นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 908 เจ็บ อย่าให้เขาตาย
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ 908 เจ็บ อย่าให้เขาตาย
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดอะไรเลย เสด็จอาเก้าไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? เฟิ่งชิงเฉินแค่ไม่ได้ถามอย่างละเอียด และเสด็จอาเก้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องนี้
ถึงจะรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ตามหานาง แต่ก็รู้ว่าเขาจะทำเช่นไร? เสด็จอาเก้าไมได้โกรธเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นเจาก็กวักมือเรียกเฟิ่งชิงเฉิน “มานี่”
“ไม่ไปเพคะ” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้แสดงออกอย่างเย่อหยิ่งจนเกินไป
จะมาล้อเล่นอะไรกัน ไม่ได้มีการแบ่งชนชั้นเช่นนี้ ก่อนหน้ายังเป็นเสด็จอาเก้าและขุนนาง ผ่านไปแค่พริบตาเดียวสถานะก็เปลี่ยนไป นางจะต้องทำตามคำสั่งทำไมกัน ?
“หากเจ้าไม่มา ข้าจะไปหาเจ้าเอง แต่หากเจ้าให้ข้าไปถึงตัวเจ้าเองหล่ะก็ เจ้าอาจจะทนไม่ได้ก็ได้” เสด็จอาเก้าขู่
“ไปก็ไป ข้าไม่ได้เกรงกลัวต่อฝ่าบาทแม้แต่น้อย” เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันกรอด ท้ายที่สุดแล้วนางต้องยอมฝืน เดินไปหาเสด็จอาเก้า
เสด็จอาเก้ามองดูเฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามาเหมือนมดไต่อย่างไม่รีบร้อน อย่างไรก็ตามไม่ใช่เขาแน่นอนที่รอเฟิ่งชิงเฉินมาช่วย
ก้าวสั้นๆ เพียงสิบก้าว เฟิ่งชิงเฉินถึงจะเดินเข้าไปได้อีก แต่นางก็มีขีดจำกัด และไม่นานทั้งสองก็อยู่ห่างกันเพียงหนึ่งศอก เสด็จอาเก้าไม่รอช้า เขาดึงเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในอ้อมกอด
“อ๋าา … ” เฟิ่งชิงเชนดิ้นจนเสด็จอาเก้าต้องกอดนางแน่น พร้อมกับโน้มศีรษะแนบชิดใบหน้าเฟิ่งชิงเฉิน “อย่าดิ้นนะคนดี ให้ข้ากอดสักนิด ถ้าเจ้าขืนดิ้น ข้าไม่อาจรับรองได้ว่าข้าจะไม่ทำอะไรล่วงเกินต่อเจ้าเป็นแน่ ? ”
“ฮะ… ” เฟิ่งชิงเฉินอ้าปาและกัดที่แขนของเสด็จอาเก้าอย่างแรง
“นี่เจ้า ทำไมถึงชอบกัดผู้อื่นนัก ?” เสด็จอาเก้าศีรษะเราะไม่ออก คนที่ควรจะโกรธคือเขา แต่ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ท้ายที่สุดแล้วคนที่ผิดกลับเป็นเขาเสมอ
“ นี่แสดงให้เห็นว่าฝ่าบาทไม่ได้ถูกกัดมานาน การตายของเจ้าเมืองเย่ ฝ่าบาทได้รับประโยชน์ แต่ทำไมต่อหน้าข้า ฝ่าบาทถึงทำเป็นไม่รู้อะไร ฝ่าบาทนี่น่ารังเกียจนัก” เฟิ่งชิงเฉินเหยียดนิ้วมือของนางออกและตกหน้าอกของเสด็จอาเก้าสองครั้ง
เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายคนนี้จะไร้ยางอาย
ความแข็งแกร่งของเฟิ่งชิงเฉินไม่เบา แม้เสด็จอาเก้าจะอดทนแค่ไหน เขาก็กอดเฟิ่งชิงเฉินอย่างแน่น ละถามตรง ๆ ว่า “เจ้าแน่ใจได้อย่างไร ข้าต้องหาโอกาสรวบรวมหลักฐานงั้นหรือ ?”
