในคุกลับของตระกูลหวังได้อย่างไร ทั้งยังต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้
หวังจิ่นหลิงใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อวางแผนต่อต้านตระกูลหวังก็ยังไม่เท่าไร เพราะถึงอย่างไรนั่นก็เป็นชีวิตของเขา นางไม่มีสิทธิไปข้องเกี่ยว แต่ตอนที่เขาลงมือ เขาไม่คิดถึงคนรอบข้างบ้างหรือ?
ควรต้องรู้ว่าในการต่อสู้เพื่ออำนาจ ผู้คนรอบตัวมักจะถูกสังเวยอยู่เสมอ
“เหตุการณ์นี้เป็นเพียงอุบัติเหตุ หวังจิ่นหลิงส่งคนไปคุ้มครองหวังจิ่นหานแล้ว ทั้งหาเหตุผลกันเขาไว้ห่างๆ บอกเขาว่าอย่าเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลหวางและอย่าได้กลับมา ผลก็คือหวังจิ่นหานได้ยินว่าหวังจิ่นหลิงเกิดเรื่องขึ้น เขาเดินทางกลับมายังตระกูลหวังด้วยความช่วยเหลือของใครบางคน จากนั้นก็ถูกตระกูลหวังจับเข้าคุก บังคับเขาเรื่องตราสัญลักษณ์ของหัวหน้าตระกูลหวัง” ไม่ว่าเขาจะชอบหวังจิ่นหลิงหรือไม่ แต่หลานจิ่วชิงก็ได้อธิบายออกมาให้ฟังอย่างครบถ้วน
เขาไม่ใช่คนใตแคบที่จะใส่ร้ายหวังจิ่นหลิงในเวลานี้
“เหอะๆ คิดว่าจะจัดการเรื่องหวังชีบาดเจ็บได้เพียงเท่านี้งั้นหรือ” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างขุ่นเคือง โชคดีที่นางไม่ได้ขาดสติ แม้ว่านางจะโกรธมาก แต่ท่าทีการเคลื่อนไหวยังเรียบร้อยเป็นระเบียบ นางวางกล่องยาลงเอาวางไว้ข้างๆ เปิดกล่องยา หยิบกรรไกรออกมาแล้วเริ่มตัดเสื้อผ้าบนร่างกายของหวังจิ่นหาน
ฉับ เสียงดังขึ้นในห้องผ่าตัด เมื่อมองไปทางกรรไกรซึ่งเปล่งแสงเย็นวาบ ซูเหวินชิงหดคอลงทำเหมือนเขามิได้อยู่ที่นั่น
หลานจิ่วชิงต้องการอธิบายให้มากกว่านี้ เป็นความจริงที่หวังชีได้รับบาดเจ็บ หลานจิ่วชิงหลับตาลง “เหตุการณ์นี้เกินความคาดหมายของหวังจิ่นหลิง หวังจิ่นหลิงจะโทษตัวเองมากกว่านี้หากเขารู้เรื่อง ไม่มีใครหวังว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น หวังจิ่นหลิงก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน”
หากตนไม่บุกเข้าไปในตระกูลหวังเพื่อขโมยตราสัญลักษณ์ และบังเอิญรู้เข้าว่าหวังจิ่นหานตกอยู่ในเงื้อมมือของตระกูลหวัง คาดว่าชะตากรรมของหวังจิ่นหานจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้
เมื่อเผชิญกับอำนาจ ความสัมพันธ์ญาติมิตรจึงบางเบา หวังจิ่นหานเป็นคนในตระกูลหวังก็จริง แต่เป็นเวลา 7-8 ชั่วอายุคนมาแล้ว หวังจิ่นหานถือเป็นศัตรูในสายตาของพวกเขา ดังนั้นทำไมพวกเขาจึงต้องอ่อนโยนกับศัตรู?
