นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 885 ดูละคร นองเลือดวันข้ามปี
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 885 ดูละคร นองเลือดวันข้ามปี
ไม่ต้องพูดถึงหากเป็นคนอื่น แม้แต่เสด็จอาเก้า ตี๋ตงหมิงก็โกรธมากที่เขาต้องไปทำงานในวันส่งท้ายปีเก่า ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอย่างแน่นอน
ตี๋ตงหมิงใบหน้ามืดมนเหมือนมัฉจุราช หลังจากที่เขานำกองทหารเข้ามา เขาก็ไม่แม้แต่จะมองไปทางเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน เขาชี้ไปยังหน่วยกล้าตายและทหารยามที่กำลังต่อสู้ ก่อนจะออกคำสั่งอย่างเลือดเย็น “ผู้ใดตั้งใจจะสังหารเสด็จอาเก้า จงจัดการพวกมันทั้งหมด ส่วนพวกที่คัดค้าน จะถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานี!”
“รับทราบ!” ทหารที่นำโดยตี๋ตงหมิงนั้นไม่ใช่ทหารหน้าใหม่ที่ใช้ในการลาดตระเวนเมืองในระหว่างวัน แต่เป็นทหารผ่านศึกที่เคยอยู่ในสนามรบจริง ๆ ทหารผ่านศึกเหล่านี้รู้วิธีการเผชิญหน้ากับหน่วยกล้าตายของตระกูลหวัง ข้อได้เปรียบคือคนจำนวนมาก พวกเขารวมตัวกันเป็นวงกลม จับมือกับผู้คุ้มกันจวนเฟิ่งและเสด็จอาเก้า โจมตีจากรอบด้าน ค่อยๆ ทรมานอีกฝ่าย
ทหารผ่านศึกเหล่านี้ไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ แต่ทุกครั้งที่ใช้ดาบฟาดฟันช่างเป็นกระบวนท่าสังหารอย่างแท้จริง แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถปราบหน่วยกล้าตายได้ในเวลาอันสั้น แต่ก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้เสียเปรียบมิน้อย วงล้อมการต่อสู้เล็กลงเรื่อย ๆ หน่วยกล้าตายถูกล้อมรอบอยู่ตรงกลาง เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าความพ่ายแพ้ของหน่วยกล้าตายเป็นเรื่องของเวลาไม่ช้าก็เร็ว
เฟิ่งชิงเฉินปล่อยมือที่ถือปืนไว้ ตอนนี้นางมีเวลาว่างไปหาตี๋ตงหมิง นงต้องการทักทาย แต่……
บัดนี้ตี๋ตงหมิงใบหน้ามืดมนยืนอยู่นอกวงล้อม เขาออกคำสั่งต่อทหารทั้งหลายอย่างกล้าหาญเคร่งขรึม หากผู้อื่นเห็นพวกเขา จะต้องยกย่องเขาสำหรับความกล้าหาญ แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับอยากหัวเราะ
นึกภาพออกหรือไม่ หากตี๋ตงหมิงที่ชอบกระโดดโลดเต้นกลายมาเป็นเช่นเสด็จอาเก้า ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กสวมชุดผู้ใหญ่ซึ่งดูมีความสุขมาก
เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปยังพื้นดินขรุขระซึ่งตี๋ตงหมิงยืนอยู่ นางฝืนยิ้มขึ้นว่า “ท่านซื่อจื่อ ท่านเป็นศัตรูกับพื้นดินในจวนของข้าหรือ?”
