นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 922 ปาฏิหาริย์ เรื่องนี้มันผิดหลักวิทยาศาสตร์เกินไป
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 922 ปาฏิหาริย์ เรื่องนี้มันผิดหลักวิทยาศาสตร์เกินไป
มีสองสาวใช้สายลับหญิงและจั่วอั้นคอยถ่วงเวลาอีกฝ่ายเอาไว้ให้ เฟิ่งชิงเฉินกลับมาถึงจวนเฟิ่งอย่างปลอดภัย ทันทีที่เข้ามาในจวน เรื่องแรกที่นางทำก็คือสั่งให้สายลับและองครักษ์รีบออกไปยังสถานที่เกิดเหตุเพื่อช่วยสาวใช้สายลับและคนขับรถม้า
ส่วนจั่วอั้น? เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจในตัวเขามาก หลายปีที่ผ่านมาเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสังหารจั่วอั้นได้ จั่วอั้นไม่เหมือนสาวใช้สายลับทั้งสอง เขาไม่มีทางเอาชีวิตของตนเองมาแลกกับการปกป้องนาง
ไม่ผิดที่จะกล่าวว่าหน่วยกู้ภัยมักจะมาถึงเมื่อสถานการณ์สิ้นสุดลง คำกล่าวนี้เป็นความจริง
สายลับต้องอยู่ในจวนเฟิ่งเพื่อปกป้องเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อองครักษ์ไปถึง ชายชุดดำทั้งเจ็ดก็จากไปแล้ว สาวใช้สายลับทั้งสองและคนขับรถม้านอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น โชคดีที่พวกเขายังมีดวง ส่วนจั่วอั้น? องครักษ์ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา
องครักษ์นำสาวใช้สายลับทั้งสองและคนขับรถม้ากลับมายังจวนเฟิ่ง เฟิ่งชิงเฉินได้ทำการเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่แรก รอพวกเขาอยู่ในกระท่อมไม้ ร่างกายของทั้งสามคนเต็มไปด้วยบาดแผล ดูโหดร้ายทารุณอย่างมาก สาวใช้สายลับทั้งสองกระดูกหัก แม้ว่าจะช่วยชีวิตกลับมาได้ แต่ในอนาคตก็คงไม่สามารถกลับมาเป็นสายลับได้อีก
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดอะไรมาก นางเอาแต่ก้มหน้าก้มตา พยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตทั้งสามคน ต่อให้สาวใช้สายลับจะไม่สามารถปกป้องนางได้อีกในอนาคต แต่นางก็จะเลี้ยงดูทั้งสอง เนื่องจากทั้งสองต้องเป็นเช่นนี้เพราะปกป้องนาง
หลังจากจัดการบาดแผลเรียบร้อย ภายใต้การช่วยเหลือของทงจือและทงเหยา เฟิ่งชิงเฉินสามารถพันผ้าพันแผลให้สาวใช้สายลับทั้งสองและคนขับรถม้าจนเสร็จก่อนที่คนของจักรพรรดิจะมารับนางไปยังจวนฝู่
“ดูแลพวกเขาให้ดี ป้อนยาให้พวกเขาทุกสองชั่วโมง หากมีอะไรผิดปกติให้รีบไปตามหมอทันที” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวพร้อมถอดชุดที่เปื้อนเลือด จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก
นางไม่สามารถดูแลทั้งสามคนได้ตลอดเวลา งานที่เหลือคงทำได้เพียงปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของทงจือและทงเหยา
“คุณหนูโปรดวางใจ” ทงเยาอยู่เฝ้าอาการของทั้งสามคน ทงจือเดินตามเฟิ่งชิงเฉินออกไปด้านนอก ชุนฮุ่ยและชิวฮว่าได้เตรียมน้ำร้อนเอาไว้ให้เฟิ่งชิงเฉินแล้ว ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินก้าวเข้าไปในเรือนก็สามารถอาบน้ำและเปลี่ยนชุดได้เลย
สาวใช้ทั้งห้าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที เฟิ่งชิงเฉินจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยสมบูรณ์ ปราศจากความเหนื่อยล้าและความอาดูรเหมือนก่อนหน้านี้
“คุณหนู ใบหน้าของคุณหนูดูมิค่อยดี มิต้องการแต่งหน้าสักหน่อยหรือ?” เมื่อปักปิ่นชิ้นสุดท้ายลงไป ตงชิงก็ถามออกมา
“มิเป็นไร ในจวนฝู่มิมีใครสนใจว่าใบหน้าของข้าจะงดงามหรือไม่” ไม่ใช่ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ชอบความงดงาม แต่ในฐานะหมอคนหนึ่ง นางไม่สามารถรักษาความงามในขณะทำงานได้ ระหว่างที่ทำงาน เมื่อมีอะไรติดอยู่บนผิวหนังกลับทำให้รู้สึกรำคาญเสียมากกว่า