“การต่อสู้ในตระกูลเป็นเรื่องของความสำเร็จหรือความล้มเหลวเท่านั้น หากมีการต่อสู้ก็ต้องมีสูญเสีย ข้ายุ่งมากไปเอง” เฟิ่งชิงเฉินเพียงแค่โกรธ นางไม่ได้ขาดสติเพราะเหตุนี้ นางไม่มีสถานะใดที่จะโกรธหรือข้องเกี่ยวกับตระกูลหวัง นางเป็นแค่หมอ คนหนึ่ง นางเป็นคนนอก นางโกรธไปก็ไร้ประโยชน์
จากนั้นนางจึงตัดเสื้อของหวังจิ่นหานออก เผยให้เห็นผิวหนังเปื้อนเลือดด้านใน เมื่อมองไปยังแส้ รอยไหม้และบาดแผลทุ่฿กขูดด้วยหวีเหล็ก เฟิ่งชิงเฉินก็ตกตะลึง
อาการบาดเจ็บเหล่านี้คล้ายกับการลงโทษขององครักษ์เสื้อโลหิตจริงๆ ตระกูลหวังใช้เครื่องมือทรมานที่โหดร้ายเพื่อจัดการกับคนในตระกูลของพวกเขาเองหรือนี่
เอาละ ช่างเถอะ นางจะไปโกรธกับเรื่องไร้ประโยชน์เช่นนี้ทำไม นางไม่ใช่ทูตแห่งความยุติธรรม นางไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลหวังได้ นางไม่สามารถแทรกแซงเรื่องราวระหว่างพี่น้อง ไม่แน่ว่าหวังจิ่นหานอาจไม่โทษหวังจิ่นหลิงแม้แต่น้อย นางจะไปเป็นคนทำลายพวกเขาไม่ได้
นอกจากนี้ การช่วยชีวิตผู้คนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตอนนี้ สิ่งที่นางต้องทำคือรักษาอาการบาดเจ็บของหวังจิ่นหานส่วนที่เหลือนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง เฟิ่งชิงเฉินหยุดสิ่งที่กำลังทำในมืแล้วเงยหน้าขึ้น กล่าวกับหลานจิ่วชิงและซูเหวินชิงว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน จิ่วชิง เจ้ามีอาการบาดเจ็บจำเป็นต้องพันแผล อาการบาดเจ็บของหวังชีไม่อาจรักษาให้หายได้วันสองวัน พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเฝ้าอยู่ที่นี่ มีอะไรก็จงไปทำ”
“อืม หากเจ้ามีอะไรก็จงไปหาข้าที่จวนซู” หลานจิ่วชิงมองไปทางเฟิ่งชิงเฉินอย่างลึกซึ้ง ดวงตาสีดำของเขาแสดงความชื่นชม
เมื่อเผชิญหน้ากับการแย่งชิงอำนาจ สิ่งที่เรียกว่าความเมตตา กรุณา ยุติธรรมและความสูงส่งล้วนไร้ประโยชน์ ไม่มีถูกหรือผิดในการแย่งชิงอำนาจ มีแต่ชีวิตและความตาย เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว นาช่างใจเย็นและมีเหตุผล
เมื่อเห็นใบหน้าอัรไร้อารมณ์ของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ซูเหวินชิงก็ขจัดอารมณ์ด้านลบของตนได้ในทันที ไม่รู้ว่าจะยกย่องนางที่ใจกว้าง หรือดูถูกนางว่าเลือดเย็นไร้ความปรานีดี
ก่อนหน้านี้นางยังเห็นอกเห็นใจหวังจิ่นหานอยู่เลย แต่วินาทีต่อมานางก็มีท่าทีเหมือนกำลังทำงานอยู่ สตรีนางนี้เปลี่ยนแปลงท่าทางได้ง่ายเหลือเกิน
“จิ่วชิง ข้าเห็นใจเจ้าเสียจริงที่ต้องมาพบกับสตรีเช่นนี้” ซูเหวินชิงตบไหล่หลานจิ่วชิงแล้วเดินไปที่ห้องโถงใหญ่
หลานจิ่วชิงสามารถออกไปได้ แต่เขาทำไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะยุ่งอยู่อีกนานแค่ไหน เขาต้องช่วยดูจวนเฟิ่งแห่งนี้ไว้ คุณชายตระกูลหวังหายตัวไปถึงสองคนพร้อมกัน ตระกูลหวังคงไม่นิ่งเฉยแน่
หลานจิ่วชิงไม่สนใจซูเหวินชิง เขามองเข้าไปในห้องไม้เล็กๆ ก่อนจะจากไป……
หลังจากที่หลานจิ่วชิงและซูเหวินชิงจากไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ตัดเสื้อผ้าอันสกปรกและขาดวิ่นทั้งหมดออกจากร่างกายของหวังจิ่นหาน จากนั้นเปิดใช้งานกระเป๋าแพทย์อัจฉริยะเพื่อตรวจสอบร่างกายของหวังจิ่นหาน
หวังจิ่นหานมีกระดูกหักหลายจุดทั่วร่างกาย กระดูกของเขาถูกเจาะ เนื้อเยื่ออ่อนของเขาได้รับความเสียหายหลายแห่ง เขาขาดน้ำอย่างรุนแรง มีไข้สูงอย่างต่อเนื่องและบาดแผลก็อักเสบเน่าเปื่อย
สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือตับของเขาได้รับบาดเจ็บจากของมีคม ตับแตกมีเลือดออก จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน
