นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 863 องครักษ์เสื้อโลหิตลงมือ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 863 องครักษ์เสื้อโลหิตลงมือ
หวังจิ่นหลิงยังไม่ตายจริงหรือ?
ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ ลุง 17 ของหวังจิ่นหลิงรีบส่ายหน้า ทิ้งความเป็นไปได้นี้ไปได้เลย พิษที่พวกเขาใส่ไปไม่มีทางรักษาได้ หวังจิ่นหลิงต้องตายเท่านั้น
หวังจิ่นหลิงยังคงอยู่ที่จวนเฟิ่งอย่างแน่นอน เนื่องจากหวังจิ่นหลิงเดินทางมาจวนเฟิ่งในวันนั้น พวกเขาได้ส่งคนไปจับตาดูจวนเฟิ่งเอาไว้แล้ว
ตระกูลหวังเชื่อว่าหวังจิ่นหลิงอยู่ในจวนเฟิ่ง ตงหลิงจื่อลั่วก็มั่นใจได้ว่าหวังจิ่นหลิงอยู่ในจวนเฟิ่ง คนจากเขาที่อยูนอกจวนเฟิ่งบอกว่าหวังจิ่นหลิงไม่ได้ออกจากจวนเฟิ่ง
เนื่องจากคนในห้องนั้นคือหวังชี ดังนั้นหวังจิ่นหลิงจึงน่าจะอยู่ที่อื่น ตงหลิงจื่อลั่วยิ้มแล้วโบกมือให้พ่อบ้านลุกขึ้น
พ่อบ้านแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วลุกขึ้นจากพื้นด้วยอาการสั่นเทา เขายังไม่ทันได้ขอบคุณก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น พ่อบ้านชราเงยหน้ามองเห็นสีแดงเต็มไปทั่ว เขาทรุดลงสู่พื้นทันที
องครักษ์เสื้อโลหิตเดินทางมาแล้ว!
ลั่วอ๋องส่งองครักษ์เอโลหิตมาที่จวนเฟิ่ง
ตายๆ ตายแน่ๆ จวนเฟิ่งครานี้พบปัญหาแล้ว!
แม้จะล้างเลือดออกแล้ว แต่องครักษ์เสื้อโลหิตที่สวมชุดเครื่องแบบก็ยังคงเหมือนกับเสือร้ายในสายตาของชาวตงหลิง การได้เห็นผู้พิทักษ์ที่สวมเสื้อโลหิตนั้นเหมือนกับการได้เห็นยมทูตมาเรียกร้องเอาชีวิต ดังนั้นลั่วอ๋องผู้ดูแลหน่วยองครักษ์จึงเสมือนกับมัฉจุราช
ตงหลิงจื่อลั่วพึงพอใจกับการวางอำนาจขององครักษ์เสื้อโลหิตมาก นอกจากผู้คุ้มกันจากจวนเซียวชินอ๋องแล้ว ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนตกใจกลัวองครักษ์เสื้อโลหิต พวกเขายืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
“คารวะนายท่าน” พากันคุกเข่าลงต่อหน้าตงหลิงจื่อลั่วพร้อมเพรียงกัน พวกเขาทั้งหลายไม่สนใจโจวอ๋องและหย่งอ๋อง และองครักษ์เสื้อโลหิตก็ไม่ได้เรียกตงหลิงจื่อลั่วว่าท่านอ๋อง
แม้ว่าโจวอ๋องและหย่งอ๋องจะไม่พอใจนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรมากความ พวกเขาทำได้เพียงยืนอย่างสงบเป็นตัวประกอบให้แก่ตงหลิงจื่อลั่ว
องครักษ์เสื้อโลหิตเป็นองค์กรอิสระในตงหลิง โดยมีคลังส่วนตัวของจักรพรรดิเป็นผู้รับผิดชอบด้านการเงิน องครักษ์เสื้อโลหิตรับผิดชอบคุ้มกันจักรพรรดิเท่านั้นโดยไม่สนใจคนอื่นๆ มีเพียงเท่านี้จึงจะสามารถรับประกันอำนาจความสำคัญขององครักษ์เสื้อโลหิตได้
ก่อนหน้านี้ตอนที่ลู่เส้าหลินอยู่ องครักษ์เสื้อโลหิตยังรับใช้คนอื่นบ้าง แต่หลังจากตงหลิงจื่อลั่วเข้ามาแทนที่ องครักษ์เสื้อโลหิตก็ไม่สามารถดูแลใครอื่นได้นอกจากองค์จักรพรรดิและตงหลิงจื่อลั่ว