“คุณหนู มิมีใครคอยปกป้องท่าน ท่านออกไปด้านนอกจะเป็นอันตรายหรือไม่?” จากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้สาวใช้หลายคนตกใจ
“ข้ารู้ว่าชุนฮุ่ยกับชิวฮว่าพอเป็นมือเป็นเท้าให้ข้าได้ เช่นนั้นพวกเจ้าสองคนตามข้าไปแล้วกัน” เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นเตรียมตัวออกเดินทาง
นางไม่สามารถเอาแต่หมกตัวอยู่ในจวนเฟิ่งไปทั้งชีวิตเพียงเพราะมีอันตรายรออยู่ด้านนอกได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นนางยอมตายเลยเสียดีกว่า
“ได้เจ้าค่ะ คุณหนู” ชุนฮุ่ยกับชิวฮว่าไม่เพียงแค่ไม่กลัวเท่านั้น แต่จิตวิญญาณในการต่อสู้ของพวกนางยังเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย
หน้าที่ของลูกน้องก็คือการปกป้องเจ้านาย
เฟิ่งชิงเฉินเปลี่ยนคนขับรถม้าและสาวใช้คนใหม่ ภายใต้แรงกระตุ้นของขันทีน้อย นางเดินทางมาถึงจวนฝู่อีกครั้ง เหมือนกับที่เฟิ่งชิงเฉินคิดไว้ ในจวนฝู่ไม่มีใครกังวลเกี่ยวกับสีหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน และไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่านางเปลี่ยนสาวใช้และคนขับรถม้าคนใหม่ รวมถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
สำหรับเจ้านายของเหล่าคนที่ต้องการมาลักพาตัวเมื่อวาน เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก แปลกใจว่าเขาเป็นผู้ใดกันแน่ เหตุใดถึงมีอำนาจอันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ สามารถปกปิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองจักรพรรดิได้ แม้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก แต่มีผู้คนมากมายที่กำลังจับตามองนางอยู่ เหตุใดถึงไม่มีใครส่งเสียงเลยแม้แต่น้อย?
น่าเสียดาย ไม่มีเวลาให้เฟิ่งชิงเฉินได้ครุ่นคิดนานขนาดนั้น หมอหลวงสามคนที่เปลี่ยนผลัดมาในวันนี้ ได้ยินเรื่องราวจากหมอหลวงสามคนเมื่อวาน ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามา พวกเขาก็รีบกล่าวทักทาย
เฟิ่งชิงเฉินรีบเก็บความคิดของนาง ยิ้มตอบรับคำทักทายของทั้งสามอย่างมีมารยาท ภายใต้คำถามและความตื่นเต้นของหมอหลวงทั้งสามคน เฟิ่งชิงเฉินหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาและตรวจสอบร่างกายของฝู่หลินพร้อมกับอธิบายให้พวกเขาฟัง
ในฐานะฝู่หลินที่ตกเป็นอาจารย์ใหญ่ เขานอนนิ่งอยู่อย่างนั้น และหมอหลวงทั้งสามก็ศึกษาจากร่างกายของเขาอย่างระมัดระวัง
หมอหลวงคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา ในช่วงเวลาที่เฟิ่งชิงเฉินประลองวาดภาพกับซูหว่าน มีหลายสิ่งซึ่งไม่ชัดเจนเกี่ยวกับแผนภาพโครงกระดูกมนุษย์ที่เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนวาด เขาจึงขอให้เฟิ่งชิงเฉินอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด
เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ปฏิเสธ นางขอให้หมอหลวงทั้งสามช่วยกันถอดเสื้อของฝู่หลินออก ใช้ฝู่หลินเป็นตัวอย่างในการเรียน หมอหลวงทั้งสามคนพยักหน้าเห็นด้วย และพวกของเฟิ่งชิงเฉินทั้งสี่คนก็ยื่นมือไปหาฝู่หลินพร้อมกัน
ร่างกายท่อนบนของฝู่หลินไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด หมอหลวงทั้งสามจึงถอดเสื้อของฝู่หลินออกอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ทั้งสามคนยื่นมือออกไปเตรียมจะถอดกางเกงของฝู่หลิน ในตอนนั้นเองก็มีเสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นข้างหูของพวกเขา
“พวกเจ้าจะทำอะไร?”