“ฝ่าบาทเป็นใคร ? โอกาสอันดีอยู่ต่อหน้าฝ่าบาท ถ้าฝ่าบาทไม่ทำ ฝ่าบาทก็ไม่ใช่เสด็จอาเก้า อย่างไรก็ตาม ข้าได้ให้ซีหลิงเทียนยวี่นำคำของข้าส่งต่อถึงฝ่าบาทว่าสำหรับเรื่องนี้ข้าจะนำหน้าเอง พอดีกับที่ฝ่าบาทอยู่ที่ลับจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการอารักขาจักรพรรดิ และไม่ต้องกังวลว่าจักรพรรดิจะรู้ ฉะนั้นฝ่าบาทจึงถือว่าได้กุมหลักฐานไว้แล้ว”
การที่เฟิ่งชิงเฉินได้อยู่ใกล้ชิดกับเสด็จอาเก้าเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเสด็จอาเก้าไม่ใช่คนที่หากไม่มีประโยชน์อะไร เขาจะไม่ทำการใดล่วงหน้า เรื่องของเจ้าเมืองเย่เป็นเรื่องที่มีร่องรอยตีนแมว เสด็จอาเก้าจะไม่ตรวจสอบได้เช่นไร
“คำใบ้ที่คลุมเครือเช่นนี้ ถ้าข้าไม่เข้าใจจะเป็นเช่นไร ?” เสด็จอาเก้าใช้ใบหน้าสัมผัสหน้าผากเฟิ่งชิงเฉินเบา ๆ จากนั้นค่อย ๆ จูบไล้ที่ใบหูและแล้วทั้งสองคนก็มีสัมพันธ์กันในที่สุด
แสงอาทิตย์สาดส่องแสงกระทบร่างทั้งสอง เสียดายไม่มีใครเห็น
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เฉียบแหลมของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินกฌมั่นใจว่าชายบูดบึ้งอย่างเสด็จอาเก้าไม่ได้โกรธเลย แต่เขาจงใจแสดงออกอย่างจริงจังเพื่อทำให้นางประหม่า
เฟิ่งชิงเฉินเหยียดมือขอนางออกมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นโอบรอบเอวของเสด็จอาเก้าและพูดว่า “ถ้าฝ่าบาทไม่เข้าใจก็จะพลาดโอกาสนี้ไป ถ้ามีแค่เมืองเย่ก็ดีสิ ยังมีอีกแปดเมือง หากฝ่าบาททำไม่ได้ก็ไปขอฉู่ฉางฮว๋า เอาแคว้นฉู่มาอยู่ในมือ”
“เจ้ายอมให้ข้าแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนงั้นหรือ?
“อะไรที่เรียกว่าข้าให้ฝ่าบาทไปภิเษกกับหญิงอื่น จะอภิเษกหรือไม่เป็นเรื่องของฝ่าบาท ข้าไม่ได้ห้าม” เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นมองจมูกของเสด็จอาเก้า สายตาและคิ้วของนางแฝงด้วยรอยยิ้ม ราวกับจะบอกเสด็จอาเก้าว่า เสด็จอาเก้าจะอภิเษกหรือไม่นั้นไม่ได้มีผลกระทบต่อนาง
“เจ้า… ” เสด็จอาเก้าก้มศีรษะของเขา จากนั้นโน้มตัวประกบริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉินเบา ๆ พร้อมกับพูดว่า “เจ้านี่มันขี้น้อยใจเสียจริง ข้าเพียงไม่พอใจที่เจ้าไม่เคยปรึกษาข้าเลย แล้วยังเอาเรื่องแคว้นฉู่มาพูด เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่แต่งกับใครทั้งนั้น”
ข้าไม่สามารถแต่งงานกับเจ้าได้ ข้าก็จะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น คนที่สามารถบังคับข้าได้ก็ตายไปแล้ว ไม่แปลกใจที่เขาไม่แต่งงาน ตอนนี้เขาเหลือเพียงคนเดียว ถ้าไม่แต่งก็นับว่าไม่มีคนสืบทอด
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินได้รับคำตอบที่ต้องการ นางก็ยิ้มอย่างมีความสุขในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้า และพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าไม่ได้เอาเรื่องเมืองฉู่มาพูด แต่ข้าอยากบอกท่านจริงๆ ว่า การที่จะมีใครซักคนเป็นภรรยา ก็เหมือนกับได้ครอบครองเมืองหนึ่งเมือง แต่งหญิงงามสี่แคว้นเก้าเมืองก็จะไม่เปลืองกำลังพล”
เสด็จอาเก้ายื่นมือออกมาแล้วลูบลงศีรษะของเฟิ่งชิงเฉิน “ที่แท้น้อยใจนี่เอง รู้อยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ เจ้ายังพูด”