เรียกได้ว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่หวังจิ่นหานรอดชีวิตมาได้ เนื่องจากหวังจิ่นหานไม่ยอมแพ้ในตัวเอง ดังนั้นนางเฟิ่งชิงเฉินก็จะไม่ยอมแพ้ต่อหวังจิ่นหานเช่นกัน
นางได้ถ่ายเลือด ให้น้ำเกลือเสริมธาตุต่างๆ ทำให้ร่างกายเย็นลง ฆ่าเชื้อ ก่อนอื่นต้องแน่ใจว่าหวังจิ่นหานสามารถรอดชีวิตได้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถรักษาบาดแผลต่อไปได้ วิธีของเฟิ่งชิงเฉินนั้นง่ายมาก ช่วยชีวิตเอาไว้ก่อนแล้วจึงรักษาบาดแผล รักษาบาดแผลภายในก่อนแล้วจึงรักษาบาดแผลภายนอก
อาการบาดเจ็บที่ตับไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เฟิ่งชิงเฉินต้องการผ่าตัดทันที นางเปิดไฟในห้อง เปิดใช้งานชุดการแพทย์อัจฉริยะ ถ่ายภาพตับของหวังจิ่นหาน ระบุตำแหน่งของเลือดที่ออก และจับมีดแน่น
ด้วยความเป็นห่วงว่าหวังจิ่นหานจะตายเพราะอาการช็อกเนื่องจากขาดเลือด เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่กล้ารอช้า เฟิ่งชิงเฉินสูดหายใจเข้าลึก ๆ มือจับมีดผ่าตัดแล้วผ่าตับของหวังจิ่นหาน
เฟิ่งชิงเฉินคุ้นเคยกับการทำการผ่าตัดทั้งหมดคนเดียวแล้ว แม้ว่าการผ่าตัดนี้จะต้องใช้ความพยายามมากกว่าก่อน ๆ แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ตื่นตระหนก นางพบตับส่วนที่แตกและซับเลือดออก ทำการรักษาบาดแผลอย่างดี……
เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองไปที่บาดแผลเปื้อนเลือดโดยไม่กะพริบตา ดวงตาของนางแดงเรื่อเหมือนกระต่าย แต่นางไม่กล้ากะพริบตาจริงๆ ด้วยกลัวว่าแหนบในมือจะไปสัมผัสบริเวณที่ไม่ควรสัมผัส
อาการบาดเจ็บของหวังจิ่นหานนั้นร้ายแรงและยากที่จะรักษา เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีกว่าใคร แม้แต่ซูเหวินชิงซึ่งเป็นคนธรรมดาก็เข้าใจเช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่เขายังอยู่ในจวนเฟิ่งและคอยรักษาการณ์แทน
อย่าว่าแต่ทั้งคืนเลย ต่อให้เป็นหนึ่งวันหนึ่งคืนเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรักษาหวังจิ่นหานได้ แม้ว่าทุกคนในจวนเฟิ่งจะรู้ว่าไม่มีใครสามารถรบกวนเฟิ่งชิงเฉินตอนอยู่ในห้องผ่าตัดได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะให้ความร่วมมือเช่นนี้
เมื่อรุ่งสาง ชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นลุงคนที่สิบเจ็ดของหวังจิ่นหลิงได้พาบุตรหลานรุ่นราวคราวเดียวกับหวังจิ่นหลิงและคนรับใช้กลุ่มหนึ่งมาที่จวนเฟิ่ง
ตระกูลหวังยังพอจะมีความสุภาพอยู่บ้าง แม้ว่าพวกเขาจะพาคนมามากมาย แต่พวกเขาก็ประพฤติตนอย่างสุภาพตามมารยาท พวกเขามอบหนังสือขอเข้าพบพร้อมบอกว่าพวกเขาต้องการพบเฟิ่งชิงเฉิน ขอบคุณเฟิ่งชิงเฉินที่ดูแลคุณชายใหญ่ของพวกเขา หลายวันมานี้รบกวนจวนเฟิ่งมากไปแล้ว พวกเขาจะมาพาตัวกลับไป
คำพูดนั้นช่างจริงใจและสุภาพ แต่เมื่อซูเหวินชิงได้ยินจากปากของพ่อบ้าน แสงเย็นวาบในดวงตาของเขาก็ปรากฏขึ้น……
หวังจิ่นหลิงหายตัวไปหลายวัน และตระกูลวังไม่มีสิ่งใดตอบสนองเลย ทันทีที่หวังจิ่นหานได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา ตระกูลหวังกลับเดินทางมาขอตัวกลับคืนไป หากบอกว่าตระกูลหวังไม่มีความคิด ตีให้ตายซูเหวินชิงก็ไม่เชื่อ วันนั้นที่คนรับใช้ของหวังจิ่นหลิงเดินทางมาจวนเฟิ่ง เขารู้เรื่องราวต่าง ๆ มากทีเดียว
ตระกูลหวังเดินทางมาถึงหน้าประตูในเวลานี้ อาจกังวลว่าหวังจิ่นหลิงยังไม่ตาย และรีบวิ่งมาดูด้วยตนเองเพื่อให้แน่ใจ……