นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 890 เอาไป อย่าให้เปื้อนมือข้า
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 890 เอาไป อย่าให้เปื้อนมือข้า
หวังจิ่นหลิงดูสงบมาก ไม่มีใครอยากบอกว่าผู้ใดให้หวังซ่านและอีกสองคนเข้ามา หวังจิ่นหลิงก็ไม่ได้บังคับพวกเขา เขาถือถ้วยน้ำชาไว้ ไม่ได้มองทั้งสามคน ได้แต่พยักหน้าแล้วทักทายทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้น นับว่าเป็นการตักเตือน
หัวหน้าตระกูลหวังกลับมาอีกครั้ง และผู้ที่สนับสนุนลุงหวังก็คือผู้ทรยศของตระกูลหวัง ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติต่อผู้ทรยศอย่างสุภาพ
เมื่อเห็นบิดาและกลุ่มผู้สนับสนุนของเขาโชกไปด้วยเลือด หวังจิ่นหลิงไม่ได้โกรธหรือกังวลว่าเหตุใดพวกเขาจึงได้รับบาดเจ็บ แต่เพียงสั่งให้ผู้คุ้มกันพาพวกเขาไปที่โรงหมอตระกูลหวังเพื่อทำแผล แสดงความยุติธรรมและโอบอ้อมของหัวหน้าตระกูล
บิดาของหวังจิ่นหลิงและปู่แปดไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ยังไม่มีอะไรไม่เข้าใจอีก เว้นแต่อาการบาดเจ็บของหวังจิ่นหาน เกรงว่าทุกอย่างจะอยู่ในการคำนวณของจิ่นหลิง
คนสองใจในตระกูลหวังได้ปรากฏตัวขึ้นในวันนี้ ในฐานะหัวหน้าตระกูล เขาไม่สามารถฆ่าสมาชิกของตระกูลหวังได้ แต่หวังจิ่นหลิงมีวิธีนับพันที่จะทำให้ชีวิตคนพวกนี้ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
คนที่หวังจิ่นหลิงพามา ก็หลั่งไหลเข้าไปในตระกูลหวัง แล้วพาคนเจ็บออกไป
แน่นอน แม้ว่าลุงหวังจะอยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง แต่คนของเขาก็ไม่ยอมถูกจับง่ายๆ ทว่าในตระกูลหวังนั้นหวังจิ่นหลิงเป็นราชาหากต้องการต่อต้านหวังจิ่นหลิง คงต้องรอจนกว่าหวังจิ่นหลิงไม่ได้เป็นหัวหน้าตระกูลหรือเสียชีวิตไป
การสมรู้ร่วมคิดและการวางแผลเหล่านี้สิ้นสุดลง ตอนนี้เป็นเวลาที่จะต่อสู้เพื่อความแข็งแกร่ง เห็นได้ชัดว่าหวังจิ่นหลิงนำผู้คนมาจำนวนมาก ความแข็งแกร่งนั้นแข็งแกร่งกว่าลุงหวัง
หวังจิ่นหลิงไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา เขาเข้าไปในตระกูลหวังและควบคุมคนในตระกูลหวังอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ลุงหวังยังมิทันตั้งตัว เขาได้จัดการกับคนของจักรพรรดิที่ส่งมาจนสิ้น
“หวังจิ่นหลิงเอาคนมาจากไหน? หน่วยลับของตระกูลหวัง?” หวังจิ่นหลิงมีความอดทนที่จะจัดการกับหวังซ่านและคนอื่นๆ แต่ เฟิ่งชิงเฉินไม่มี
การนอนบนหลังคาช่างลำบาก นางไม่มีความแข็งแกร่งหรือความสามารถมากขนาดนั้น นางแทบจะแข็งตายอยู่ที่นั่น หากนางรู้ว่าลำบากขนาดไหนในการดูละคร นางคงไม่มาหรอก
เสด็จอาเก้ายื่นมือออกมาจับเฟิ่งชิงเฉินไว้ในอ้อมแขน “ไม่ใช่ หวังจิ่นหลิงฝึกฝนกลุ่มคนเหล่านี้เป็นการส่วนตัว แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือคนของข้า”
“เจ้าสองคนกำลังร่วมมือกันจริงๆ” ในที่สุดเฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจ แต่การกระทำของพวกเขาดึงดูดความสนใจของผู้ที่เฝ้ามอง หลายคนกำลังมองดูอยู่อย่างเงียบ ๆ
ผู้คุ้มกันของหวังจิ่นหลิงเอนตัวไปและกระซิบบางอย่างที่หูของเขา สีหน้าหวังจิ่นหลิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาไอออกมาเบา ๆ เสียงนี้ดึงความสนใจของทุกคนกลับมาที่หวังจิ่นหลิงอีกครั้ง
