นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 914 การเฝ้าคุม ชะตาชีวิตมนุษย์ที่ไม่เหมือนกัน
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 924 การเฝ้าคุม ชะตาชีวิตมนุษย์ที่ไม่เหมือนกัน
ตัดสินใจ?
จะเอาชีวิตหรือขา?
ฝู่หลอนโตขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเจอกับตัวเลือกเช่นนี้ เขาไม่ต้องการเลือกอะไรเลย เพราะเขาต้องการทั้งหมด
“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าต้องการทั้งชีวิตทั้งขา” ฝู่หลินพูดด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเขาแดง และน้ำตาค่อยๆ ไหลลงมาจากหางตา…
เขาไม่อยากตาย แต่เขาก็ไม่อยากพิการเช่นกัน ถ้าขาพิการ ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าเขา
“ข้าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เทพ แม้แต่เทพก็ไม่อาจสนองความปรารถนาของเจ้าได้ นายท่านฝู่ เจ้าต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง บาดแผลที่ขาของเจ้าหนักหนาจนข้าไม่จำเป็นเปิดมันขึ้นมาให้ดูอีกครั้ง
นายท่านฝู่ ข้าจะให้เวลาเจ้าจุดธูปอีกครั้งเจ้าควรคิดให้ดี ไม่ว่าเจ้าจะเลือกทางไหน ข้าก็จะเคารเจ้า เพราะชีวิตเป็นของเจ้า และเจ้ามีสิทธิ์ตัดสินใจความต้องการของชีวิตเจ้าเอง ” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น
คำพูดของเธอทำให้หมอหลวงพวกนั้นมองหน้ากันด้วยความลำบากใจและต้องการอธิบายสองสามคำเพื่อทีองค์ชายชงอ๋องจะได้ไม่คิดว่าหมอเหล่านี้ไม่มีเหตุผล แต่เมื่ออ้ากปากจะพูด แต่ก้ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ดังนั้นจึงทำได้แค่ยืนนิ่งในข้างมุม
องค์ชายชิงอ๋องไม่ได้ตั้งใจที่จะตำหนิเฟิ่งชิงเฉิน ตรงกันข้าม เขาคิดว่าคำพูดของเฟอ่ชิงเฉิน นั้นถูกต้องมาก ฝู่หลิน กำลังจะตายหรือจะอยู่ แค่เพียงคำพูดเดียวของเขาเอง ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหน เขาจะยอมรับชะตากรรมของเขาและไปต่อ
ไม่ใช่ว่าเฟิ่งชิงเฉิน ไม่สามารถช่วยเขาได้ แต่เป็นเพราะเขาไม่สามารถยอมรับด้วยตัวเองได้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่นเลย
“เฟิ่งงชิงเฉิน ถ้าข้าต้องการรักษาขาไว้ จะไม่มีโอกาสเลยหรือ?” ฝู่หลินเอามือปิดหน้า จิตวิญญาณของเขานิ่งเฉย เขาไม่สามารถตัดสินใจได้
“มี มีโอกาส 10% อธิษฐานขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น” ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์นั้นไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่โชคดีได้พบกับปาฏิหาริย์