“ฮ่า ๆ คนที่มีพร้อมไม่อยากจะคิดเรื่องของการแต่งงาน อย่างไรก็ตามเรื่องเช่นนี้ไม่ต้องเก็บมาคิดอีกต่อไป สิ่งที่เจ้าพูดนั้นยังไม่เกิด เรื่องของเมืองเย่ได้รับการแก้ไขแล้ว เราทำได้แค่รอเวลา รอตงหลิงและเย่เฉิงแตกคอกัน จากนั้นเราค่อยตกปลา ”
“ข้าชอบที่ฝ่าบาทพูดว่า “เรา” ” จำไว้ว่าสิ่งเหล่านี้ที่เราเผชิญมันด้วยกัน และครั้งต่อไป ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไร เจ้าต้องปรึกษากับข้าก่อน ” เหมือนที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าว เรื่องของเมืองเย่นั้นมีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของจักรพรรดิ หากมองกาลไกลแล้ว คนที่จะครอบครองเมืองเย่ได้ เห็นจะเป็นอ๋องเก้าเพียงคนเดียว
“ถ้ามีโอกาสเช่นนั้น ข้าไม่มีปัญหา” เรื่องที่เกิดขึ้นกับเมืองเย่ นางถูกองครักษ์จับตาดูอยู่ บางเรื่องไม่ใช่พวกเขาคิดอย่างไรก็อย่างนั้น
“เจ้ามีเวลาคุยกับคนอื่น แต่ไม่มีเวลาคุยกับข้าเช่นนั้นหรือ ? ” เสด็จอาเก้าไม่พอใจกับทัศนคติของ เฟิ่งชิงเฉิน
“แต่ต่างกันตรงที่การที่จะได้พบกับฝ่าบาทนั้นหาได้ยาก” เฟิ่งชิงเฉินกล่าว
สำหรับเรื่องนี้เสด็จอาเก้าไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่คิดว่าคนอื่นนั้นแตกต่างจากเขาด้วยฐานะ
เสด็จอาเก้าถอนหายใจ “ชิงเฉิน หน้าที่ความรับผิดชอบของข้านั้นยิ่งใหญ่นัก”
ไม่มีใครสามารถเพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร้ประโยชน์ แม้แต่จักรพรรดิก็เช่นเดียวกัน
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าอย่างแรง “ข้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ณ ปัจจุบัน เราทุกคนไม่อาจช่วยเหลือตนเองได้ นั่นเป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องป้องกัน”
แม้กระทั่งเรื่องของการสนับสนุนนาง เสด็จอาเก้าก็ยังไม่อาจสนับสนุนได้อย่างเต็มที่
“ข้าจะให้เจ้าไปช่วยฝู่หลิน” เสด็จอาเก้ารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่มีความสุข แต่เขาก็ยังมีความหวังต่ออนาคต
“อะไรนะ? “เฟิ่งชิงเฉินตกใจและเงยหน้าขึ้นถ้ามันไม่ได้รับการตอบรับองเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินก็จะไม่สนใจ
“ข้าบอกให้เจ้าไปช่วยฝู่หลิน” เสด็จอาเก้าย้ำอีกครั้ง
เฟิ่งชิงเฉินกำลังกระอักเลือด นางกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ฝ่าบาทให้ข้าช่วยชีวิตคนนอกรีตผู้นั้น ฝ่าบาทคิดผิดแล้วกระมั้ง”
“ข้าพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าให้ไปช่วยฝู่หลิน” เสด็จอาเก้ายังมีสีหน้านิ่ง แต่เฟิ่งชิงเฉินกับแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยว
เฟิ่งชิงเฉินโกรธมาก และจ้องมองตาเขาด้วยดวงตาเล็ก ๆ เฟิ่งชิงเฉิน พ่ายแพ้ต่อเสด็จอาเก้า !
เฟิ่งชิงเฉินใจเด็ดไม่แม้แต่จะขอความช่วยเหลือ
นางมีมือและเท้าเป็นอาวุธและตอนนี้เสด็จอาเก้าต้องการให้นางช่วยชีวิตคน ๆ หนึ่ง นางไม่อาจเสแสร้งได้
เสด็จอาเก้าเพียงแค่รอให้เฟิ่งชิงเฉินสงบลงและลุกขึ้นกดไหล่ของเฟิ่งชิงเฉิน อย่างเคร่งขรึม พร้อมกับกล่าวว่า “ชิงเฉิน ตอนนี้ฝู่หลินยังตายไม่ได้ ดังนั้นเจ้าต้องช่วยเขา!”