นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 913 จบเรื่อง ที่เหลือข้าไม่ยุ่งด้วย
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 913 จบเรื่อง ที่เหลือข้าไม่ยุ่งด้วย
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฟิ่งชิงเฉิน ได้เจอผู้ป่วยที่ดื้อรั้นเช่น ฝู่หลิน และไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาที่จัดการไม่ได้
ยังมีเวลาอีกสิบห้านาทีก่อนถึงเวลานัดของเฟิ่งชิงเฉินและบาดแฟลของฝู่หลินก็ได้ทำการล้างแผลเสร็จแล้วแล้ว และหลังจากที่ ฝู่หลินตัดสินใจได้ เธอก็สามารถให้ยาชาฝู่หลินและการผ่าตัดได้เลย
“นายท่านฝู่ ยังมีเวลาอีกสิบห้านาที โปรดคิดให้ชัดเจน หากท่านตัดสินใจตัดขาเพื่อรักษาชีวิตของท่าน ข้าจะเตรียมการ หากท่านยืนยันที่จะรักษาขาของท่านไว้ ข้าก็จะล้างบาดแผลให้ท่าน แต่ผลนั้นข้าจะไม่รับรอง ตอนนี้ชีวิตและความตายของท่านจะตัดสินด้วยตัวท่านเอง” เฟิ่งชิงเฉินเป็นหมอ ในฐานะแพทย์ เธอคุ้นเคยกับการเลือก รู้ว่าคนไข้ไม่เต็มใจ แต่เธอนั้นก็ต้องพูดแผนการของเธอเองด้วย
สำหรับเธอ ฝู่หลินเป็นเพียงคนไข้ธรรมดา ในฐานะแพทย์ เธอเป็นผู้วางแผนการรักษา และทางเลือกสุดท้ายคือคนไข้ เธอเคารพในสิ่งที่คนไข้เลือก ในฐานะแพทย์ เธอไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนคนไข้ แม้ในมุมมองทางการแพทย์ มันก็ไม่ดีสำหรับผู้ป่วย
“ช่วยเก็บขาของข้าไว้ไม่ได้เหรอ” สีหน้าของฝู่หลินมืดมน ขาดความชัดเจนและความมั่นใจที่เฟิ่งชิงเฉินพบครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง
ไม่มีใครรับได้ที่ตัวเองจะกลายเป็นคนพิการกะทันหัน สำหรับคนอย่างพวกเขา การกลายเป็นคนพิการหมายถึงการทำลายอนาคตของพวกเขา ไม่ว่าคนพิการจะมีพรสวรรค์เพียงใด เขาก็ไม่สามารถเป็นขุนนางได้ และเขาไม่สามารถแบกรับความรับผิดชอบได้ถึงความเจริญและความเสื่อมโทรมของตระกูลได้
หากฝู่หลิน พิการแล้ว อนาคตของตระกูลฝู่ก็ไม่มีความหวังแล้ว และตระกูลฝู่จะไม่มีคนแบบฝู่หลินอีกคนได้
“ไม่…” ขณะที่เฟิ่งชิงเฉินอ้าปากพูด เสียงแหลมสูงก็ดังขึ้นนอกประตู: “องค์ชายชิงอ๋องเสด็จ…”
“มีคนจากพระราชวังมา” เฟิ่งชิงเฉินเก็บคำพูดที่กำลังจะพูด และมองฝู่หลินอย่างลึกซึ้ง
ฝู่หลินมีค่าต่อฮ่องเต้มากกว่าที่เธอคิดไว้ องค์ชายชิงอ๋องจะต้องได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้เสด็จมาในเวลานี้แน่ มิฉะนั้นไม่มีองค์ชายไหนที่กล้าคบกับฝู่หลิน ข้าราชการที่โด่งดังแบบนี้
ฝู่หลิน ไม่มีความสุขแม้แต่น้อย คำว่า “ไม่” ของเฟิ่งชิงเฉิน ตัดสินให้ความตายอย่างไม่ต้องสงสัย ในเวลานี้ อย่าว่าแต่องค์ชายชิงอ๋องอยู่ที่นี่เลย แม้ว่าฮ่องเต้จะเสด็จมาด้วยตนเอง ฝู่หลินก็ไม่มีความสุข
ฝู่หลิน เป็นผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหว แต่ เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่ไปพบเจอองค์ชาย สิทธิ์ที่ไม่ต้องรับเสด็จองค์ชาย แต่เฟิ่งชิงเฉินสวมเสื้อคลุมและถุงมือของแพทย์ในเวลานี้และมีหน้ากากที่คลุมผมครบชุด ไม่เหมาะสำหรับการออกไปข้างนอก
เฟิ่งชิงเฉิน รออยู่ข้างในเพื่อรอองค์ชายชิงอ๋องเข้ามา และทันทีที่องค์ชายมาถึง เขาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อสารภาพผิด: “ต้องขออภัยที่ชิงเฉินไม่สามารถเข้าต้อนรับด้วยตัวเอง โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ฝ่าบาท”