ผู้ป่วยทุกคนที่เฝ้ารอปาฏิหาริย์คิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดีคนนั้น พระเจ้าจะทรงรักพวกเขา พวกเขามักจะคิดว่าพวกเขาแตกต่าง และพวกเขาเชื่อว่าปาฏิหาริย์จะต้องเกิดขึ้นกับพวกเขาอย่างแน่นอน แต่…
ปาฏิหาริย์ที่สามารถเขียนเป็นหนังสือได้มีเพียง 1 ใน 10,000 เท่านั้น มีคนไม่กี่คนที่พบกับปาฏิหาริย์และส่วนมากก็มีแต่คนตาย
ในฐานะแพทย์เฟิ่งชิงเฉิน ไม่แนะนำให้ฝู่หลินเดิมพันกับปาฏิหาริย์เล็ก ๆ น้อย ๆ ปาฏิหาริย์นั้นไร้หลักวิทยาศาสตร์ ปาฏิหาริย์ก็เหมือนกับการถูกรางวัลเงินห้าล้าน ใครๆก็รอคอย แต่คนที่จะถูกนั้นมีน้อยมาก
แต่ฝู่หลินไม่คิดเช่นนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน ฝู่หลินก็ตกใจและพูดเสียงดังว่า: “ได้ ข้าจะเดิมพันด้วยโอกาส 10% นี้ เฟิ่งชิงเฉิน ข้าจะไม่ยอมรับการตัดขา”
ถ้าถูกตัดออกมันจะไม่มีวันงอกขึ้นมาใหม่ เขาไม่สามารถยอมรับได้ว่าเขาจะกลายเป็นคนพิการ เขากลายเป็นคนพิการและเขาก็จะไม่สามารถฟื้นฟูตระกูล ฝู่ได้อีก หากเป็นกรณีนี้ ปล่อยให้เขาเป็นคนบาปที่ตายแทยตรพกูลฝู่เถอะ
“นายท่านฝู่ เจ้ารู้ดีกับทางเลือกของเจ้าหรือไม่ ปาฏิหาริย์นั้นไม่ใช่ว่าเจ้ามั่นใจแล้วมันก็จะเกิดขึ้น” เฟิ่งชิงเฉิน ไม่ต้องการรุกรานใคร เธอแค่พูดความจริง
“ข้ารู้ เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไม่ต้องกังวล องค์ชายชิงอ๋องก็อยู่ที่นี่ด้วย ข้าจะเขียนข้อความระบุว่านี่เป็นทางเลือกของข้าเอง จะอยู่จะตายก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า” ฝู่หลินกำลังพนันจริงๆ
เมื่อขียนข้อความยืนยันนี้ไว้แล้ว หากเฟิ่งชิงเฉินทำอะไรในระหว่างขั้นตอนการรักษาเพื่อที่จะฆ่าเขา ฮ่องเต้ก็ไม่สามารถให้เฟิ่งชิงเฉิน รับผิดชอบได้
“นายท่านฝู่ แบบนี้คงไม่ดีมั้ง”
“นายท่านฝู่ ความเสี่ยงนี้สูงเกินไป”
“นายท่านฝู่ ท่านคิดดีๆ”
หมอหลวงดูกังวลและพยายามเกลี้ยกล่อมเขาทีละคน แต่ฝู่หลินตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร เมื่อตัดสินใจก็แน่วแน่ที่จะไม่เปลี่ยนแปลง
ฝู่หลิน ตัดสินใจเช่นนี้ รองลงมาคือยอมรับการตัดขา
เฟิ่งชิงเฉิน รู้ว่าฝู่หลิน ได้ตัดสินใจแล้วและจะไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเธอจึงหันกลับมาและมอบปากกาและกระดาษให้ ฝู่หลิน “ได้ เขียนเลย”
นี่คือทางเลือกของคนไข้เอง ยังไงก็ตาม เธอไม่ต้องแบกรับความรับผิดชอบทางการแพทย์ เธอแค่ต้องรักษาสุดความสามารถ และในขั้นตอนการรักษา ก็ทำอย่างที่หมอคนนึงควรทำ และปฏิบัติตามหลักการของหมอคนนึง