ในมือของตงหลิงจื่อลั่ว องครักษ์เสื้อโลหิตเสมือนสัตว์ร้ายที่แสนดุร้ายในมือของจักรพรรดิ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิจะชี้ไปทางใด องครักษ์เสื้อโลหิตก็พร้อมพุ่งเข้าใส่ นี่คือสิ่งที่จักรพรรดิต้องการ ตงหลิงจื่อลั่วพึงพอใจเป็นที่สุด
องครักษ์เสื้อโลหิตอยู่ในมือตงหลิงจื่อลั่วไม่ได้มีขั้นตอนที่ซับซ้อน สิทธิ์ทั้งหมดอยู่ในมือของตงหลิงจื่อลั่วโบกมือให้องครักษ์เสื้อโลหิต “จงประกาศคำสั่งของข้า ค้นจวนเฟิ่ง สืบหาตัวคุณชายใหญ่ตระกูลหวังให้ได้”
“ขอรับ”
คำสั่งทางทหารหนักแน่นดั่งภูเขา องครักษ์เสื้อโลหิตเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกเขาจำนวนหนึ่งร้อยคนถูกแบ่งออกเป็นสิบกลุ่ม จากนั้นกระจายไปทั่วจวนเฟิ่ง
องครักษ์เสื้อโลหิตมีความเกลียดชังต่อจวนเฟิ่งอย่างยากจะลืม พวกเขายังจำได้ว่าจวนเฟิ่งเคยมอบความอัปยศให้กับ องครักษ์เสื้อโลหิตอย่างน่าอับอาย ตอนนี้พวกเขาสามารถจัดการกับจวนเฟิ่งได้อย่างเปิดเผย พวกเขาจะปล่อยโอกาสดีๆ เช่นนี้ไปได้อย่างไร
“โครม คราม”
มีเสียงทุบตีพร้อมกับเสียงร้องของคนรับใช้ดังขึ้น เสียงเครื่องลายครามและของตกแต่งต่างๆ แตกกระจาย จวนเฟิ่งตกอยู่ในความโกลาหล
องครักษ์เสื้อโลหิตไม่มีกฎหมายใดบังคับใช้ ดังนั้นพวกเขาอยากค้นหาตรงไหนก็ทำได้ตามอำเภอใจ ไม่ต่างอะไรกับโจรเลย พวกเขาทำลายแม้กระทั่งกำแพง
“ไม่ อย่า อย่าทุบ!”
“พวกเจ้ามาตามหาคนไม่ใช่หรือ ในกล่องเพียงนี้จะใส่คนได้อย่างไร”
“นายท่าน ได้โปรด ได้โปรดอย่าทุบ”
“เข้าไปไม่ได้ เข้าไปไม่ได้นะ นี่คือห้องคุณหนูเรา พวกเจ้าเข้าไปไม่ได้” ทงจือและทงเหยาร้องตะโกน พยายามที่จะหยุดองครักษ์เสื้อโลหิต แต่พวกนางจะไปสู้องครักษ์เสื้อโลหิตได้อย่างไร
“ไปให้พ้น” องครักษ์เสื้อโลหิตทุบตีทงจือด้วยด้ามดาบ โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงสตรีอ่อนแอคนหนึ่ง จนร่างของทงจือเต็มไปด้วยเลือด
ทงจือทนไม่ได้อีกต่อไป นางล้มลงเอนไปทางร่างของทงเหยา บ่าวรับใช้ของจวนเฟิ่งจะทำอะไรบางอย่าง แต่ซูเหวินชิงหยุดพวกเขาเอาไว้ “อย่าลงมือ ให้พวกเขาทำไป หากเราเข้าไปยุ่งเท่ากับการคัดค้าน หมายความว่าคัดค้านต่อราชวงศ์ด้วยเช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราที่ผิด”
หากตงหลิงจื่อลั่วต้องการใช้ประโยชน์จากตระกูลหวังมาระบายความแค้น ก็ปล่อยให้เขาทำไปเถิด ก็เพียงแค่เรื่องของเงินทองนอกกาย สิ่งของมีค่าในจวนเฟิ่งถูกไฟเผาไปแล้วก่อนหน้า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีค่าอะไร
แม้พวกเขาไม่มีอำนาจ แต่ก็ไม่ขาดแคลนเงิน
ซูเหวินชิงก็เกลียดพวกเขามาก แต่เขารู้ดีไม่ว่าพวกเขาจะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สามารถหยุดฝีเท้าขององครักษ์เสื้อโลหิตได้
ฮือๆ คนรับใช้ของจวนเฟิ่งรู้ว่าซูเหวินชิงทำไปเพื่อประโยชน์ของจวนเฟิ่ง และเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง ดังนั้นพวกเขาจึงถอยกลับไปอย่างเงียบ ๆ ได้แต่เฝ้าดูอย่างหมดหนทาง มองดูองครักษ์เสื้อโลหิตทำลายจวนเฟิ่งอันงดงามจนพังยับเยินไปทุกแห่งหน แม้แต่บ้านไม้หลังนั้นก็ไม่เว้น