“เป็นข้า ที่มาอย่างกระทันหัน มารบกวนที่คุณหญิงเฟิ่งช่วยเหลือคนและโปรดขอร้องคุณหญิงเฟิ่ง อย่าตำหนิข้า” องค์ชายชิงอ๋อง ก้าวไปข้างหน้าและทำเหมือนดึงเฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้น ไม่กล้ารับการขอโทษของเฟิ่งชิงเฉิน
อย่าล้อเล่นเลย เสด็จอาเก้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิ่งอย่างก้าวร้าววันนี้ เพื่อสนับสนุนเฟิ่งชิงเฉิน เขากล้าดียังไงที่จะรับการขอโทษของเฟิ่งชิงเฉิน บางทีเขาอาจจะไหว้กับเฟิ่งชิงเฉินในอนาคต
แม้ว่า เฟิ่งชิงเฉิน จะอายุน้อยกว่าเขา แต่เขาเป็นสมาชิกของเสด็จอาเก้า ด้วยความอาวุโสของเขาค่อนข้างสูงกว่าเขาเล็กน้อย เมื่อเขาอยู่ต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉินเขายังต้องดูน้อยกว่า
“ขอบคุณฝ่าบาทสำหรับการไม่ลงโทษ” เฟิ่งชิงเฉินไม่รอต่อ เธอเองก็ไม่ได้อยากที่จะคุกเข่าลงทำให้เสื้อผ้าเธอสกปรก เธอก้าวไปด้านข้าง เพื่อให้องค์ชายชิงอ๋องเดินไปที่ข้างเตียงได้
องค์ชายชิงอ๋องพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และเดินผ่านเฟิ่งชิงเฉินไปที่ข้างเตียง ฝู่หลิน ที่ได้รับบาดเจ็บที่ขา และสภาพจิตใจของเขาก็ไม่ค่อยดี ไม่สามารถลุกขึ้นทำความเคารพได้ ทำได้แค่พูดขออภัย ที่จริงแล้วองค์ชายชิงอ๋องก้มาเยี่ยมด้วยได้รับคำสั่ง จะไปหาเรื่องฝู่หลินอีกทำไม
องค์ชายชิงอ๋อง แสดงความเป็นหว่งแทนฮ่องเต้แล้ว กล่าวถึงของขวัญจากฮ่องเต้, ปลอบโยน ฝู่หลินแล้วถามเกี่ยวกับอาการของ ฝู่หลินแล้ว แน่นอน องค์ชายชิงอ๋อง นั้นถามเฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉิน พูดแผนการตัดขาซ้ำอีกรอบ องค์ชายชิงอ๋องขมวดคิ้ว เขารู้ว่าฮ่องเต้ไม่ต้องการให้ฝู่หลิน กลายเป็นคนพิการและไร้ประโยชน์
องค์ชายชิงอ๋อง ไม่กล้าที่จะตะโกนใส่ เฟิ่งชิงเฉินดังนั้นเขาจึงได้แต่ถามห้วนๆว่า: “คุณหญิงเฟิ่ง ไม่มีทางอื่นนอกจากการตัดขาแล้วฟรือ ฝู่หลินเป็นขุนนางสำคัญของตงหลิน และเขาเสียสละเพื่อประเทศในครั้งนี้ ข้ากังวลเกี่ยวกับเรื่องของนายท่านฝู่มาก”
“องค์ชายชิงอ๋อง ไม่ใช่ว่าชิงเฉิน ยืนยันที่จะทำเช่นนี้ แต่อาการบาดเจ็บของนายท่านฝู่นั้นรุนแรงเกินไป หากเช่นนี้องค์ชายชิงอ่องเรียกหมอหลวงของราชวงศ์มาดู มาดูกันว่าเราจะสามารถหาแผนการรักษาอื่นได้หรือไม่” อาการบาดเจ็บของฝู่หลินนั้นถูกกล่าวโทษมาที่เธอแล้ว และเธอก็ขี้เกียจที่จะดึงหมอหลวงเหล่านั้นมายุ่งด้วย แต่สถานการณ์ปัจจุบัน ไม่สามารถทำให้เธอต้องแบกรับความผิดพลาดนี้ไว้เพียงลำพัง
“ตามคำพูดของคุณหญิงเฟิ่ง เรียกหมอหลวงทั้งหมดเข้ามาและ มาหาทางออกกัน” องค์ชายชิงอ๋องเห็นด้วยทันที
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของเฟิ่งชิงเฉิน ถึงตอนนั้นจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฝู่หลิน ไม่ใช่เพราะ เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทำหน้าที่ให้ดี แต่เป็นเพราะอาการบาดเจ็บของฝู่หลินรุนแรงเกินไปและไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้จริงๆ