“ฟู่……ข้ากลัวแทบตาย” เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าหายใจเพราะกลัวจะถูกพบ บรรยากาศของตระกูลหวังนั้นเคร่งเครียดมากพอแล้ว นางไม่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมจริงๆ
เสด็จอาเก้าไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่กอดนางแน่นขึ้นแล้วจดจ่ออยู่กับการดูละคร นอกจากผู้อาวุโสสองสามคนนั้นแล้ว ไม่มีใครสักคนที่ไม่หวาดกลัวเพราะแรงกดดัน
อย่าคิดว่าหวังจิ่นหลิงไร้ความโมโห หรือไม่ฆ่าคน เพราะเมื่อเขานั่งอยู่ที่นั่น ท่าทางสงบและผ่อนคลายของเขาก็สามารถทำให้ทุกคนตกใจมากจนไม่กล้าพูด
“หัวหน้าตระกูล บัดนี้ถึงเวลาประกาศงานเลี้ยงแล้วหรือไม่?” หวังจิ่นหลิงกระแอมออกมา จึงมีคนกล้าออกมาเอ่ยเช่นนี้กับเขา ด้วยหวังว่าหวังจิ่นหลิงจะสับสนและปล่อยเรื่องนี้ไป ท้ายที่สุดแล้วทุกคนล้วนมาจากตระกูลหวัง สายเลือดเดียวกัน……
“งานเลี้ยง? ใกล้ถึงเวลาแล้ว ได้เวลาเริ่มงานเลี้ยงแล้วล่ะ น้องเจ็ดเล่าอยู่ที่ใด? ไปเชิญคุณชายเจ็ดมาสิ” หวังจิ่นหลิงกล่าวออกมาอย่างจริงใจ แต่การเอ่ยในนี้ทำให้ทั้งตระกูลยิ่งลำบากใจ
หวังจิ่นหลิงร้ายกาจจริงๆ เขารู้ทุกอย่าง แต่ยืนกรานที่จะไม่พูดอะไรฟังไปดูดี แต่กลับทำลายความหวังสุดท้ายของบางคนลง
“เอ่อ……” เหอซีหนีทำตัวไม่ถูก
“เกิดอะไรขึ้นหรือ? บิดาของข้าได้รับบาดเจ็บในงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่า ส่วนน้องชายของข้าก็หายตัวไปในงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าด้วย? หรือเพราะเขาเป็นพี่น้องสายตรงของข้า ดังนั้นเขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะมาที่นี่?” หวังจิ่นหลิงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะแล้วตบลง ทุกคนพากันหวาดกลัว
“ท่านหัวหน้าตระกูล……” มีใครบางคนตะโกนออกมาด้วยใบหน้าเศร้าโศก หวังซ่านและคนอื่นๆ ยิ่งทำตัวไม่ถูก พวกเขาดูเหมือนเด็กที่ทำผิดพลาด ยืนก้มหัวให้รุ่นลูกหลาน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหว
หวังจิ่นหลิงยังไม่ตาย สิ่งที่พวกเขาทำในคืนนี้คือการก่อกบฏ ซึ่งถือเป็นการทรยศในตระกูลหวัง ตอนนี้พวกเขาหวังเพียงว่าหวังจิ่นหลิงจะปล่อยพวกเขาไป ยังให้พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหวัง
“หัวหน้าตระกูล? สายเกินไปแล้วหรือเปล่าหากจะเรียกเอาตอนนี้? เหตุใดเจ้าถึงจำไม่ได้ว่าข้าเป็นหัวหน้าตระกูลเมื่อเจ้าทำร้ายบิดาของข้า เหตุใดจึงจำไม่ได้ว่าข้าเป็นหัวหน้าตระกูลหวังยามที่เจ้าลงโทษน้องชายข้า?” หวังจิ่นหลิงเงยหน้าขึ้นมองทุกคน
บางคนในห้องโถงของยังคงเป็นกลาง แต่ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายเดียวกับลุงหวัง วางแผนที่จะวางยาพิษให้เขาตาย
ทำไมคนในครอบครัวเดียวกันจึงไม่เคยคิดว่าเขาก็แซ่หวังตอนที่พวกเขาฆ่าเขา เมื่อนึกถึงสิ่งที่เสด็จอาเก้าพูดเกี่ยวกับจิ่นหาน จู่ๆ หวังจิ่นหลิงก็หมดความอดทนและโบกมือขึ้น “ลากตัวออกไป อย่าทำให้ที่ดินของข้าสกปรก ”
“หัวหน้าตระกูล ท่านหัวหน้าตระกูล เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้ เจ้าฆ่าเราไม่ได้ หัวหน้าตระกูล หัวหน้าตระกูล เจ้าจะฆ่าเราไม่ได้ ท่านปู่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ทันทีที่หวังจิ่นหลิงพูดจบ ลูกหลานของทั้งสามก็คุกเข่าลงบนพื้น ร้องขอความเมตตาต่อชายชราคนหนึ่ง
ตุบๆ……มีคนจำนวนมากคุกเข่าอยู่ในห้องโถง ลุงหวังก็คุกเข่าลงร้องไห้และยอมรับความผิดพลาดของเขาเช่นกัน