ฝู่หลิน ไม่พูดอะไร เฟอ่งชิงเฉินข้าเชื่อคำพูดของเจ้า หยิบปากกาและกระดาษแล้วเริ่มเขียน องค์ชายชิงอ๋องต้องการเกลี้ยกล่อมเขาหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็กลั้นไว้
ถ้าฝู่หลินตาย อย่างน้อยเขาก็แค่ถูกฮ่องเต้ทอดทิ้ง ทอดทิ้งก็ทอดทิ้งเถอะ อย่างไรก็ตามดูจากเสด็จพี่เจ้าชายแล้ว เขาก็ไม่อยากแย่งแล้ว ถ้าเขาถูกทอดทิ้งโดยเสด็จพ่อ บางทีเขาอาจจะได้ออกจากพระราชวังและเป็นอิสระก็ได้
องค์ชายชิงอ๋องถอยไปหนึ่งก้าวและแสดงจุดยืนของเขา องค์ชายที่ส่งมาจากฮาองเต้ก็เป็นเช่นนี้ทั้งหมด แม้ว่าหมอหลวงคนอื่น ๆ จะกังวล แต่ก็ทำได้เพียงเงียบ ๆ หลังจากฝู่หลินเขียนเสร็จ หมอหลวงถึงอ้ากปากพูด ขอองค์ชายชิงอ๋องให้อนุญาตให้พวกเขายืนเฝ้าอยู่ห่างๆ
หมอหลวงกังวลว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่รักษาสุดความสามารถ หรือว่าถ้าเธอทำผิดพลาด และเป็นเรื่องดีเสมอที่มีพวกเขาที่ได้ค่อยเฝ้าดูอยู่
องค์ชายชิงอ๋องไม่ได้ตอบ แต่ถามเฟิ่งชิงเฉินว่า: “คุณหญิงเฟิ่ง เจ้าคิดอย่างไร”
“ได้ แต่มีอยู่อย่างหนึ่ง ข้าไม่ต้องการที่จะถูกคนอื่นรบกวน” เฟิ่งชิงเฉินไม่กลัวที่จะถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนในตอนนี้ มันไม่ใช่การผ่าตัดตัดขา และไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ซับซ้อนมากเกินไป อุปกรณ์ที่เธอต้องการได้ถูกนำออกมาแล้ว การเฝ้ามองจากข้างๆไม่ใช่ปัญหา แต่มันสามารถช่วยพิสูจน์เธอได้
ฝู่หลิน มีโอกาสรอดชีวิตเพียง 10% ถ้าเธอซ่อนมันไว้ ถ้าฝู่หลิน ตาย เธอจะถูกสงสัย การนำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผยและให้ทุกคนคุมดูนั้นถือเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ และถึงจะมีข้อเสียก็ไม่ดีเท่าข้อดี
ถ้าถูกตัดออกมันจะไม่มีวันงอกขึ้นมาใหม่ เขาไม่สามารถยอมรับได้ว่าเขาจะกลายเป็นคนพิการ เขากลายเป็นคนพิการและเขาก็จะไม่สามารถฟื้นฟูตระกูล ฝู่ได้อีก หากเป็นกรณีนี้ ปล่อยให้เขาเป็นคนบาปที่ตายแทยตรพกูลฝู่เถอะ
“นายท่านฝู่ เจ้ารู้ดีกับทางเลือกของเจ้าหรือไม่ ปาฏิหาริย์นั้นไม่ใช่ว่าเจ้ามั่นใจแล้วมันก็จะเกิดขึ้น” เฟิ่งชิงเฉิน ไม่ต้องการรุกรานใคร เธอแค่พูดความจริง
“ข้ารู้ เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไม่ต้องกังวล องค์ชายชิงอ๋องก็อยู่ที่นี่ด้วย ข้าจะเขียนข้อความระบุว่านี่เป็นทางเลือกของข้าเอง จะอยู่จะตายก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า” ฝู่หลินกำลังพนันจริงๆ
เมื่อขียนข้อความยืนยันนี้ไว้แล้ว หากเฟิ่งชิงเฉินทำอะไรในระหว่างขั้นตอนการรักษาเพื่อที่จะฆ่าเขา ฮ่องเต้ก็ไม่สามารถให้เฟิ่งชิงเฉิน รับผิดชอบได้