องครักษ์ลับที่ซ่อนอยู่ไม่กล้าขยับเขยื้อน หน้าที่ของพวกเขาคือปกป้องความปลอดภัยของเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย พวกเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ตามต้องการ เพราะเมื่อเปิดเผยตัวตนแล้ว พวกเขาก็ด้อยค่า
องครักษ์เสื้อโลหิตได้รับคำสั่งให้ทำงาน พวกเขาทำลายสิ่งของรอบกายอย่างเมามัน ไม่เพียงแค่ห้องของเฟิ่งชิงเฉิน แม้แต่คลังก็ไม่เว้น พ่อบ้านรู้สึกโชคดียิ่งนักที่วันนี้เขาให้คนนำของขวัญปีใหม่ไปส่วมอบแต่เช้า มิเช่นนั้นจวนเฟิ่งคงขายหน้ามาก
แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการลดการสูญเสียเท่านั้น ของขวัญที่จวนอื่นส่งมอบมาให้ และยาป้องกันแท้งบุตรล้วนถูกองครักษ์เสื้อโลหิตทุบทิ้งจนหมด ของเหลวสีน้ำตาลไหลนองทั่วพื้น คนจากจวนเฟิ่งกอดกันกลมน้ำตานองหน้า
หากนายได้รับเกียรติ บ่าวรับใช้ก็ดีตาม แต่หากนายตกต่ำ บ่าวก็ย่ำแย่ไปด้วย หากไม่ใช่เพราะซูเหวินชิงเข้ามาห้ามเอาไว้ บรรดาบ่าวรับใช้ก็คงจะพุ่งเข้าไปต่อสู้กับองครักษ์เสื้อโลหิตแล้ว
พวกเขายังคงอดทนต่อไป แต่องครักษ์เสื้อโลหิตก็ทำเกินขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากทุบไปทั่วจวน พวกเขาไม่พบแม้แต่เงาของหวังจิ่นหลิง ในที่สุดคนเหล่านี้ก็จับจ้องไปทางห้องโถงบรรพบุรุษของจวนเฟิ่ง
“ไม่ ไม่ พวกเจ้าเข้าไปไม่ได้ เข้าไปไม่ได้นะ” ด้วยความโกรธและความอัปยศอดสูของบ่าวรับใช้ในจวนเฟิ่งที่เก็บเอาไว้ระเบิดออกมา พวกเขาทุบทำลายจวนเฟิ่งยังไม่เท่าไร แต่บัดนี้ยังคิดจะเข้าไปในห้องโถงบรรพบุรุษอีก จะให้พวกเขาเหยียดหยามเช่นนี้มิได้
โดยไม่ต้องมีคำสั่งจากใคร บ่าวรับใช้ทั้งหมดของจวนเฟิ่งก็ยืนขวางทางเข้าห้องโถงบรรพบุรุษ เผชิญหน้ากับองครักษ์เสื้อโลหิต พวกเขาหวาดกลัว แต่พวกเขาไม่สามารถถอยหนีได้
“ไสหัวไป” องครักษ์เสื้อโลหิตเดินออกอย่างเย่อหยิ่ง ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำไม่อาจปกปิดความดุร้ายของพวกเขาได้เลย
บ่าวรับใช้ของจวนเฟิ่งทั้งหลายกลืนน้ำลายลงระงับความกลัวในใจของพวกเขา ทงเหยา ชุนฮุ่ย ชิวฮั่ว เซี่ยหว่าน ตงชิงและทงจือที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดยืนอยู่ด้านหน้า พวกเขากำมือแน่น ใบหน้ามีน้ำตานองแต่พร้อมเผชิญกับองครักษ์เสื้อโลหิตที่แสนดุร้าย
“เราจะไม่เฝ้าดูโถงบรรพชนของจวนเฟิ่งถูกทำลายเฉยๆ แน่ หากพวกเจ้าจะทำลายต้องข้ามศพของเราไปก่อน พวกเราทุกคนพร้อมจะตายไปกับสถานที่แห่งนี้ แต่เราจะสู้จนสุดใจ”
“พวกเขาสู้ไม่ถอย สู้ไม่ถอย”
“สู้ไม่ถอยงั้นหรือ? พวกเจ้ากำลังมองหาความตายกันอยู่หรือไร? เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้างั้นหรือ หากพวกเจ้าไม่หลบไปก็เตรียมตัวตายเสีย!” องครักษ์เสื้อโลหิตกลอกตามองพวกเขาแล้วชักดาบออกมา……