“เฟิ่งชิงเฉิน ข้ากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ เจ้าอย่ามาขัดขวางข้า” ตี๋ตงหมิงกล่าวอย่างเคร่งขรึมด้วยน้ำเสียงห้วนๆ เต็มไปด้วยอำนาจอย่างเป็นทางการ
เฟิ่งชิงเฉินไว้หน้าเขา นางซ่อนรอยยิ้มของตนลงแล้วพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
“เหอะๆ……” ตี๋ตงหมิงหันศีรษะไปทางอื่นด้วยความโกรธ แน่นอนว่าเขาจะไม่ลืมมองไปทางเฟิ่งชิงเฉิน
เข้าใจอะไรกัน ไม่เห็นหรือว่าเขาไม่พอใจ จะพูดเอาใจเขาหน่อยไม่ได้หรือ
ให้ตายเถอะ วันส่งท้ายปีเก่ายังไม่สามารถพักผ่อนได้ ในตอนแรกเขามีความสุขที่ไม่ต้องเข้าวังเพื่อไปงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่านี้ แต่เขาไม่อยากได้รับ คำสั่งด่วนจากเสด็จอาเก้า ให้เขานำกองทหารไปลาดตระเวนรอบ ๆ จวนเฟิ่งเพื่อเข้าควบคุมหากมีเรื่องฉุกเฉิน
เรื่องฉุกเฉินอะไรกัน เสด็จอาเก้า เจ้าเพียงต้องการให้ทุกอย่างราบรื่นไร้ข้อสะดุด เหตุใดข้าต้องมาที่นี่ในวันส่งท้ายปีเก่าด้วย! ทั้งพาผู้คนไปตรวจตราตามท้องถนน ในขณะที่เจ้ามีอยู่กับหญิงงาม แต่ข้าทำได้เพียงเผชิญหน้าถูกลมหนาวพัดโชย โลกนี้ยังมีความยุติธรรมหรือไม่?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ตี๋ตงหมิงก็หันกลับมาอีกครั้ง มองเสด็จอาเก้าอย่างแข็งขัน เสด็จอาเก้าเจ้าเก่งเหลือเกิน ทำให้เขาไม่ได้หยุดงานแม้ในวันข้ามปี
ฮ่าๆ……ท่าทางงุ่มง่ามของตี๋ตงหมิงนั้นดูตลกยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ตี๋ตงหมิงแทบกระโดดเข้ามาด้วยความโมโห “เจ้าหัวเราะอะไรกัน! หากเจ้ายังหัวเราะอีก ข้าจะจับเจ้า ข้อหาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่”
“ไม่ขำ ข้าไม่ขำก็ได้ ซื่อจื่อ ยกโทษให้ข้าด้วย ซื่อจื่อเป็นผู้สูงส่งจิตใจดี เรื่องเพียงแค่นี้อย่าสนใจข้าเลย” เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะ ต้องการที่จะก้าวไปเกลี้ยกล่อมตี๋ตงหมิงว่าอย่าโกรธ แต่เสด็จอาเก้าเข้ามาห้ามขา “อย่ายุ่งกับงานของตี๋ซื่อจื่อ ที่นี่นองเลือดเกินไป ไม่เหมาะกับสตรีอย่างเจ้า แค่มีตี๋ซื่อจื่อก็พอแล้ว”
เมื่อกล่าวจบ เขาไม่รอให้ตี๋ตงหมิงตอบสนอง กลับจับมือเฟิ่งชิงเฉินแล้วเดินออกไปทันที เมื่อตี๋ตงหมิงได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง เขาเห็นเพียงด้านหลังของเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินเดินจากไป ตี๋ตงหมิงโกรธจนกระทืบเท้าปึง…..
“เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว ทำไมเล่า ทำไมกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของตระกูลเฟิ่งแท้ๆ แต่พวกเจ้ากลับเดินทางจากไป ปล่อยให้ข้าจัดการตามลำพัง”
ฮือๆ ……ตี๋ตงหมิงต้องทนทุกข์ทรมาน เขาร้องไห้อย่างไร้น้ำตา ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างมองตี๋ตงหมิงด้วยความเห็นอกเห็นใจแล้วก้มศีรษะลงอย่างเงียบ ๆ
ซื่อจื่อ ไม่มีประโยชน์ที่จะหงุดหงิดเช่นนี้อีกต่อไป เมื่อพบเข้ากับเสด็จอาเก้า เจ้าควรจะยอมรับชะตากรรมของตนอย่างว่าง่าย
ทุกคนจากไปแล้ว ตี๋ตงหมิงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับชะตากรรมของจน แต่เขาโกรธมาก โกรธจริงๆ ใครจะรู้ว่าจะต้องมารับงานหน้าที่ลำบากใจนี้ตอนตรุษจีน แต่ผู้บังคับบัญชาที่ออกคำสั่งกลับจากไปหน้าตาเฉย ตี๋ตงหมิงโกรธมากจนไม่รู้จะระบายความโกรธอย่างไรดี เมื่อได้ยินเสียงการต่อสู้เขาก็ยิ่งโกรธ เขาชี้ไปที่หน่วยกล้าตายแล้วสั่งอย่างโมโหว่า “ฆ่าพวกมัน อย่าปล่อยไป ฆ่าพวกมันให้หมดอย่าเหลือใครรอด”
“รับทราบ” การเชื่อฟังคำสั่งเป็นหน้าที่ของทหาร แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจในคำสั่งของตี๋ตงหมิง แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธ
อย่างที่เสด็จอาเก้ากล่าวไว้ ฉากต่อไปนี้นองเลือดมาก ไม่ว่าจะเป็นหน่วยกล้าตายหรือองครักษ์และทหาร ล้วนไม่ต้องมีความเมตตา การต่อสู้ครั้งนี้ ต้องตายกันไปข้าง