“นายท่านฝู่ แบบนี้คงไม่ดีมั้ง”
“นายท่านฝู่ ความเสี่ยงนี้สูงเกินไป”
“นายท่านฝู่ ท่านคิดดีๆ”
หมอหลวงดูกังวลและพยายามเกลี้ยกล่อมเขาทีละคน แต่ฝู่หลินตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร เมื่อตัดสินใจก็แน่วแน่ที่จะไม่เปลี่ยนแปลง
ฝู่หลิน ตัดสินใจเช่นนี้ รองลงมาคือยอมรับการตัดขา
เฟิ่งชิงเฉิน รู้ว่าฝู่หลิน ได้ตัดสินใจแล้วและจะไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเธอจึงหันกลับมาและมอบปากกาและกระดาษให้ ฝู่หลิน “ได้ เขียนเลย”
นี่คือทางเลือกของคนไข้เอง ยังไงก็ตาม เธอไม่ต้องแบกรับความรับผิดชอบทางการแพทย์ เธอแค่ต้องรักษาสุดความสามารถ และในขั้นตอนการรักษา ก็ทำอย่างที่หมอคนนึงควรทำ และปฏิบัติตามหลักการของหมอคนนึง
ฝู่หลิน ไม่พูดอะไร เฟอ่งชิงเฉินข้าเชื่อคำพูดของเจ้า หยิบปากกาและกระดาษแล้วเริ่มเขียน องค์ชายชิงอ๋องต้องการเกลี้ยกล่อมเขาหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็กลั้นไว้
ถ้าฝู่หลินตาย อย่างน้อยเขาก็แค่ถูกฮ่องเต้ทอดทิ้ง ทอดทิ้งก็ทอดทิ้งเถอะ อย่างไรก็ตามดูจากเสด็จพี่เจ้าชายแล้ว เขาก็ไม่อยากแย่งแล้ว ถ้าเขาถูกทอดทิ้งโดยเสด็จพ่อ บางทีเขาอาจจะได้ออกจากพระราชวังและเป็นอิสระก็ได้
องค์ชายชิงอ๋องถอยไปหนึ่งก้าวและแสดงจุดยืนของเขา องค์ชายที่ส่งมาจากฮาองเต้ก็เป็นเช่นนี้ทั้งหมด แม้ว่าหมอหลวงคนอื่น ๆ จะกังวล แต่ก็ทำได้เพียงเงียบ ๆ หลังจากฝู่หลินเขียนเสร็จ หมอหลวงถึงอ้ากปากพูด ขอองค์ชายชิงอ๋องให้อนุญาตให้พวกเขายืนเฝ้าอยู่ห่างๆ
หมอหลวงกังวลว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่รักษาสุดความสามารถ หรือว่าถ้าเธอทำผิดพลาด และเป็นเรื่องดีเสมอที่มีพวกเขาที่ได้ค่อยเฝ้าดูอยู่
องค์ชายชิงอ๋องไม่ได้ตอบ แต่ถามเฟิ่งชิงเฉินว่า: “คุณหญิงเฟิ่ง เจ้าคิดอย่างไร”
“ได้ แต่มีอยู่อย่างหนึ่ง ข้าไม่ต้องการที่จะถูกคนอื่นรบกวน” เฟิ่งชิงเฉินไม่กลัวที่จะถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนในตอนนี้ มันไม่ใช่การผ่าตัดตัดขา และไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ซับซ้อนมากเกินไป อุปกรณ์ที่เธอต้องการได้ถูกนำออกมาแล้ว การเฝ้ามองจากข้างๆไม่ใช่ปัญหา แต่มันสามารถช่วยพิสูจน์เธอได้
ฝู่หลิน มีโอกาสรอดชีวิตเพียง 10% ถ้าเธอซ่อนมันไว้ ถ้าฝู่หลิน ตาย เธอจะถูกสงสัย การนำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผยและให้ทุกคนคุมดูนั้นถือเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ และถึงจะมีข้อเสียก็ไม่ดีเท่าข้อดี