ชายชราผมขาวไม่แสดงสีหน้าใด ในขณะที่หวังจิ่นหลิงเพียงยิ้มแต่ไม่ได้พูด ดวงตาของเขายิ้มขึ้นทว่าไร้ร่องรอยของความอบอุ่น ทุกคนเข้าใจการตัดสินใจของหวังจิ่นหลิงดี และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้
จากคำพูดของหวังจิ่นหลิง หวังซ่านกับและคนอื่น ๆ รู้ว่าหวังจิ่นหลิงรู้ทุกสิ่งที่พวกเขาวางแผนไว้เป็นความลับ แต่ถึงอย่างนั้นหวังจิ่นหลิงก็ยังสามารถพูดคุยและหัวเราะได้โดยไม่เสแสร้ง ต้องขอบอกว่าสภาพจิตใจของชายคนนี้แตกต่างจากคนทั่วไปและเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
หวังซบและคนอื่น ๆ พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อควบคุมร่างกายที่สั่นเทาของพวกเขา พวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่หวังจิ่นหลิงกำลังจะทำในเวลานี้พวกเขาไม่สามารถต้านทานได้ แต่เมื่อพวกเขากำลังรอความตาย พวกเขาก็พบว่า……
“เอ๋อ พวกเขามิได้จับเรา”
คนที่หวังจิ่นหลิงนำมา เข้าไปดึงพวกคนที่ลุงหวังพามาออกไปทีละคนแล้วลากพวกเขาโยนทิ้ง ไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้ไม่ต่อต้าน แต่พวกเขาถูกอีกฝ่ายควบคุมเมื่อพวกเขาต่อต้าน
ในไม่ช้า คนของลุงหวางก็ถูกกวาดล้างสิ้น ใบหน้าของลุงหวางซีดเซียว เขาเอาแต่ร้องขอความเมตตา เฟิ่งชิงเฉินหันหน้าหนีด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ความสามารถเพียงเล็กน้อยของเขาเช่นนี้ ยังกล้าที่จะต่อสู้กับหวังจิ่นหลิง ไร้สมองสิ้นดี
ผู้ที่เข้าข้างลุงหวังต่างพากันยินดี ตอนที่พวกเขาคิดว่าหวังจิ่นหลิงจะไว้ชีวิตพวกเขาเพื่อหน้าตาของตระกูล หวังจิ่นหลิงก็ออกคำสั่งว่า “จดรายชื่อไว้แล้วขับไล่คนเหล่านี้พร้อมลูกหลานของพวกเขาออกจากตระกูลหวัง เมื่อถึงวันบูชาบรรพบุรุษ จงบอกไปยังตระกูลหวังทุกคนที่จิ่วโจว คนเหล่านี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ขับไล่ออกจากตระกูล ต่อจากนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราอีก”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินออกไปทำให้ทุกคนตกตะลึง หลังจากที่หวังจิ่นหลิงจากไป หวังซ่านและคนอื่นจึงรู้สึกตัวและน้ำตาไหลออกมา
“หัวหน้าตระกูล หัวหน้าตระกูล เราต้องการพบหัวหน้าตระกูล”
“จิ่นหลิง จิ่นหลิง ลุงผิดไปแล้ว ลุงผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตลุงด้วย”
“หัวหน้าตระกูล โปรดยกโทษให้ข้าด้วย โปรดยกโทษให้ข้าด้วย……”
การถูกไล่ออกจากตระกูลหวังเป็นเรื่องที่น่าสังเวช หวังจิ่นหลิงต้องการประกาศออกไป โดยบอกว่าพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับใครอีก เป็นการเตือนทุกคนว่าใครก็ตามที่กล้าช่วยพวกเขา จะเป็นศัตรูของตระกูลหวัง
ไม่มีบ้าน ไม่มีที่ดิน ไม่มีที่ห้อง ไม่มีเงิน พวกเขาจะอยู่ได้อย่างไร หวังจิ่นหลิงต้องการให้พวกเขาตาย แต่ก็ไม่อยากถูกประนาม
ผู้อาวุโสหลายคนมองหน้ากัน ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาไม่คิดว่าจะมีความมั่นใจที่จะโน้มน้าวหวังจิ่นหลิงผู้แข็งแกร่งได้ ท่าทีของหวังจิ่นหลิงในวันนี้เพื่อต้องการบอกว่า เขาจึงจะกุมอำนาจไว้ในมืออย่างแท้จริง
“จบแล้ว น่าเบื่อจริง” เฟิ่งชิงเฉินไม่พอใจเท่าไรนัก คู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไป ไม่สนุกเอาเสียเลย
“นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ไปกันเถอะ ไปหาหวังจิ่นหลิงเพื่อดื่มฉลองกัน” เสด็จอาเก้าอุ้มเฟิ่งชิงเฉินขึ้น แล้วไปยังทิศทางที่หวังจิ่นหลิงหายตัวไป……