ฝู่หลิน รู้ว่า องค์ชายชิงอ๋อง อยู่ข้าง เฟิ่งชิงเฉิน ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
คงต้องตัดทิ้งอยู่ดี
คู่ต่อสู้ของเขาไม่เคยเป็นเฟิ่งชิงเฉินถ้าเขาสามารถเอาใจเฟิ่งชิงเฉิน ได้ เขาก็ไม่มีอะไรจะพูด
ตามคำสั่งขององค์ชายชิงอ๋อง หมอหลวงต้องเข้ามาอย่างเชื่อฟังแม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการก็ตาม คนนับสิบคนเข้ามาพร้อมกัน และในไม่ช้าห้องก็เต็ม
องค์ชายชิงอ๋องไม่ได้พูดมาก เขาเพียงขอให้หมอหลวงทั้งหมดออกมาวินิจฉัยฝู่หลิน จากนั้นศึกษาเพื่อดูว่ามีแผนการรักษาที่ดีกว่าหรือไม่
หมอหลวงทุกคนเคยเห็นอาการบาดเจ็บของฝู่หลิน เมื่อนานมาแล้ว และเมื่อองค์ชายชิงอ๋องสั่ง พวกเขาก็ทำได้เพียงเพียงก้าวไปข้างหน้าเพื่ออย่างงั้น แต่ทันทีที่พวกเขาเข้าไปใกล้ พวกเขาพบว่าอาการอย่างผิดปกติ
“เอ๋อ นายท่านฝู่ตื่นแล้วเหรอ”
“แผลก็พันดสร็จแล้ว”
“ชีพจรก็มีแรงแล้ว”
“แค่เลือดยังไม่เพียงพอและอาการบาดเจ็บเช่นนี้ ข้าน้อยเกรงว่าจะรักษาขานี้ไว้ไม่ได้ ขานี้ยังไงก้ต้องตัดทิ้ง”
วีถีแพทย์แผนจีนก็มีวิธีการตัดขาเช่นกัน แต่นำมาใช้น้อย และผลของยาจีนจะช้า ในกรณีของฝู่หลินการตัดขาต้องทำโดยเร็วที่สุด และยาจีนสามารถใช้ในการปรับสภาพ หลังจากยาออกฤทธิ์ เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาอาจผ่านไป
เฟิ่งชิงเฉินใช้การฉีดเข้าเส้นเลือดเพื่อให้ยาออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว และปรับสถานะของฝู่หลินทันทีเพื่อรักษาสติของเขา เพื่อไม่ให้การผ่าตัดล้มเหลว
“ถึงอาการของนายท่านฝู่ จะดีขึ้น แต่อาการบาดเจ็บรุนแรงเกินไปข้าน้อยเห็นด้วยกับความเห็นของหมอหลวงเหลียง” แม้ว่าหมอหลวงจะชื่นชมวิธีการของเฟิ่งชิงเฉินมาก แต่เวลานี้พวกเขาจะชมความดีของเฟิ่งชิงเฉินต่อหน้าองค์ชายชิงอ๋องไม่ได้
อย่ามาล้อเล่นเลย ถ้าพวกเขายอมรับว่าพวกเขาไม่เก่งเท่าเฟิ่งชิงเฉิน ในอนาคตพวกเขาจะอยู่ยังไง ลูกหลานกษัตริย์เหล่านี้ล้วนฐานนะสูง พวกเขาจะไม่เห็นด้วยที่จะให้แพทย์ที่มีทักษะทางการแพทย์ต่ำมารักษาพวกเขา
เฟิ่งชิงเฉิน ยืนอยู่ข้างๆและไม่พูดอะไร เธอรู้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ แม้ว่าหมอหลวงเหล่านี้จะกลัวความตาย แต่ทักษะทางการแพทย์ของพวกเขานั้นดี ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่มีทางเข้าสำนักหมอหลวงได้
เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่พวกเขาจะไม่รู้อาการบาดเจ็บของฝู่หลิน และพวกเขาไม่กล้าสั่งอย่างประมาท หากมีอะไรเกิดขึ้นกับฝู่หลิน พวกเขาก็จะโชคร้ายเช่นกัน การรักษาแบบอนุรักษ์นิยมเป็นวิธีที่ดีที่สุด
คำพูดของหมอหลวงได้ขจัดข้อสงสัยสุดท้ายในใจของฝู่หลิน และทำให้ องค์ชิงชิงอ๋องแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ด้วยคำพูดของหมอหลวง เฟิ่งชิงเฉินก็จะไม่เป็นอะไรไปด้วย และเขาจะไม่รุกรานเสด็จอาเก้าไปด้วย
เรื่องที่อยู่ระหว่างฮ่องเต้และเสด็จอาเก้านั้น ยากที่จะจัดการจริงๆ องค์ชายชิงอ๋องไม่ต้องการรุกรานทั้งคู่แต่เพราะไม่กล้ารุกรานทั้งสองฝ่าย องค์ชายชิงอ๋องจึงต้องทนทุกข์ทรมานยิ่งขึ้น
สิ่งนี้เรียกได้ว่าการต่อสู้ระหว่างทวยเทพ คนที่โชคร้ายคือผีน้อย เฟิ่งชิงเฉิน มอง องค์ชายชิงอ๋อง ด้วยความเห็นอกเห็นใจ และรอให้ ฝู่หลิน ตัดสินใจ…