เสด็จอาเก้าพาเฟิ่งชิงเฉินไปที่รถม้า คนขับรถม้ายกแส้ขึ้นบังคับโดยไม่ต้องรอคำสั่ง รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในยามค่ำคืน เสด็จอาเก้านั่งในรถเหยียดขาออก กินพื้นที่สองในสามของรถม้า จากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณให้เฟิ่งชิงเฉินนอนลงบนตักของเขา
มีที่นั่งไม่มากนักในรถม้า เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากนั่งลำบาก นางจึงนอนลงบนตักของเสด็จอาเก้าอย่างอ่อนโยน เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ใช่นางที่ขาชา
“เจ้าจะพาข้าไปไหน?” เฟิ่งชิงเฉินถามอย่างเกียจคร้าน วันนี้นางเหนื่อยเล็กน้อยหลังจากยุ่งวุ่นวายมาทั้งวัน ในไม่ช้านางก็ดูง่วง เพื่อแสดงให้เห็นว่านางยังไม่หลับ เฟิ่งชิงเฉินจึงเบี่ยงเบนความสนใจของเขา
เสด็จอาเก้าเหมือนกำลังเกลี้ยกล่อมเด็กๆ เขาลูบหลังเฟิ่งชิงเฉินเบาๆ “เจ้าถามเอาป่านนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”
“แม้นสายเกินไปข้าก็ต้องถาม เจ้าจะพาข้าไปไหน”
“พาเจ้าไปดูละคร” เสด็จอาเก้าตัดสินใจขึ้นชั่วคราว เพื่อช่วยเฟิ่งชิงเฉินให้ออกจากการอยู่ในจวนเฟิ่งนองเลือด
เป็นเป็นเวลาปกติธรรมดายังไม่เท่าไร แต่การเห็นเลือดในช่วงตรุษจีนเป็นเรื่องไม่ดีแน่ ในเวลานี้ลุงเสด็จอาเก้าคิดแต่เรื่องเฟิ่งชิงเฉิน เขาไม่สนใจคนอื่นเลย
“ไปดูละครอยู่หรือ ละครของใคร องค์หญิงเหยาหวา?” จิ่นสิงบอกว่าวันนี้เขาจะทำให้องค์หญิงเหยาฮวาต้องขายหน้า น่าเสียดายที่ข้าไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าวัง ไม่อย่างนั้นคงสนุกน่าดู” เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกเสียดาย
ชีวิตคนเรา ช่างโดดเดี่ยวเหมือนหิมะเสียจริง แต่ท้ายที่สุดก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้นางมีความสุขได้ แต่นางกลับมองไม่เห็นด้วยตาตัวเอง น่าเสียดายเหลือเกิน
“เจ้าอยากเห็นความอับอายของเหยาหวา?” เสด็จอาเก้าไม่ค่อยเชื่อนัก เพราะเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องคนอื่น หากนางต้องการเข้าวัง เพียงกล่าวออกมาก็พอ
“ข้าเบื่อ และไม่รังเกียจที่จะดู ข้ามีความสุขเมื่อเห็นเหยาหวาอับอาย” เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยซ่อนความร้ายในใจของนาง นางคือคนที่ต้องเอาคืนทุกความคับข้องใจ ดังนั้นใครทำนางแบบใด นางก็จะแก้แค้นด้วยวิธีการแบบนั้น จะให้นางนิ่งเฉยคงไม่ได้แน่นอน
นางรู้แค่ว่า หากทำให้นางไม่มีความสุข นางก็ทำให้ผู้นั้นมีความสุขไม่ได้เช่นกัน
“เหยาหวาเสียหน้าจริง ๆ แต่ก็ไม่มีอะไรให้ดูนัก การต่อสู้ระหว่างสตรีก็แค่ความขายหน้า ไม่มีอะไรนอกจากนี้”
“เกิดอะไรขึ้นบ้าง? เล่าให้ข้าฟังบ้างสิ” เฟิ่งชิงเฉินหันศีรษะไปด้านข้าง มองไปทางลุงเสด็จอาเก้ารอให้เขาเล่า
เสด็จอาเก้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดออกมาว่า “ซูโหรวกล่าวในงานเลี้ยงว่า เหยาหวาสูญเสียความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงาน ต่อมาเพื่อมิตรภาพระหว่างทั้งสองแคว้น ซูโหรวได้แสดงการร่ายรำต่อหน้าจักรพรรดิและขุนนาง ก่อนจะเอ่ยปากขอให้เหยาหวาออกมาถวายแด่จักรพรรดิตงหลิงด้วย ซึ่งฝ่าบาทก็ตกลง”
“การให้เหยาฮวาองค์หญิงผู้สง่างามร่ายรำต่อหน้าทุกคน นี่ไม่ใช่การตบหน้าราชวงศ์ซีหลิงหรือ? จักรพรรดิก็กระทำการมากเกินไป นี่เป็นการกลั่นแกล้งเหยาฮวา เพราะเสด็จพี่ของนางไม่อยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงไร้คนสนับสนุนนางเบื้องหลัง”
ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยตาของตนเองก็เข้าใจได้ว่า เหยาหวาน่าอายเพียงใดในเวลานั้น องค์หญิงผู้สง่างามได้รับการปฏิบัติราวกับราวรำ นางยิ้มอย่างชั่วร้าย “แล้วท้ายที่สุด นางได้ออกมาร่ายรำหรือไม่?”