“อ่า ใต้ ใต้ ใต้เท้าฝู่ ท่านฟื้นแล้ว” หมอหลวงก้มลงโดยที่มือของเขายังจับอยู่ที่ผ้าคาดเอวของฝู่หลิน เมื่อได้ยินเสียงของฝู่หลิน เขาก็ตกใจและแข็งทื่ออยู่ตรงที่เดิม
“ใต้ ใต้เท้าฝู่ฟื้นแล้ว ฟื้นแล้ว” หมอหลวงที่กำลังโอบร่างของฝู่หลินไว้ ตกใจจนปล่อยมือลง เสียงตุบดังขึ้น ฝู่หลินล้มลงบนเตียง โชคดีที่ศีรษะตกลงบนหมอน ใบหน้าของฝู่หลินจึงบิดเบี้ยวเพียงเล็กน้อย
ส่วนหมอหลวงอีกคน มือทั้งสองข้างของเขาจับอยู่ที่เสื้อของฝู่หลิน ในวินาทีซึ่งฝู่หลินพูดออกมา เขาตกใจจนปล่อยเสื้อในมือ มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินผู้เดียวเท่านั้นที่อยู่ในสภาพปกติ
เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ข้างเตียง มองมายังฝู่หลินด้วยความตกใจ กล่าวออกมาอย่างเหลือเชื่อ “เจ้าฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ? แค่สามวันก็ฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ เจ้ายังมิสบายอยู่เลย เหตุใดถึงฟื้นขึ้นมาแล้ว”
ฟื้นแล้วก็หมายความว่าฝู่หลินสามารถปกป้องชีวิตของตนเองไว้ได้ และก็ไม่จำเป็นต้องตัดขาของเขา ส่วนเรื่องอาการบาดเจ็บตรงขาของเขาจะหายกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่นั้น มันก็ยากที่จะพูด
ผู้สืบทอดของอารามเทพช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์อะไรถึงทำให้เขาเป็นเช่นนี้ได้ ฝู่หลินสามารถคว้าโอกาสเพียงหนึ่งส่วนไว้ได้อย่างนั้นหรือ?
บาดแผลยังอักเสบ ตัวเขาก็ยังมีไข้อยู่ แต่ทำไมฝู่หลินถึงฟื้นขึ้นมาได้?
นี่มันผิดหลักทางวิทยาศาสตร์เกินไป
เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตนเองได้เห็น นางรีบขยี้ตาตัวเอง นางเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ เนื่องจากนางเห็นคนมากมายที่คาดหวังกับปาฏิหาริย์ทางการแพทย์จนต้องตายจากไป
“เหตุใดข้าจะฟื้นขึ้นมามิได้ มีอะไรงั้นหรือ หรือเจ้าอยากให้ข้าตาย?” ฝู่หลินนอนอยู่บนเตียงไม่เคลื่อนไหว ท่าทางตกใจของเฟิ่งชิงเฉินทำให้เขารู้สึกมีความสุข
นี่ยิ่งทำให้เฟิ่งชิงเฉินอยากให้เขาตายขึ้นไปอีก แต่เขาก็ยิ่งไม่อยากตาย การที่ได้เห็นท่าทางตกใจเช่นนี้ของเฟิ่งชิงเฉินก็ถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก่อนหน้านี้นั้นคุ้มค่า
“ไม่ เจ้าจะเป็นหรือตายก็มิเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าแค่มิอยากจะเชื่อว่าเจ้าจะสามารถคว้าโอกาสเพียงหนึ่งส่วนนั้นเอาไว้ได้ มันช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก” เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้าอย่างงุนงง
“เดี๋ยวก่อน ข้าขอตรวจร่างกายเจ้าสักเล็กน้อย” เฟิ่งชิงเฉินรีบหันกลับมาพร้อมกับเปิดกล่องยาพร้อมกับใช้กระเป๋าเครื่องมือแพทย์
ยังคงมีไข้และอ่อนแอ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าฝู่หลินฟื้นขึ้นมาแล้ว เฟิ่งชิงเฉินตรวจสอบให้แน่ใจอยู่หลายครั้งพบว่าการวินิจฉัยนั้นถูกต้อง นางจึงยื่นมือขวาไปด้านหน้าของฝู่หลิน
ฝู่หลินรู้สึกประหลาดใจโดยไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินต้องการทำอะไร เห็นมือซึ่งอยู่ด้านหน้า ฝู่หลินทำตามเฟิ่งชิงเฉินโดยการยื่นมือขวาออกไป
เท่านั้นจริง ๆ มันเป็นการเคลื่อนไหวอันง่ายดาย แต่สำหรับฝู่หลินมันเป็นการสูญเสียพลังงานจำนวนมาก และในตอนที่เขากำลังจะลดมือลง เฟิ่งชิงเฉินก็จับมือของเขาไว้……
ได้สัมผัสกับฝ่ามืออันเยือกเย็นของเฟิ่งชิงเฉิน ฝู่หลินรู้สึกว่ามันคุ้มค่าแม้ว่าจะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีก็ตาม!